Jeff Bezos ตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้บริหารเงินเดือนสูงลิ่วของ D.E. Shaw & Co., บริษัทหลักทรัพย์ใน Wall Street ณ วัย 30 ปีเพื่อมาเริ่มต้นทุกอย่างใหม่จากศูนย์กับการก่อตั้งเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซหลังจากที่เขาพบข้อมูลบางอย่างเกี่ยวกับโลกอินเตอร์เน็ต
วันที่ 5 กรกฏาคม ปี 1994 เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซมาร์เก็ตเพลสนามว่า Amazon.com ปรากฏตัวขึ้นครั้งแรกบนโลกออนไลน์ และปัจจุบันมันได้สร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แก่อุตสาหกรรมค้าปลีกทั้งระบบ ส่งผลให้ Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งกลายเป็น คนรวยที่สุดในโลก ล้มแชมป์หลายสมัยอย่าง Bill Gates
แต่ ณ วันที่ Jeff Bezos ก่อตั้งธุรกิจอีคอมเมิร์ซ อินเตอร์เน็ตและอีคอมเมิร์ซยังไม่ได้รับความนิยมเท่าในปัจจุบัน และคนรอบตัวก็ล้วนมองว่าเขาตัดสินใจผิดที่ทิ้งตำแหน่งรองประธานอาวุโสที่กำลังสดใสจากบริษัทใหญ่ใน Wall Street แม้คนรอบข้างจะไม่มีใครเข้าใจในการตัดสินใจของเขา แต่ต่อไปนี้ คือ 3 สิ่งที่ทำให้เขากล้าตัดสินใจทำในสิ่งที่เสี่ยงที่สุดในวันนั้น
ตัดสินใจด้วยข้อมูลและสถิติ
“…I came across the fact that Web usage was growing at 2,300 percent per year. I’d never seen or heard of anything that grew that fast, and the idea of building an online bookstore with millions of titles — was very exciting to me…”
นี่คือคำพูดของ Jeff Bezos กล่าว ณ มหาวิทยาลัย Princeton เมื่อปี ค.ศ. 2010 โดยเขากล่าวว่าได้พบข้อมูลการเติบโตของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตสูงถึง 2,300% ต่อปี และเขาเทียบกับข้อมูลในอุตสาหกรรมอื่น ๆ แล้วยังไม่มีอุตสาหกรรมใดโตเร็วเท่านี้มาก่อน เขาจึงเห็นโอกาสที่ต้องรีบทำธุรกิจอะไรสักอย่างบนอินเตอร์เน็ต
จากนั้นจึงเลือกกลุ่มสินค้าที่จะขายโดยช่วงเริ่มต้นต้องเป็นอะไรที่ขายง่าย เข้าถึงคนง่าย และต้นทุนต่ำ เขาเลือก หนังสือ ซึ่งในตอนนั้นธุรกิจหนังสือในสหรัฐฯ มีมูลค่าตลาด 82,000 ล้านเหรียญฯ ซึ่งใหญ่พอ และยังไม่มีใครทำ เพราะสมัยนั้นคนส่วนใหญ่มีความเชื่อว่า หนังสือต้องไปยืนอ่านที่ร้านก่อนตัดสินใจซื้อ จึงไม่มีใครขายหนังสือออนไลน์ ส่งผลให้ Amazon.com เป็นร้านขายหนังสือออนไลน์เจ้าเดียวในตลาด!
