jason fried ผู้เขียนหนังสือ rework

CEO BOOK : รีวิวหนังสือ REWORK ยกเครื่องความคิด by Jason Fried

สำหรับหนังสือ ReWork ที่จะนำมารีวิวเป็นหนังสือที่ปฏิวัติความคิดคนทำงาน อ่านง่ายปรับใช้ในชีวิตจริง

ซึ่งหากคุณติดตามหนังสือในเครือ Stock2Morrow จะพบว่ามีสไตล์หนังสือเป็นเอกลักษณ์นั่นคือ เนื้อหาง่าย เฉียบคม ตัวหนังสือน้อย กราฟฟิคและสีสันเยอะ แม้หลายคนไม่ชอบเพราะรู้สึกไม่คุ้ม แต่มีคนเฉพาะกลุ่มที่หลงใหลหนังสือแนวนี้ เพราะเขาต้องการคมความคิดที่ลึกซึ้งแต่สั้นกระชับอ่านจบไว หนังสือเหล่านั้นก็ตอบโจทย์ ไม่ว่าจะเป็น งานไม่ประจำ ทำเงินกว่า, เก่งสวยรวยเปลี่ยนโลก, สร้างเงินล้าน ด้วยงานออฟฟิศ, และ พลอย เซ่ เด็กนอกคอก เป็นต้น

แต่ไม่บ่อยนักที่จะเห็นหนังสือฝรั่งสไตล์นี้ เพราะหนังสือฝรั่งสาย Non-fiction เป็นเนื้อหาหนัก แต่ละหน้าแน่นไปด้วยเรื่องราวยาวไปจรดท้ายเล่ม ซึ่งหนังสือฝรั่งเล่มหนึ่ง ๆ มีไม่ต่ำกว่า 200 หน้า เป็นต้น

แต่มีงานเขียนเล่มหนึ่งที่มีลักษณะคล้ายหนังสือของ Stock2Morrow เนื้อหากระชับและเป็นคมความคิดที่อ่านแล้วจำง่าย เอาไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง ๆ และดูเหมือนชื่อหนังสือจะออกแบบมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หนังสือชื่อ ReWork โดย Jason Fried (เจสัน ฟรายด์)

อิทธิพลที่หนังสือเล่มนี้มีต่อชีวิตคน

ผมรู้สึกว่าหนังสือ ReWork มีเนื้อหาแอบแอนตี้ค่านิยมสังคมการทำงานหัวเก่า ประมาณว่าความเชื่อหรือพฤติกรรมสมัย Gen X ที่คนเชื่อว่า องค์กรใหญ่ สายบังคับบัญชายาวเป็นหางว่าว คนทำงานหนัก ประชุมแผนกถี่ ๆ เป็นรูปแบบการทำงานที่ดี แต่ผู้เขียนคิดว่ามันไม่ดีและกำลังจะเป็นสิ่งไม่จำเป็นในอนาคตอันใกล้

ตอนที่อ่านหนังสือเล่มนี้ ผมทำงานประจำไปด้วยและประสบเหตุการณ์หลาย ๆ อย่างที่คล้ายกันทำให้ผมเข้าใจมุมมองของผู้เขียนมากขึ้น และเมื่อนำมาเปรียบเทียบกับชีวิตประจำวันที่เป็นอยู่จริงของผมจนเห็นภาพแบบขาวกับดำ และส่งผลต่อการปรับทัศนคติใหม่ของผมในหลาย ๆ ด้าน ยกตัวอย่างเช่น…

ในแง่ของงานประจำ

Workaholism: คนบ้างาน ใช่! ผมเป็นคนบ้างานมาแต่ไหนแต่ไร ผมทุ่มเททำงานมาก ไปแต่เช้ากลับดึกดื่นและผมยอมรับว่าผมสนุกกับงานมากจริง ๆ จนกระทั่งผมเลิกรากับแฟน พ่อป่วย แม่ประสบอุบัติเหตุ ผมก็เริ่มคิดว่า ชีวิตมันมีอีกหลายด้านที่ต้องดูแล นี่ยังไม่นับตัวเองที่ไม่เคยดูแลตัวเอง

แต่สิ่งที เจสัน ฟรายด์ สื่อมันลึกซึ้งกว่านั้น เพราะถ้าใครมาบอกให้คนหนุ่มสาวไฟแรงวัย 30 ต้น ๆ ให้ดูแลตัวเอง คุณจะเชื่อไหม? คุณก็ไม่เชื่อ และผมก็ไม่เชื่อ เรื่องดูแลตัวเองไม่อยู่ในเมนูของคนวัยนี้ครับ แต่สิ่งที่ผู้เขียนหนังสือ ReWork หยิบยกมาพูดอย่างตรงจุดคือ Productivity!

