Business Insider ตั้งข้อสังเกตุว่า นับแต่ช่วงปลายปีต่อเนื่องมาจนถึงเดือนมกราคมที่ผ่านมา Facebook ได้มีการปรับหน้า News Feed ไปหลายครั้งแล้ว และเป็นการปรับใหญ่ทั้งสิ้น ซึ่งส่งผลกระทบกับแฟนเพจหลาย ๆ เพจเลยทีเดียว แต่ครั้งนี้ Facebook ก็ออกมาเผยเป็นนัย ๆ ว่า อาจจะมีการปรับใหญ่อีกครั้งก็เป็นได้ในเร็ว ๆ นี้
โดย Mark Zuckerberg ได้ออกมากล่าวว่า เขาให้ความสนใจกับฟังก์ชั่น Story ทั้งใน Instagram และใน Facebook และคิดว่าผู้คนเริ่มให้ความสนใจกับ Story นี้เพิ่มขึ้น โดยหวังว่ามันจะได้รับความนิยมแซงหน้า News Feed ในที่สุด เพราะมันง่ายที่จะแบ่งปันรูปภาพ หรือคลิปวิดีโอ โดยสามารถบอกเล่าเรื่องราวต่าง ๆ ได้มากมาย และมันจะหายไปภายใน 24 ชั่วโมง ซึ่งในจุดนี้สามารถปกป้องเด็ก ๆ ที่ใช้สื่อโซเชียลได้ จากการคอมเม้นท์ที่ไม่สร้างสรรค์หรือ Cyber bullying
แม้พื้นที่หน้าฟีดจะสำคัญ และผู้คนยังคงให้ความสำคัญอย่างมาก แต่ Story จะเริ่มมีบทบาทมากขึ้นเรื่อย ๆ และจะเป็นพื้นที่สำหรับเพื่อนหรือครอบครัวเท่านั้น แต่นักวิเคราะห์หลายคนก็ยังลุ้นว่า ให้ Mark Zuckerberg ไปสนใจพัฒนา Story เถอะ อย่ามายุ่งกับ News Feed เลย
แม้ Story จะมี Snap chat เป็นผู้ริเริ่ม และถูกขโมยไอเดียมาใส่ใน Instagram จนวันนี้ปรากฏอยู่ทั้งใน Instagram และ Facebook ก็ตาม แต่คนที่ทำเงินได้มากที่สุดก็คือ Mark Zuckerberg
Mark Zuckerberg กำลังจะบอกอะไรกับเรา?
แม้จะไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ แต่การที่เขาให้ความสำคัญกับ Story และย้ำว่า มันสามารถแชร์ภาพและคลิปวิดีโอได้ง่ายและสะดวก แถมยังมีคนสนใจมากกว่า เหล่านี้สามารถตีความได้อย่างหนึ่งคือ ใครที่คิดว่า คลิปวิดีโอจะเข้าถึงได้ดีในหน้า News Feed อาจจะต้องคิดใหม่เสียแล้ว เพราะหลังจากที่ยึดคืนพื้นที่จากโพสของเพจไปแล้ว ต่อไปก็คือโพสที่เป็นคลิปวิดีโอนั่นเอง
แนวโน้มของอัลกอริทึ่มที่กำลังจะมานี้มีผลกับใคร?
หลัก ๆ เลย น่าจะมีผลกับ บุคคล หรือคนที่ใช้โปรไฟล์ (ไม่ใช่เพจ) ในการโพสคลิปวิดีโอต่าง ๆ โดยอาจจะรวมถึงไลฟ์ด้วย เพราะ Mark Zuckerberg ต้องการให้ทุกคนไปโพสคลิปใน Story และอาจจะรวมถึงรูปภาพด้วย ดังนั้นใครที่ขายของในโปรไฟล์ก็ต้องเตรียมรับมือ และเริ่มหัดใช้ Story กันได้แล้ว
ส่วนโพสวิดีโอของเพจ ก็จะยังคงเข้าถึงได้เท่าเดิม เพราะถูกอัลกอริทึ่มตัวล่าสุดจัดการไปเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหากคุณทำเพจ ก็ควรสร้างสรรค์เนื้อหาที่ส่งเสริมให้มีการพูดคุยกัน และสามารถแชร์ออกไปได้โดยไม่ต้องใส่ข้อความกระตุ้น (เพราะเพจโพส Story ไม่ได้)
แล้ว Mark จะเอาพื้นที่หน้าฟีดไปทำอะไรเยอะแยะ?
พื้นที่หน้าฟีด จะยังคงอุดมไปด้วยเรื่องราวที่เราสนใจเหมือนเดิม และ Mark Zuckerberg จะสามารถคัดสรรโฆษณาที่เราน่าจะสนใจมานำเสนอกับเราได้มากขึ้น และตรงยิ่งขึ้น ในมุมของผู้ลงโฆษณา จะมีโอกาสยิงตรงกลุ่มเป้าหมายได้มากขึ้น และมีพื้นที่ให้ลงโฆษณามากขึ้น ค่าโฆษณาจะไม่ถูกลงแต่ก็จะไม่แพงจนจ่ายไม่ไหว
กล่าวโดยสรุป คนที่ทำ Personal branding เพื่อส่งเสริมธุรกิจของตนควรเริ่มเรียนรู้การใช้งาน Story แต่เนิ่น ๆ ไว้อาจจะได้เปรียบมากขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
Source:
http://www.businessinsider.com/facebook-hinted-it-may-phase-out-the-newsfeed-2018-1
