Nikkei Asian Review เผยเมื่อวันที่ 12 มีนาคม 2018 ว่า Amazon.com ก่อตั้งโดย Jeff Bezos ธุรกิจเว็บไซต์ E-Commerce ประเภท Marketplace รายใหญ่ของโลกได้ยกทัพธุรกิจเข้าสู่ตลาดเวียดนามแล้ว หลังจากที่คู่แข่งรายใหญ่อย่าง Alibaba ได้เข้าชิงพื้นที่นำไปก่อนเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา
Amazon เข้าประเทศเวียดนามผ่านพันธมิตร VECOM
Amazon เข้าสู่ตลาดเวียดนามโดยจับมือกับ Vietnam E-commerce Association หรือ VECOM สมาคมที่เป็นศูนย์รวมสมาชิกการค้าขายออนไลน์รายใหญ่ของประเทศ มีสมาชิกมากกว่า 140 ราย และจะเป็นเครือข่ายสำคัญต่อการขยายธุรกิจของ Amazon ในประเทศเวียดนาม โดยรายละเอียดและแผนงานจะมีการเปิดเผย ณ การประชุม Vietnam Online Business Forum 2018 ในวันที่ 14 มีนาคม 2018 ณ กรุงฮานอย เมืองหลวงของเวียดนาม
การมาของ Amazon ในครั้งเพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพทางการค้าออนไลน์ในพื้นที่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ และหลังจากปักธงธุรกิจในประเทศสิงคโปร์ไปเมื่อปีก่อน ปีนี้ Amazon จึงได้ฤกษ์ในการขยายสู่เวียดนามตามลำดับ
Alibaba คู่แข่งเบอร์ใหญ่ของ Amazon
ด้าน Alibaba ผู้ปักธงธุรกิจในประเทศเวียดนามตั้งแต่ปี 2017 ปัจจุบันสมาชิกการค้าในระบบหลักแสนราย นอกจากนั้น Alibaba ยังเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้น Lazada Group จากเดิมถือหุ้น 51% เพิ่มเป็น 83% โดย Lazada Group ขึ้นชื่อเรื่องเป็นผู้บริหารธุรกิจ E-Commerce รายใหญ่ในเอเชีย และยึดครองตลาด E-Commerce ในเวียดนามด้วยสัดส่วน 30% ซึ่งนับว่าสูงมาก
ส่งผลให้พละกำลังการค้าปลีกออนไลน์ของ Alibaba ในประเทศเวียดนามแข็งแกร่ง นอกจากนั้น Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba ยังเคยมีประวัติปราบเซียนระดับโลกอย่าง eBay.com ที่บุกจีนจนต้องถอนทัพกลับอเมริกาอย่างบอบช้ำ ส่งผลให้การแข่งขันในครั้งเป็นที่น่าจับตามมองอย่างยิ่งว่า Jeff Bezos ผู้ก่อตั้ง Amazon และเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลก จะใช้กลยุทธ์อะไรในการตีแตกสมรภูมิค้าปลีกออนไลน์ในประเทศเวียดนาม
การค้าปลีกออนไลน์ในประเทศเวียดนามโตพรวดพราด
สถิติของ Kantar Worldpanel พบว่า เวียดนาม เป็นหนึ่งในประเทศที่มีอัตราการเติบโตของ E-Commerce สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ปี 2016 ประเทศเวียดนามมียอดซื้อขายสินค้าผ่านทางออนไลน์จำนวน 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โตขึ้น 23% เทียบกับปี 2015 และคิดเป็นสัดส่วน 3% ของยอดขายในอุตสาหกรรมค้าปลีกทั้งประเทศ
ปี 2017 ยอดขายเติบโตขึ้นอีก 25% และคาดว่าภายในปี 2020 มูลค่าการซื้อขายสินค้าทางออนไลน์อาจสูงถึง 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วน 5% ของยอดขายในอุตสาหกรรมค้าปลีกทั้งประเทศ
นอกจากประเทศเวียดนาม ทีมวิจัย Google และกลุ่ม Temasek ยังเผยว่าเศรษฐกิจการค้าขายออนไลน์ในพื้นที่ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งหมดมีแนวโน้มเติบโตสูงต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 6-7 ปีจากนี้ไป และคาดว่าจะมีเงินสะพัดในระบบไม่ต่ำกว่า 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ภายในปี 2025
