Royal Dutch Shell หนึ่งในบริษัทน้ำมันรายใหญ่ประกาศเพิ่มกำไร 30 เปอร์เซ็นต์ ในไตรมาสที่สอง ปี ค.ศ. 2018 และประกาศซื้อหุ้นคืนมูลค่า 25,000 ล้านเหรียญ
รายได้สุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นตามต้นทุนวัสดุอุปกรณ์ปัจจุบัน (CCS/ Current Cost of Supplies) ซึ่งใช้เป็นตัวแทนของกำไรสุทธิและไม่รวมรายการที่ระบุนั้นมีมูลค่า 4.69 พันล้านเหรียญ เพิ่มขึ้นจาก 3.6 พันล้านเหรียญในไตรมาสเดียวกันของปี 2017 นับเป็นอัตรารายได้ที่ต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 5.9 พันล้านเหรียญเศษ
บริษัทฯ กล่าวว่าผลประกอบการที่เพิ่มขึ้นส่วนหนึ่งมาจาก Upstream ซึ่งชดเชยกับรายได้ที่ลดลงใน Downstream โดย Upstream ในที่นี้หมายถึงภาคสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของอุตสาหกรรมน้ำมันในขณะที่ Downstream จะเกี่ยวข้องกับขั้นตอนการกลั่น
Royal Dutch Shell ยังได้ประกาศว่าจะเริ่มโครงการซื้อหุ้นคืนอย่างน้อยประมาณ 25 พันล้านเหรียญ ในช่วงปี ค.ศ. 2018 – 2020 ซึ่งจะมีความคืบหน้าในเรื่องการลดหนี้และเงื่อนไขราคาน้ำมัน
สถิติน่าสนใจในไตรมาศที่ 2 ของปี ค.ศ. 2018
- รายได้สุทธิที่เป็นของผู้ถือหุ้นมีมูลค่า 4.69 พันล้านเหรียญ เทียบกับ 5.4 พันล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่แล้ว
- บริษัทน้ำมัน Anglo-Dutch ยังคงจ่ายเงินปันผลรายไตรมาสที่ 47 Cent
- บริษัทฯ มีโครงการ ‘ถอนการลงทุน’ จำนวน 30 พันล้านเหรียญ ในระหว่างปี 2016 – 2018 โดยจำนวน 27 พันล้านเหรียญ ถอนออกสำเร็จแล้ว และอีก 7 พันล้านเหรียญ อยู่ระหว่างดำเนินการ
Ben van Beurden, ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท Shell กล่าวว่าโครงการซื้อหุ้นคืนนี้เป็นอีกขั้นที่สำคัญในการส่งมอบกรณีการลงทุนระดับโลกของเรา
“…นี่คือหนึ่งในภารกิจสำคัญที่เราต้องการทำให้สำเร็จหลังโครงการซื้อกิจการ BG เมื่อปี ค.ศ. 2017 เพื่อปรับโครงสร้างบริษัทของเราผ่านโครงการถอนการลงทุน 30 พันล้านเหรียญ และโครงการใหม่ ๆ เพื่อลดหนี้สุทธิและเพื่อปิดการจ่ายเงินปันผล…”