เขาบอกว่า ทำงานหนัก ทำงานมาก ทำงานดึก แปลว่าไม่คุณก็งานที่มีปัญหา คุณกำลังทำตัวไม่ Productive และไม่มีความสามารถในการจัดงานให้อยู่หมัดภายในเวลาปกติ หรือไม่ระบบการทำงานของบริษัทก็รั่วสุด ๆ จนคนทำงานไม่สามารถเอาอยู่ เขาบอกว่า

การกลับดึกไม่ใช่ขยัน แต่กำลังเอางานไม่อยู่ ซึ่งแนวคิดนี้มันบาดใจคนหนุ่มสาววัยทำงานที่ไฟกำลังแรงเลยครับ!

Meeting are toxic: การประชุมคือยาพิษ โอ้ มาแรงครับ เราคิดว่าการประชุมนั้นน่าเบื่อ แต่ เจสัน ฟรายด์ อัพเกรดให้ว่า การประชุมคือยาพิษ โดยเขามองว่ามันเป็นการผลาญเวลาทำงานของคนที่ทำงานจริง ๆ โดยเขาให้เหตุผลว่า…

  • การประชุมแต่ละครั้งคือการประดิษฐ์เนื้อหาที่ฟังดูดีแต่ไม่ค่อยได้กลับออกไปปฏิบัติจริง
  • การประชุมอาศัยการเตรียมข้อมูลละเอียดยิบและมีปริมาณมากเพื่อเอาไปใช้นั่งดูผ่าน ๆ แล้วก็ไม่ได้ใช้งานต่อ
  • การประชุมมีหัวข้อการประชุมที่ดูเท่ห์ แต่ไม่แน่ใจถึงเป้าหมาย และจบลงโดยไม่ได้กลับไปปฏิบัติจริง
  • การประชุมจะมีหัวโจกอยู่คนสองคนที่พูดอยู่ท่าเดียวและกินเวลาไปทางการประชุมจนไร้สาระ
  • การประชุมหนึ่งครั้งมักนำไปสู่การประชุมครั้งต่อไป และต่อ ๆ ไป

และจากที่ประสบมา ผมพบว่ามันจริง! เจสัน ฟรายด์ ถึงกับนับว่าการประชุม 1 ชั่วโมงโดยคน 10 คน มีค่าเทียบเท่า 10 ชั่วโมงการทำงาน

ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าไม่ควรการมีการประชุม แต่ขอให้กำหนดหัวข้อและเป้าหมายให้ชัดเจน เริ่มต้นด้วยปัญหาที่ต้องมาคุยกัน เชิญคนให้น้อยที่สุดโดยคนที่ต้องกลับออกไปทำงานจริง ๆ

Forget about formal education: เจสัน ฟรายด์ เป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่มองว่าวุฒิการศึกษาไม่ได้เป็นตัวบ่งบอกความสามารถของคน และเขาก็เบื่อหน่ายกับบริษัทในอเมริกาที่คลั่งไคล้การเฟ้นหาบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชั้นนำ

เขาบอกว่า บริษัทต่าง ๆ จ้างบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยชั้นนำมาเป็นพนักงานระดับล่าง แต่บรรดา CEO แนวหน้าขององค์กรกลับเป็นบัณฑิตจากมหาวิทยาลัยท้องถิ่น นั่นหมายความ ความสามารถไม่ได้วัดกันที่สถาบันการศึกษาเสมอไป แต่ที่เป็นไฮไลท์สำคัญคือ เจ้าของธุรกิจในอเมริกา ดันเป็นพวก College dropout เลิกเรียน ไม่เรียนต่อ เรียนไม่จบ แล้วออกไปสร้างธุรกิจ นี่แหละชีวิตจริง!

CEO-1412026 J-Fried

ในแง่ธุรกิจและการตลาด

Startup: แม้แต่เทรนด์ธุรกิจสมัยใหม่อย่าง สตาร์ทอัพ ก็ไม่รอด เจสัน ฟรายด์ บอกว่า คนชอบคิดว่า สตาร์ทอัพ เป็นช่วงทดลองงานของการทำธุรกิจ และหาข้ออ้างความล้มเหลวว่า ก็เพราะมันเป็นแค่สตาร์ทอัพ

เจสัน ฟรายด์ มีแนวคิดว่าธุรกิจจะเปิดใหม่หรือเปิดมานานแล้ว ก็คือธุรกิจ มีความเป็นความตายเท่าเทียมกัน ฉะนั้นธุรกิจสตาร์ทอัพก็ต้องเอาจริงเอาจังและเอาให้เต็มที่เช่นเดียวกับธุรกิจเก่า จะเปิดเอามันส์ เอาไอเดียมาลองเล่น เอาเงินของนายทุนมาทำเสียเล่นแล้วไปเริ่มใหม่ไปเรื่อยนั้นไม่ควร

เขาสนับสนุนให้คนรุ่นใหม่คิดเป็นผู้ประกอบการมืออาชีพ ธุรกิจส่วนตัวไม่มีช่วงทดลองงาน สตาร์ทอัพก็เช่นกัน!

