หากคุณลงทุนในหุ้น McDonald’s ด้วยเงินจำนวน 10,000 เหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเงินไทยคร่าว ๆ ประมาณ 300,000 บาท ในปี พ.ศ. 2552 และถึอยาวจนถึง วันที่ 20 กันยายน 2562 เงินลงทุนของคุณจะเติบโตขึ้นเป็น 50,000 เหรียญสหรัฐ หรือ ประมาณ 1.5 ล้านบาท คิดเป็นการเติบโต 400% ในขณะที่ S&P 500 โต 250% ในช่วงเวลาเดียวกัน
McDonald’s เป็นหนึ่งในบริษัทเก่าแก่และดำเนินกิจการอันแสนจะธรรมดาในแบบที่ Warren Buffett ชอบ นั่นคือ ขายอาหารฟาสต์ฟู้ด แต่ในขณะเดียวกัน McDonald’s ก็เป็นธุรกิจอันแสนธรรมดาที่ขยายกิจการจนครองไปทั่วโลก และมีอัตราการเติบโตที่ไม่ธรรมดา โดยมีจุดสังเกตที่น่าสนใจ คือ แม้ McDonald’s จะขายสิ่งเดิม ๆ ทุกวันมาตลอดกว่าครึ่งศตวรรษ แต่บริษัทฯ ให้ความสำคัญกับ นวัตกรรมใหม่ ๆ การลงทุนกับเทคโนโลยี และ AI อย่างมีนัยสำคัญ
การให้ความสำคัญกับ นวัตกรรม และ เทคโนโลยี ได้แก่ การพัฒนาระบบ Kiosk โดยนำร่อง ณ สาขา Times Square ใน แมนฮัตตัน เมื่อเดือน มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา
ต่อด้วยการลงทุนในการธุรกิจ AI ได้แก่ Apprente ซึ่งจะนำมาใช้ในการเรียนรู้และทำงานตามคำสั่งเสียงให้กับการบริการในส่วนของ Drive Thru, Kiosk, และ Mobile App. ต่อด้วยการลงทุนในกิจการผู้ให้บริการ Mobile App. Plexure
ตามมาด้วยการลงทุนในกิจการ AI ล่าสุดเมื่อต้นปี 2562 กับบริษัท Dynamic Yield ซึ่งเป็นส่วนของระบบอัจฉริยะที่จะช่วยวิเคราะห์สภาพแวดล้มในแต่ละวันของแต่ละสาขาเพื่อคำนวณปริมาณความต้องการของเมนูต่าง ๆ ได้อย่างพอเหมาะพอดีต่อการเสิร์ฟ โดยมุ่งเน้นไปที่สาขา Drive Thru
ทางด้านการหาพาร์ทเนอร์กระจายสินค้า McDonald’s ได้จับมือกับ GrubHub ผู้ให้บริการแอพพลิเคชั่นจัดส่งที่ครองส่วนแบ่งพื้นที่ให้บริการในนิวยอร์กสูงถึง 71%
การลงทุนกับนวัตกรรมชิ้นล่าสุด คือ การจับมือกับ Beyond Meat ผู้พัฒนา ผลิตภัณฑ์เสมือนเนื้อที่ทำจากพืช (Plant-based) เพื่อพัฒนาเมนูที่จะทดแทนเนื้อสัตว์สำหรับกลุ่มคนที่ต้องการลดการบริโภคเนื้อซึ่งกำลังเป็นเทรนด์ที่มีแนวโน้มมาแรงในอนาคต
กรณีศึกษานี้สะท้อนให้เห็นว่า ‘ทุกธุรกิจต้องปรับตัว’ และแม้ McDonald’s จะเป็นธุรกิจโบราณที่ดำเนินกิจการขายอาหารธรรมดา ๆ แต่กลับรุกหนักในการนำ นวัตกรรม และ เทคโนโลยี ใหม่ ๆ ของโลกมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจได้อย่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย
Appendix :
https://www.cnbc.com/2019/09/10/mcdonalds-acquires-ai-company-trying-to-automate-the-drive-thru.html