Uber มีแนวคิดจะขายกิจการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้กลุ่ม Grab

เว็บไซต์ข่าว CNBC รายงานเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2017 ว่า Uber มีแนวคิดที่อาจจะขายกิจการในพื้นที่เอเชียตะวันออกเฉียงใต้แก่เจ้าถิ่นอย่าง Grab เพื่อแลกกับสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการของ Grab

Grab เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการ Ride-hailing และ Ride-sharing ทั้งรถเก๋ง รถแท็กซี่ รถมอเตอร์ไซต์ ฯลฯ รายใหญ่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้บริการมากกว่า 100 เมืองและครองส่วนแบ่งตลาดในพื้นที่สูงถึง 95% จึงจัดเป็นคู่แข่งที่ทรงพลังมากหากผู้ให้บริการจากทวีปอื่นจะเข้ามาเจาะตลาดในพื้นที่นี้

Dara Khosrowshahi, CEO คนปัจจุบันที่มารับช่วงต่อจาก Travis Kalanick ผู้ร่วมก่อตั้งและอดีต CEO ที่ถูกกดดันจนลาออกไป กล่าวในงาน Goldman Sachs Technology and Internet Conference ณ San Francisco เมือสัปดาห์นี้ว่า

“…I think the team ran through an inventory of where we competed, and if we compete on let’s say even on a dollar-for-dollar basis against the local player, paying the same amount to drivers, collecting the same amount from riders, in general where we are now is, if both players are kind of spending equally we tend to win share. We’ve got a better brand, we’ve got better technology, better network, etc. Whatever it is, we tend to win share.

There’s certain markets, China and Russia, where that wasn’t true. And if your only competitive advantage, or the only reason you can be in a market is because you can spend money, that’s not exactly a reasonable proposition…”

อธิบายโดยสรุปว่า…

Uber มีศักยภาพในการแข่งขันสูงกว่าหากแข่งขันภายในพื้นที่ของตน และสามารถเอาชนะคู่แข่งด้วยทรัพยากรที่เท่ากัน (ไม่ต้องเพิ่มเงินทุน ไม่ต้องลดราคาค่าบริการ) แต่สำหรับในพื้นที่อื่น ๆ โดยเฉพาะ Developing country (โซนเอเชีย) แล้ว หากจะเจาะตลาดสำเร็จต้องใช้ทรัพยากรมากกว่าเจ้าตลาด ด้วยราคาการให้บริการที่ถูกกว่าเจ้าตลาด ซึ่งสำหรับ Uber แล้วมองว่าเป็นกลยุทธ์การเอาชนะที่ไม่น่ากระทำ

สรุป

แม้จะยังไม่มีกำหนดการณ์ที่แน่ชัดว่า Deal นี้จะเริ่มและสำเร็จเมื่อไร แต่หากพิจารณาจากประวัติการ Deal ของ Uber ในอดีตก็เล็งเห็นความเป็นไปได้ว่าน่าจะมีการซื้อขายกิจการเกิดขึ้นในอนาคตอันใกล้ เนื่องจากก่อนหน้านี้ Uber เคยขายกิจการในจีนให้แก่ Didi เจ้าถิ่นธุรกิจ Ride-hailing จีนเพื่อแลกกับสัดส่วนการถือครอง Didi จำนวน 20% และ Uber ได้เคยควบรวมกับ Yandex ในรัซเซียเพื่อแลกกับหุ้น 37%

การขายกิจการและควบรวมเหล่านี้เป็นไปเพื่อรักษาฐานธุรกิจในประเทศที่มีผู้ให้บริการแข็งแกร่งเกินจะเจาะตลาด เพื่อลดความเสียหายของธุรกิจ และเพื่อเพิ่มรายได้รวมไปถึงกำไรของ Uber ซึ่งแม้ Uber จะเติบโตเร็วและมียอดขายสูงแต่ยังมีผลประกอบการขาดทุนอยู่ ในขณะที่ Uber มีแผนจะทำการ IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ในปี 2019 การสร้างผลลัพธ์ในงบดุลจึงเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก

Source:

https://www.cnbc.com/2018/02/16/uber-preparing-to-sell-southeast-asia-unit-to-grab.html