Build your audience: เจสัน ฟรายด์ ให้ความสำคัญกับการสร้างแบรนด์และแฟนคลับ เขาเป็นอีกหนึ่งนักธุรกิจที่เชื่อว่า สินค้าและบริการอาจก็อปปี้กันได้ง่าย ๆ และวิธีปกป้องตัวเองจากการก็อปปี้สินค้าและการตัดราคาคือสร้างวัฒนาความจงรักภักดีต่อแบรนด์กับลูกค้า

Forget about the Wall Street Journal: อันนี้เป็นอีกข้อที่ผมอ่านแล้วอมยิ้ม เจ้าของสินค้าต่างให้ความสำคัญกับสื่อออฟไลน์ราคาแพง ลงทุนกับโฆษณาลงหนังสือพิมพ์และนิตยสารต่าง ๆ

ในขณะที่ เจสัน ฟรายด์ สนใจสื่อ Niche market อย่างเช่น Technology blog ต่าง ๆ ที่เขียนโดยบล็อกเกอร์ที่ทรงอิทธิพลและมีฐานผู้อ่านที่จงรักภักดีต่อบล็อก เขาคิดว่าการผลิต Content ป้อนบล็อกเฉพาะทางเหล่านี้ ประหยัดและมีประสิทธิภาพสูงกว่า

The myth of the overnight sensation: เป็นหนึ่งแนวคิดที่ผมชอบมาก “ความสำเร็จข้ามคืน เกิดจากการลงมือทำงานต่อเนื่องนับปี” เป็นเรื่องจริงที่คนมองไม่เห็น

เรามีโอกาสรู้จักคนสำเร็จต่อเมื่อเขาทำสำเร็จแล้ว และมักคิดรวบรัดไปเลยว่า คน ๆ นั้นเป็นคนเก่ง โชคดี และรวยเร็ว โดยลืมสืบสาวราวเรื่องถึงที่มาว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด คนประสบผลสำเร็จในอาชีพและธุรกิจจำนวนมากอยู่กับงานที่รักและทำอย่างจริงจังต่อเนื่องเป็นเวลานาน โดยมากเป็นปี และหลาย ๆ ปี กว่าจะมาถึงจุดพลิกสู่ความสำเร็จครั้งใหญ่

พอเรามองเห็นภาพด้านเดียว จึงพลอยคิดไปเองว่า มันต้องมีสูตรสำเร็จ แล้วก็เสียเวลาและเสียเงินวิ่งเต้นหาสูตรสำเร็จแทนที่จะเริ่มต้นลงมือทำให้เกิดก้าวแรกและสะสม Momentum ไปสู่ความสำเร็จ

สรุปหนังสือ ReWork โดย เจสัน ฟรายด์

หนังสือเล่มนี้ อ่านง่าย ได้แง่คิด บางอย่างเห็นด้วย บางอย่างไม่ค่อยเห็นด้วย แต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะการได้เรียนรู้มุมมองคม ๆ จากนักธุรกิจคนนี้ ถือว่ากำไรสุด ๆ

เจสัน ฟรายด์ เป็นนักธุรกิจซอฟต์แวร์ เจ้าของซอฟต์แวร์ Project management ชื่อ Basecamp ซึ่งมีที่มาจากปัญหาการใช้ซอฟต์แวร์ Project management ของค่ายอื่น แล้วไม่สะดวก เขาจึงไปจ้างทีมงานออกและพัฒนาซอฟต์แวร์ขึ้นใช้เองอย่างง่าย ๆ โดยมุ่งตัดฟังชั่นที่ไม่จำเป็นออกไปเพื่อให้ง่ายที่สุด

ผลปรากฏว่าเขาทำงานคล่องแคล่วเป็นน่าพอใจ เมื่อใช้ดีจึงอยากบอกต่อ เขาจึงตัดสินเปิดตัวซอฟต์แวร์นี้ออกขาย และบทหนึ่งในหนังสือ ReWork ตอน Scratch your own itch

บทนี้พูดถึงการสร้างผลิตภัณฑ์ขึ้นมาสักชิ้นไม่ต้องคิดมากหรือมองไกล เพียงมองปัญหาใกล้ตัว อะไรที่เป็นปัญหาและคุณหาทางแก้ไขได้ นั่นคือ Solution จากประสบการณ์จริงที่คุณสามารถนำมาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นสินค้าและบริการขายแก่ผู้อื่นนำไปใช้ตาม

ในหนังสือมีอีกหลายบท แต่ละบทครอบคลุมหลายเรื่อง ทั้งการบริหารงาน บริหารคน บริหารธุรกิจ และการปรับวิธีคิดเพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นหนังสือดีที่ต้องมีเก็บไว้ครับ


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้

หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ รับรองได้เลยว่ามันเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใครceo premium content