Absolute Advantage คืออะไร ทำไมจึงนำไปสู่ประโยชน์จากการค้าระหว่างประเทศ และมีข้อจำกัดอย่างไร เรามาทำความเข้าใจกัน
Absolute Advantage คือ ความสามารถของบุคคล บริษัท ภูมิภาค หรือประเทศในการผลิตสินค้าหรือบริการในปริมาณที่มากกว่าด้วยปัจจัยการผลิตจำนวนเท่ากันต่อหน่วยเวลา หรือผลิตสินค้าหรือบริการในปริมาณเท่ากันต่อหน่วยเวลาโดยใช้ปัจจัยการผลิตจำนวนน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคู่แข่ง ซึ่งสามารถทำได้โดยการผลิตสินค้าหรือบริการที่มีต้นทุนต่อหน่วยต่ำกว่าโดยใช้ปัจจัยการผลิตจำนวนน้อยกว่า หรือใช้กระบวนการที่มีประสิทธิภาพมากกว่า
แนวคิด Absolute Advantage ถูกพัฒนาขึ้นโดย Adam Smith นักเศรษฐศาสตร์ในศตวรรษที่ 18 เพื่อแสดงให้เห็นว่าประเทศต่างๆ สามารถได้รับประโยชน์จากการค้าด้วยการเชี่ยวชาญในการผลิตและส่งออกสินค้าที่ตนสามารถผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าประเทศอื่น โดยประเทศที่มี Absolute Advantage สามารถตัดสินใจที่จะเชี่ยวชาญในการผลิตและขายสินค้าหรือบริการเฉพาะด้าน แล้วนำเงินที่ได้ไปซื้อสินค้าและบริการจากประเทศอื่น
Absolute Advantage vs. Comparative Advantage
Absolute Advantage ต่างจาก Comparative Advantage ตรงที่ Comparative Advantage เป็นเรื่องของการที่ผู้ผลิตมีต้นทุนค่าเสียโอกาสในการผลิตสินค้าหรือบริการต่ำกว่าผู้ผลิตรายอื่น โดย Absolute Advantage จะนำไปสู่การได้รับประโยชน์จากการเชี่ยวชาญและการค้าเฉพาะในกรณีที่ผู้ผลิตแต่ละรายมี Absolute Advantage ในการผลิตสินค้าบางอย่าง แต่หากผู้ผลิตไม่มี Absolute Advantage เลย ข้อโต้แย้งของอดัม สมิธ อาจไม่สามารถนำไปใช้ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตและคู่ค้ายังอาจสามารถเห็นประโยชน์จากการค้าได้ หากสามารถเชี่ยวชาญตาม Comparative Advantage ของตน แทนที่จะใช้ Absolute Advantage
ข้อสมมติฐานของทฤษฎี Absolute Advantage
ทั้งทฤษฎี Absolute Advantage ของสมิธและทฤษฎี Comparative Advantage ของ David Ricardo ต่างอาศัยข้อสมมติฐานและการลดทอนความซับซ้อนเพื่ออธิบายประโยชน์ของการค้า ทั้งสองทฤษฎีสมมติว่าไม่มีอุปสรรคสำหรับการค้า และไม่มีต้นทุนการขนส่งหรือภาษีเพิ่มเติมที่ประเทศใดประเทศหนึ่งอาจเรียกเก็บจากสินค้านำเข้าของอีกประเทศหนึ่ง
นอกจากนี้ ทั้งสองทฤษฎียังสมมติว่าปัจจัยการผลิตไม่สามารถเคลื่อนย้ายได้และมีความคงที่ ซึ่งข้อสมมติเหล่านี้มีความสมเหตุสมผลในปี 1700 แต่ในปัจจุบันโลกาภิวัตน์ทำให้บริษัทต่างๆ สามารถย้ายโรงงานไปต่างประเทศได้โดยง่าย และอัตราการย้ายถิ่นฐานก็เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อจำนวนแรงงานที่มีอยู่ของแต่ละประเทศ
ข้อดีและข้อเสียของทฤษฎี Absolute Advantage
ข้อดีของทฤษฎี Absolute Advantage คือมีความเรียบง่าย โดยเป็นคำอธิบายที่ชัดเจนถึงประโยชน์ของการค้าว่าประเทศต่างๆ จะได้รับประโยชน์อย่างไรหากมุ่งเน้นไปที่ Absolute Advantage ของตน
อย่างไรก็ตาม ทฤษฎีนี้ยังไม่สามารถอธิบายได้อย่างครบถ้วนว่าทำไมประเทศต่างๆ จึงได้รับประโยชน์จากการค้า ซึ่งจะต้องอาศัยทฤษฎี Comparative Advantage ของริคาร์โดในภายหลัง นอกจากนี้ ทฤษฎียังสมมติว่า Absolute Advantage มีความคงที่และไม่เปลี่ยนแปลงตามขนาดของการผลิต ทั้งที่ในความเป็นจริงหลายประเทศสามารถสร้าง Absolute Advantage ได้ด้วยการลงทุนในอุตสาหกรรมเชิงกลยุทธ์
หลายประเทศยังคงมีระดับการพัฒนาเศรษฐกิจที่ต่ำ เนื่องจากมีการใช้ทฤษฎีนี้เพื่อสนับสนุนนโยบายเศรษฐกิจแบบเอารัดเอาเปรียบในยุคหลังอาณานิคม โดยองค์กรใหญ่ๆ อย่างธนาคารโลกและกองทุนการเงินระหว่างประเทศมักกดดันให้ประเทศกำลังพัฒนาเน้นการส่งออกสินค้าเกษตร มากกว่าการพัฒนาอุตสาหกรรม
สรุป
ทฤษฎี Absolute Advantage แสดงให้เห็นว่าประเทศต่างๆ สามารถได้รับประโยชน์จากการค้าด้วยการเชี่ยวชาญในการผลิตและการส่งออกสินค้าที่ตนผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพมากกว่าประเทศอื่น และนำเข้าสินค้าอื่นๆ ที่ประเทศอื่นผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพกว่า แม้ว่าทฤษฎีนี้จะเป็นภาพประกอบที่เรียบง่ายและชัดเจนของประโยชน์จากการค้า แต่ยังไม่สามารถอธิบายประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศได้อย่างครบถ้วน ซึ่งภายหลังจะเป็นหน้าที่ของทฤษฎี Comparative Advantage ของเดวิด ริคาร์โดที่จะอธิบายในประเด็นนี้
DISCLAIMER
ข้อมูลในบทความนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับแนวคิด Absolute Advantage เท่านั้น ไม่ได้มีเจตนาให้นำไปใช้เป็นคำแนะนำทางกฎหมายหรือทางการเงิน ผู้อ่านควรตรวจสอบข้อมูลกับแหล่งข้อมูลปฐมภูมิและขอคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญก่อนนำไปประยุกต์ใช้จริง ผู้เขียนและผู้จัดพิมพ์ไม่รับผิดชอบต่อความเสียหายใดๆ ที่อาจเกิดขึ้นจากการนำข้อมูลไปใช้