Stephan Aarstol ปฏิวัติโลกมนุษย์เงินเดือน ให้พนักงานทำงานวันละ 5 ชั่วโมง

มาตราฐานตลาดแรงงานทั่วโลกกำหนดการทำงาน 8 ชั่วโมงต่อวัน และมีวันหยุดประจำสัปดาห์ 2 วัน โดยมากคือการทำงานระหว่างวันจันทร์ถึงศุกร์ ตั้งแต่ 9 โมงเช้า ถึง 5 โมงเย็น และหยุดเสาร์อาทิตย์ มนุษย์เงินเดือนโดยทั่วไปจึงรู้สึกเกลียดหรือกลัววันจันทร์ หมดแรงในวันพุธ และกระปรี้กระเปร่าในวันศุกร์ วนเวียนเป็นวัฏจักร

ในขณะเดียวกัน ก็มีเจ้าของกิจการจำนวนหนึ่งที่มองว่าการทำงานแบบ ‘Mon-to-Fri’ และ ‘9-to-5’ ไม่ใช่วิถีที่มนุษย์ควรจะเป็นและพยายามออกแบบแนวทางการทำงานที่เพิ่มอิสรภาพให้แก่พนักงาน อาทิ Jason Fried เจ้าของ Software as a Service ยี่ห้อ BaseCamp ที่เน้นการทำงานแบบ Remote หรือ อยู่ที่ไหนก็ทำงานได้โดยไม่ต้องมีออฟฟิศ และ Matt Mullenweg ผู้ก่อตั้ง WordPress ที่ขายสำนักงานทิ้งเพราะพนักงานส่วนใหญ่ทำงานจากที่บ้านก็มีประสิทธิภาพสูง และวันนี้มีเจ้าของกิจการอีก 1 คนที่มีนโยบายให้พนักงานเข้าสำนักงาน แต่มีชั่วโมงทำงานเพียง 5 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น!

Stephan Aarstol เจ้าของแบรนด์ Tower Paddle Boards ผู้ให้พนักงานทำงานเพียงวันละ 5 ชั่วโมง

Stephan Aarstol เป็นเจ้าของธุรกิจ สแตนอัพแพดเดิ้ลบอร์ด แบรนด์ Tower Paddle Boards และมีกิจการในเครืออีกจำนวนหนึ่ง เขามีความเชื่อว่ามนุษย์จะมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงกว่าหากเขาถูกกำหนดชั่วโมงทำงานน้อยลงและมีเวลาในการใช้ชีวิตมากขึ้น หรือสรุปเป็นคำเดียวคือ Happiness ถ้าคนมีความสุข ทุกอย่างก็จะดีเอง

ด้วยเหตุนี้เขาจึงกำหนดชั่วโมงการทำงานจากปกติ 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น ให้เหลือเพียง 9 โมงเช้าถึง บ่ายโมง หลังจากนั้นก็พักเที่ยงและออกไปใช้ชีวิตของตนได้ตามใจชอบโดยที่อัตราเงินเดือนของพนักงานยังคงเป็นไปตามมาตราฐานของตลาด — และหลังจากปรับใช้นโยบายนี้ ผลลัพธ์คือบริษัทมีผลประกอบการเติบโตขึ้นกว่าเดิม และต่อไปนี้คือ 3 เหตุผลที่ Stephan Aarstol เชื่อว่าผลลัพธ์ดีขึ้นจากชั่วโมงทำงานที่น้อยลง

คนไม่ใช่เครื่องจักร

สำหรับมนุษย์ การนั่งจ่อมอยู่กับโต๊ะเป็นเวลา 8 ชั่วโมงไม่ได้แปลว่าทำงานเป็นจำนวน 8 ชั่วโมงแบบเครื่องจักร และในความเป็นจริง งานบางอย่างอาจใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงในการทำให้เสร็จ กลายเป็นว่าอีก 5 ชั่วโมงที่เหลือเป็นการขังพนักงานไว้ในสำนักงานอย่างหดหู่ใจ

ความสุขเสริมสร้างประสิทธิภาพ

เมื่อพนักงานเกิดความห่อเหี่ยวใจ พลังใจหดหาย ย่อมส่งผลกลับสู่ไฟในการทำงานในที่สุด การปล่อยพนักงานของออกไปใช้ชีวิต ท่องเที่ยว ทำในสิ่งที่รัก อยู่กับคนที่รัก นี่คือการเติมเชื้อเพลิงและพลังงานสำหรับ มนุษย์ และเมื่อพวกเขาได้รับการเติมเต็มในชีวิต เขาจะกลับมาเติมเต็มในการทำงาน

เวลาที่จำกัด ทำให้คนทำงานดีขึ้น

ลึก ๆ แล้วมนุษย์มีเชื้อของความขี้เกียจ หากเขาถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ 8 ชั่วโมงทั้ง ๆ ที่รู้ว่างานตรงหน้าใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงก็เสร็จ เขาจะไม่ทำมันจนกว่าจะถึงเวลาใกล้เลิกงาน นานไปจะเกิดสภาวะงานกองและหมักหมม และกลายพันธ์เป็นคนทำงานที่เฉื่อยชา แต่เมื่อเขารู้ว่าเขามีเวลาเพียง 4-5 ชั่วโมงต่อวัน ผลลัพธ์คือเขาจะกลายเป็นคนมีไฟและเร่งทำงานนั้นให้เสร็จก่อนหมดเวลา (ที่มีเพียงน้อยนิด)

ถ้าคุณต้องการปรับองค์กรสู่การทำงาน 5 ชั่วโมงต่อวัน?

