นักวิเคราะห์เศษฐศาสตร์ชี้ ราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวเพิ่มขึ้นไปอีก 10 เหรียญต่อบาร์เรล จากกรณีเหตุโจมตีโรงกลั่นน้ำมันยักษ์ใหญ่ที่รัฐบาลซาอุดิอะรับเบียเป็นเจ้าของพังพินาศถึง 2 แห่งเมื่อวันที่ 14 กันยายน 2562 ที่ผ่านมา
วันที่ 14 กันยายน 2562 กลุ่มกบฏ Yemen’s Houthi ใช้โดรนจำนวน 10 ลำเข้าระเบิดโรงกลั่นน้ำมันบริษัท Aramco ที่รัฐบาลซาอุดิอะรับเบียเป็นเจ้าของถึง 2 แห่ง ได้แก่ โรงกลั่น Abqaiq และ โรงกลั่น Khurais เกิดความเสียหายไฟลุกท่วม จนต้องปิดพื้นที่ลงครึ่งหนึ่ง คิดเป็นการหยุดกำลังการผลิต 50% ของประเทศ และคิดเป็นกำลังการผลิตประมาณ 4-5% ของโลก หรือ 5.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน
เบื้องต้น ทางการซาอุฯ สามารถควบคุมสถานการณ์เพลิงได้แล้ว โดยยังไม่มีรายงานผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ — อย่างไรก็ดีทางการซาอุฯ ยังไม่มีรายละเอียดความเสียหาย และยังไม่สามารถกำหนดได้ว่าจะกลับมาใช้งานได้ตามปกติเมื่อไร และอาจต้องใช้ น้ำมันสำรอง ในการจัดจำหน่ายให้แก่ตลาดโลก
ด้านนักวิเคราะห์เศรษฐศาสตร์เห็นตรงกันว่า สถานการณ์ดังกล่าวมีโอกาสทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น โดยจะสูงแค่ไหนขึ้นอยู่กับระยะเวลาในการซ่อมแซมโรงกลั่นน้ำมันของ ซาอุดิอะรับเบีย ซึ่งมีความเป็นไปได้สูงว่าอาจใช้เวลาหลายเดือน
ความเห็นนักวิเคราะห์:
Andrew Lipow, ประธานองค์กร Lipow Oil Associates คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบอาจปรับตัวขึ้นไปอีก 5 – 10 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล หรือ เพิ่มขึ้นประมาณ 12 – 25 เซนต์ต่อแกลลอนน้ำมันเบนซิน
Kyle Cooper, IAF Advisors Director of Research คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบน่าจะปรับตัวขึ้นอย่างต่ำที่สุด 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล
Roberto Friendlander, หัวหน้าทีมเทรดพลังงานจาก Seaport Global คาดการณ์ว่าหากซาอุฯ ใช้เวลาหลายเดือนในการซ่อมแซม ราคาน้ำมันดิบก็อาจบวกเพิ่มสูงสุด 10 เหรียญสหรัฐต่อบาเรล
อ่านเพิ่มเติม :
โรงกลั่นน้ำมันยักษ์ใหญ่ของซาอุฯ ถูกโจมตี หลังมีแผนนำโรงน้ำมันเข้าตลาดหุ้น
Source :