ตัดสินใจด้วยการฉายภาพตัวเองในอนาคต
“…In most cases, our biggest regrets turn out to be acts of omission. It’s paths not taken and they haunt us. We wonder what would have happened…”
Jeff Bezos บอกต่อว่า สิ่งที่เราเสียดายมากที่สุดมักเป็นสิ่งที่เราไม่ได้ทำ สิ่งที่เราไม่ได้ทำมักเป็นอะไรที่กลับมาหลอกหลอนเราไปทั้งชีวิต และกระตุ้นความสงสัยตลอดเวลาว่า
“…ถ้าวันนั้นฉันได้ทำสิ่ง วันนี้จะไปถึงจุดใดแล้วหนอ…”
นอกจากจากนั้นเขายังเคยให้สัมภาษณ์ในงาน Summit LA Conference ว่า
“…I don’t want to be 80 years old and in a quiet moment of reflection, thinking back over my life and cataloging a bunch of major regrets…”
กล่าวคือ Jeff Bezos ใช้หลักคิดการฉายภาพตัวเองไปในอนาคต ณ วัย 80 ปีที่ทำอะไรไม่ไหวแล้ว นั่งอยู่บนรถเข็นและเฝ้ามองตัวเองเสียดายในสิ่งที่อยากทำแล้วไม่ยอมทำในวันที่ทำได้ เมื่อคิดเช่นนั้นแล้วจึงเกิดความกล้าที่เริ่มต้นทำสิ่งใหม่ ๆ เพราะรู้ว่าวันคืนที่มีกำลังในการทำสิ่งนั้นเหลือน้อยลงทุกที
ตัดสินใจด้วยการหักดิบลงมือทำ
การหักดิบทำบางสิ่งบางอย่าง หรือแม้แต่การยุติบางสิ่งบางอย่างนั้น เครียด น่าหวาดเสียว และเจ็บปวด แต่มันเป็นความพีคระยะสั้นก่อนที่คุณจะเข้าสู่สภาวะ และประสบการณ์ใหม่อย่างเต็มตัวได้เร็วกว่า
ในการทำธุรกิจ คนจำนวนมากใช้เวลาไปกับการศึกษา เรียนรู้ ดูข้อมูล พูดคุยกับผู้มีประสบการณ์ เข้ากลุ่ม เข้าสัมมนา และเรื่องอื่น ๆ อีกมากมายไปเรื่อย ๆ ยกเว้นเรื่องเดียวคือ การลงมือทำ — กล่าวคือ ไม่มีการตัดสินใจที่จะลงมือทำจริงจังเสียที เพราะกลัวความเสี่ยง กลัวไม่สำเร็จ กลัวเจ็บ กลัวถูกดูถูก ฯลฯ
กรณีของ Jeff Bezos เป็นการตัดสินใจที่ยากยิ่ง เพราะ ณ วัย 30 ปี เป็นวัยที่ชีวิตควรลงหลักปักฐานกับงานที่มั่นคงได้แล้ว และเขาก็ได้งานที่มั่นคง เงินเดือนสูง ในอุตสาหกรรมที่มีอนาคต นั่นคือกลุ่มธุรกิจการจัดการด้านการลงทุนรายใหญ่แห่ง Wall Street ที่ใคร ๆ ก็ฝันจะได้เข้ามาทำ แต่เขากลับหักดิบลาออกมาทั้ง ๆ ที่ไม่รู้เลยว่าผลลัพธ์ในการก่อตั้ง Amazon ในวันนั้นจะสำเร็จหรือไม่
Jeff Bezos ให้สัมภาษณ์ว่า “…What does your heart say?…” กล่าวคือ เมื่อมีข้อมูลแล้ว มีทรัพยากรเพียงพอในระดับหนึ่งที่จะเริ่มต้นแล้ว ที่เหลือคือ ฟังหัวใจตัวเอง!
สรุป
เมื่อกว่า 2 ทศวรรษที่แล้ว Jeff Bezos ทำงานในห้องทำงานเล็ก ๆ และเซิร์ฟเวอร์ตัวแรกที่ตั้งอยู่ในโรงรถเก่า ๆ ปัจจุบัน Amazon.com กลายเป็นเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซที่มีผู้ใช้งานทั่วโลก ในปี 2017 มีสินค้ากว่า 500 ล้านรายการ และยอดขายมากกว่า 177 แสนล้านเหรียญ พร้อมกับเป็นบุคคลที่รวยที่สุดในโลกด้วยทรัพย์สิน 132,000 ล้านเหรียญ ในเดือน มีนาคม 2018 ทั้งหมดนี้ส่วนหนึ่งมาจาก 3 แนวคิดสำคัญ ตัดสินใจด้วยข้อมูล, ฉายภาพตัวเองไปในอนาคต, และหักดิบลงมือทำวันนี้
