จับตากลยุทธ์ New Retail ของ Alibaba กำลังเปลี่ยนแปลงอนาคตของการค้าปลีกในจีนและทั่วโลก

ในการประชุม Alibaba’s 2016 Computing Conference  ในปี 2016 Jack Ma ผู้ก่อตั้ง Alibaba และเป็น 1 ใน 100 นักธุรกิจโลก ในโครงการ THE CEO TOP 100 (โดย CEOblog และ Blue O’Clock Production) ได้กล่าวในงานไว้ว่า จะมี 5 สิ่งที่จะถูกเปลี่ยนแปลงโดยเทคโนโลยีในอนาคตอันใกล้

5 สิ่งนั้น ได้แก่ New Finance ระบบการเงินใหม่ , New Manufacturing อุตสาหกรรมใหม่ หรือ การปฏิวัติอุตสาหกรรม 4.0 ที่ใช้เครื่องจักรกลสมบูรณ์แบบ , New Technology เทคโนโลยีโลกยุคใหม่ , New Energy พลังงานใหม่ หมายถึงพลังงานไฟฟ้าและรถยนต์ที่ใช้พลังงานไฟฟ้า , และ New Retail การค้าปลีกยุคใหม่

Alibaba ต้องการใช้ฐานข้อมูลลูกค้าในระบบออนไลน์ เพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าการค้าปลีกออฟไลน์ และครอบครองส่วนแบ่งการค้าทั้งหมด ประมาณ 82%

กลยุทธ์ New Retail ของ Alibaba เกิดขึ้นเพื่อประสานการซื้อสินค้า ออนไลน์และออฟไลน์ เข้าไว้ด้วยกันโดยไร้รอยต่อ เพื่อเปลี่ยนลูกค้าออนไลน์ ไปซื้อในร้านค้าออฟไลน์ ซึ่งเป็นเทรนด์ที่เรียกว่า O2O (Online to Offline) ด้วยระบบนิเวศของอาลีบาบา ที่มีทั้งเว็บไซต์ และระบบการชำระเงิน Alipay จากฐานข้อมูลอันมหาศาล ที่แทบจะไม่มีคนจีนคนไหนไม่เคยซื้อของผ่านอาลีบาบา ทำให้อาลีบาบาสมารถเข้าถึงคนจีนเกือบ 1พันล้านคนได้ และเสนอสินค้าที่ลูกค้าต้องการในราคาที่พิเศษที่สุด ในร้านค้าที่อยู่ใกล้ที่สุดด้วย

บทพิสูจน์ในกลยุทธ์ New Retail แสดงผลผ่านยอดขายในวัน 11.11 หรือ วันคนโสดของจีน เมื่อปีที่ผ่านมา ทำให้อาลีบาบามียอดขายถล่มทะลายทั้งจาก ออนไลน์ และ ออฟไลน์ กลยุทธ์นี้จะประกอบไปด้วย

1. Smart Pop-up Stores

เป็นร้านแบบ Pop-up (หรือหน้าร้านชั่วคราว) ที่ให้ร้านค้าออนไลน์สามารถเปิดหน้าร้านชั่วคราวให้ลูกค้ามาเลือกชมสินค้าจริงได้ หรือเป็นจุดรับสินค้าในกรณีต้องการเร่งด่วน แต่ที่เหนือไปกว่านั้นคือ ร้านค้าป๊อปอัพนี้จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับลูกค้าได้อย่างมาก โดยจุดเด่นของเป็นร้านแบบ Pop-up ได้แก่:

  1. เชื่อมต่อกับระบบชำระเงินออนไลน์ Alipay
  2. ป้ายราคาเป็นอิเล็กทรอนิกส์ (QR Code)
  3. ใช้เทคโนโลยีในการจดจำใบหน้าลูกค้าพร้อมเสนอส่วนลด

เมื่อเลือกสินค้าภายในร้าน สามารถซื้อในภายหลังได้ (กลับไปตัดสินใจก่อนแล้วค่อยสั่งออนไลน์ที่บ้านได้) สินค้าจะถูกจัดส่งด้วยความรวดเร็ว ในเมืองใหญ่ ๆ จะใช้เวลาไม่เกิน 3 ชั่วโมง โดยผู้ซื้อไม่ต้องกรอกชื่อที่อยู่ เพราะข้อมูลทั้งหมดได้อยู่ในระบบเรียบร้อยแล้ว

ลูกค้าสามารถลองเสื้อผ้าแบบเสมือนจริง โดยเทคโนโลยี AR ได้ รวมไปถึงนวัตกรรม Cloud Shelf ที่จะจดจำใบหน้า จัดเก็บข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ ผสานข้อมูลรวบรวมอยู่บนระบบคลาวด์