ถึงจุดนี้คุณอาจอยากปรับเปลี่ยนองค์กรเป็นการทำงาน 5 ชั่วโมงต่อวัน แต่ Stephan Aarstol บอกว่าไม่ใช่ทุกธุรกิจจะเหมาะกับโมเดลนี้และบางธุรกิจอาจทำไม่ได้เลยโดยเฉพาะธุรกิจรูปแบบเก่า เช่น โรงงานที่ต้องใช้แรงงานจำนวนมาก ธุรกิจด้านความปลอดภัย บริการสาธารณสุข เป็นต้น ฯลฯ แต่หากคุณเป็นธุรกิจรุ่นใหม่ ธุรกิจเทคโนโลยี ธุรกิจออนไลน์ และสตาร์ทอัพ คุณมีแนวโน้มที่จะปรับตัวเป็นการทำงาน 5 ชั่วโมงต่อวัน และต่อไปนี้ คือ แนวคิดการปรับตัว

เลิกคิดแบบ โรงงาน

โรงงาน เป็นสถานประกอบการที่ ผลผลิต เป็นไปตาม ชั่วโมงการทำงาน คุณไม่สามารถ Hack กระบวนการผลิตให้เร็วขึ้นกว่าค่าเฉลี่ยของกำลังการผลิตมาตราฐานตลาดมากนัก แต่หากคุณอยู่ในธุรกิจสมัยใหม่ เช่น ธุรกิจซอฟต์แวร์ ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ และสตาร์ทอัพต่าง ๆ ที่มีเทคโนโลยีเข้ามาทำงานมากกว่าแรงงาน และกำลังคนส่วนใหญ่เป็น Highly skilled ที่ผลผลิตเกิดจาก ความรู้ และ การจัดการ คุณ (เจ้าของ) เพียงปรับวิธีคิดเป็น จ่ายผลตอบแทนด้วยเงินเดือน บอก Incentive จากยอดขายแก่ทุกตำแหน่ง

เหตุเพื่อกระตุ้นให้พวกเขาตั้งใจทำงานอย่างพร้อมใจกัน เสมือนพวกเขาเป็นเจ้าของร่วมในกิจการ เพราธุรกิจรูปแบบนี้ต้องถือว่าทุกฝ่ายมีส่วนช่วยในการเพิ่มยอดขายร่วมการ ไม่ได้จำกัดอยู่ที่ฝ่ายขายแต่เพียงผู้เดียว

ปล่อยวางจากการสื่อสารกับลูกค้า

เราเชื่อว่าเทคโนโลยีการสื่อสารทำให้คนอดทนรอน้อยลง แต่หากคุณมีแบรนด์สินค้าที่แข็งแกร่ง บวกกับการวางระบบและสร้างวัฒนธรรมการทำงานให้ชัดเจนแต่แรก ลูกค้าก็พร้อมจะเดินตามวัฒนธรรมของคุณ — Stephan Aarstol บอกว่าบริษัทของเขาไม่ได้ตอบกลับลูกค้ารวดเร็วนัก ผู้ติดต่อคาดหวังได้เลยว่าจะได้รับการตอบกลับจากทีมงานของเขาภายใน 1-2 ชั่วโมง และลูกค้าส่วนใหญ่ก็เข้าใจและสามารถรอได้

รู้จักใช้เทคโนโลยีและการเอาต์ซอสให้มากขึ้น

ปัจจุบันมีเทคโนโลยีและผู้รับเอาต์ซอสงานเข้ามาช่วยคุณมากขึ้น ตั้งแต่ภาคการผลิต การคลัง การขาย การบริการลูกค้า ฯลฯ เจ้าของกิจการต้องเรียนรู้และค้นหาผู้ให้บริการทั้งฝั่ง เทคโนโลยี และฝั่งเอาต์ซอสที่จะเข้ามาช่วยงานแต่ละจุดของคุณ เพื่อลดส่วนของงาน Routine ให้มากที่สุด และคงเหลือเพียงพนักงาน High-skilled ประจำบริษัทที่เน้นทำงานสร้างสรรค์ และการจัดการที่ไม่อิงกับสถานที่และเวลา

อย่าจำกัดตัวเองว่าต้อง 5 ชั่วโมง

แม้จะกำหนดชั่วโมงทำงานที่ 5 ชั่วโมง แต่ก็ไม่ได้แปลว่าพนักงานจะต้องอยู่ประจำ 5 ชั่วโมงเป๊ะ — Stephan Aarstol ให้ความยืดหยุ่นต่อพนักงานถึงขั้นที่ว่า หากงานสำคัญของวันเสร็จหมดแล้ว พวกเขาก็ออกจากสำนักงานได้เลย ผลลัพธ์ก็คือ พนักงานจำนวนหนึ่งมักนั่งทำงานต่อจนเย็น และส่วนหนึ่งแม้จะออกจากสำนักงานไปแล้ว แต่ก็มีความกระตือรือร้นที่จะติดต่อและทำงานนอกสถานที่

และทั้งหมดนี้คือ แนวคิด และ แนวทาง การสร้างองค์กรสมัยใหม่ที่ทำงานเพียงวันละ 5 ชั่วโมง แต่ประสิทธิภาพในการทำงานกลับสูงขึ้นและสร้างความเติบโตให้แก่บริษัทอย่างเป็นรูปธรรม



Source: Business Insider