แม้ข่าวคราวเรื่องหุ้นของ Snapchat จะไม่ค่อยสู้ดีนักตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา จากการปรับเปลี่ยนหน้าตาของแอปพลิเคชั่นครั้งล่าสุด จนหุ้นตกไป 8% และยังคงไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้ดึงดูดผู้ใช้ใหม่และนักลงทุน แต่ล่าสุด Evan Spiegel ผู้เป็น CEO ของ Snapchat ก็ได้รับโบนัสของปี 2017 สูงถึง 636.6 ล้านเหรียญสหรัฐ
ตามข้อมูลที่ยื่นต่อ กลต.สหรัฐฯ Evan Spiegel มีหุ้นอยู่จำนวน 37.44 ล้านหุ้น จากการเสนอขายหุ้นเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ในปีที่ผ่านมา โดยในปี 2017 เขาได้รับโบนัสจำนวน $636.6 ล้านดอลลาร์ และได้เงินเดือนตลอดทั้งปีคือ 98,078 ดอลลาร์ และผลประโยชน์อื่น ๆ รวม 1 ล้านเหรียญ อาจจะดูว่ารับเงินเดือนเพียงน้อยนิด แต่ถ้ารวมกับโบนัสแล้ว ปี 2017 เขามีรายได้รวมสูงถึง 638 ล้านเหรียญเลยทีเดียว
นับเป็นการจ่ายโบนัสมูลค่ามหาศาล ซึ่งหากจัดอันดับจะเป็นการจ่ายโบนัสให้กับผู้บริหารที่มีมูลค่าสูงที่สุดเป็นอันดับ 3 เท่าที่ทุกบริษัทเคยจ่ายมาเลยทีเดียว โดย อันดับที่ 1 และ 2 เป็นของ Daniel Och คนเดียว ที่เป็นเจ้าของบริษัทเฮจฟันด์ Och-Ziff Capital Management Group ที่จ่ายโบนัสให้ตัวเอง ในปี 2007 จำนวน 918.9 ล้านเหรียญ และปี 2008 จำนวน 1.19 พันล้านเหรียญ
Evan Spiegel ไม่ใช่ผู้บริหารใน Snapchat เพียงคนเดียวที่ได้รับเงินโบนัสจำนวนมาก เพราะ Imran Khan หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ มีรายได้กว่า 100 ล้านเหรียญ หรือ Michael O’Sullivan ที่ปรึกษาทั่วไปก็มีรายได้ 17 ล้านเหรียญ ทั้ง ๆ ที่ทำงานไม่ถึงครึ่งปี หรือที่ปรึกษาอีกคนอย่าง Chris Handman ก็มีรายได้สูงถึง 54 ล้านเหรียญ ก็ทำงานเพียง 7 เดือนเท่านั้น
แม้จะดูว่าเป็นการจ่ายเงินโบนัสที่มากเกินไป แต่หากเทียบกับมูลค่าสินทรัพย์สินบริษัทแล้ว ก็เป็นเพียงส่วนน้อยที่ Evan Spiegel ครอบครอง เพราะมีการประเมินว่ามูลค่าทั้งหมดนั้นสูงถึง 4 พันล้านเหรียญเลยทีเดียว
หุ้นของ Snapchat ยังไม่มีทีท่าว่าจะขึ้นเลย หลังจากที่ได้ทำการ Redesign ไปเมื่อไม่นานมานี้ พร้อมกับเสียงวิจารณ์ในแง่ลบจากผู้ใช้จำนวนมาก และ Kylie Jenner ดาราเซเล็ปชื่อดังได้ออกมาทวีตแซวการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ รวมถึงผู้ใช้อีกกว่า 1.2 ล้านคน ได้ร่วมลงชื่อในแคมเปญบนเว็บไซต์ Change.org เพื่อรณรงค์ให้ Snapchat เปลี่ยนกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ไม่เป็นผล ทางด้านนักลงทุนมองว่าสถานการณ์ของ Snapchat นั้นยังไม่สู้ดีนัก
Source:
https://techcrunch.com/2018/02/22/snap-ceo-evan-spiegel-got-a-637-million-bonus-last-year/