2. Tmall Neighbourhood Convenience Stores / LST Corner Stores

Alibaba’s LST (零售通 / “retail integrated”) แตกต่างจากหน้าร้านค้าปลีกของ Amazon เนื่องจาก Alibaba’s LST เปิดกว้างให้ร้านค้าปลีกหรือร้านของชำทั่วไปสามารถเขาร่วมเป็นพันธมิตรได้ ซึ่งเปลี่ยนร้านค้าธรรมดาหลายล้านแห่งในประเทศจีน เข้าสู่ระบบออนไลน์ในทันที

ตัวอย่างของร้านของชำที่เข้าร่วม LST ของอาลีบาบา สามารถใช้ฐานข้อมูลของอาลีบาบาในการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้บริโภค ที่อยู่ในละแวกใกล้เคียงกับร้าน เพื่อเสนอสินค้าที่ลูกค้าส่วนใหญ่กำลังต้องการมากที่สุด ที่มีขายในร้านค้าดังกล่าว โดยลูกค้าสามารถกดสั่งซื้อผ่านออนไลน์หรือเดินมาเลือกซื้อได้ที่หน้าร้าน

โดยร้านค้าตัวอย่าง Weijun ได้เข้าร่วมทดลองในระบบ LST เป็น Tmall Corner Store ปากฎว่ามียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 45% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 26% ซึ่งก็หมายความว่า จำนวนยอดขายที่เพิ่มขึ้นมาจากลูกค้าเก่าที่ซื้อเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

3. Retail as Entertainment

เมื่อการค้ากับความบันเทิงรวมกันเป็นหนึ่ง อาลีบาบาใช้เทคโนโลยี Live Streaming มาช่วยในการขายสินค้าออนไลน์ ซึ่งกระตุ้นให้ร้านค้าออฟไลน์เข้ามาสู่ระบบออนไลน์มากขึ้น

จากเมื่อก่อนที่คนค้าขายออนไลน์จะไม่มีหน้าร้าน และขาดความน่าเชื่อถือ ส่วนคนค้าขายออฟไลน์ก็มีแต่หน้าร้านแต่ใช้ออนไลน์ไม่เป็น เมื่ออาลีบาบากระตุ้นให้ร้านค้าออฟไลน์เข้าสู่ระบบออนไลน์ ด้วยการเปิด Taobao Live โอกาสทางการค้าของคนมีหน้าร้านก็เปิดกว้างมากขึ้น เพราะสามารถนำเสนอสินค้าผ่านการไลฟ์สด และสามารถปิดการขายได้ทันที

ในส่วนของผู้ซื้อที่เป็นคนรุ่นใหม่ นิยมการดูรายการสดผ่าน ไลฟ์สตรีม ก็จะเลือกติดตามอดอลของพวกเขา ที่จะมานำเสนอสินค้าให้ดูทุกวัน ซึ่งพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเหล่านี้ ช่วยกระตุ้นให้โฉมหน้าการค้าออนไลนืของจีนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก จากการดูไลฟ์สตรีมเพื่อความบันเทิงก็กลายมาเป็นดูเพื่อหาซื้อสินค้าไปด้วย

4. A Blurring of the Line Between Consumer and Advertiser/Influencer/KOL

การกระตุ้นให้ลูกค้ากลับมารีวิวจนกลายเป็น  Influencer ในระบบของ Taobao นั้น จะมีระบบให้ร้านค้าสามารถเสนอส่วนลดหรือโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้าที่กลับมารีวิวได้ ซึ่งเป็นระบบที่มีมานานแล้ว ทำให้ลูกค้ามีความเคยชินในการรีวิวสินค้า และเมื่อนำระบบนี้มาใช้ในออฟไลน์ ร้านค้าออฟไลน์สามารถขอให้ลูกค้าถ่ายภาพที่ร้าน เพื่อนำภาพนั้นไปใช้โปรโมทสินค้าได้อีก โดยอาจจะแลกกับส่วนลดพิเศษ ซึ่งลูกค้าส่วนมากก็ยินดีจะเป็นนางแบบให้กับร้านค้าแลกกับการรับส่วนลดที่เพิ่มขึ้น

ด้วยโมเดล New Retail ของอาลีบาบานี้ หากขยายไปสู่ภูมิภาคอื่น ๆ ก็จะขับเคลื่อนธุรกิจทุกภาคส่วน ผสานทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้อย่างลงตัว และอาจเปลี่ยนแปลงอนาคตการค้าปลีกของจีนและของโลกไปตลอดกาล

Source:

http://technode.com/2018/02/14/alibaba-new-retail/