ผู้ประกอบการสินค้าครัวเรือน ยื่นกรมการค้าฯ ขอลดขนาดและราคาสินค้า เนื่องจากกำลังซื้อผู้บริโภคลดลง


13/12/19 สำนักข่าวไทยรัฐ รายงาน นายประโยชน์ เพ็ญสุต รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า ผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภคหลายรายได้ทำหนังสือถึงกรม เพื่อพิจารณาอนุมัติให้กำหนดราคาขายสินค้าในชีวิตประจำวันใหม่ อาทิ สบู่ ยาสีฟัน แชมพู ผงซักฟอก น้ำปลา เป็นต้น ฯลฯ หลังจากที่ผู้ผลิตได้ลดขนาดสินค้าลง ดังนั้น จึงต้องปรับลดราคาขายลงตามด้วย

ส่วนสาเหตุที่ต้องปรับลดขนาดสินค้า เนื่องจากเป็นกลยุทธ์ทางการตลาดของธุรกิจ ที่ต้องการให้สินค้ามีหลายขนาดรองรับความต้องการผู้บริโภคที่ต้องการลดรายจ่ายลง รวมถึงยังทำให้ผู้ผลิตสินค้าสามารถนำสินค้าเข้าไปวางจำหน่ายบนชั้นวางในห้างสรรพสินค้า หรือห้างสะดวกซื้อได้ในจำนวนชิ้นมากกว่าเดิม แต่เสียค่าธรรมเนียมเท่าเดิม ในพื้นที่เท่าเดิม

“ส่วนใหญ่ผู้ประกอบการจะลดขนาด และลดราคาตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ ดังนั้น จะเห็นว่าปัจจุบันร้านค้า หรือห้างค้าปลีกจะมีสินค้าไซส์ต่าง ๆ มากมายให้ผู้บริโภคเลือกซื้อ เพราะบางคนต้องการแค่ชิ้นเล็ก ๆ เพราะถ้าซื้อชิ้นใหญ่ จะใช้ไม่หมด ซึ่งตรงนี้กรมได้พิจารณาแล้วไม่ผิดหลักการ แต่หากลดไซส์แต่ราคาเท่าเดิมก็จะไม่อนุญาตเด็ดขาด ส่วนการปรับขึ้นราคาขาย ผู้ประกอบการคงไม่กล้าขึ้นแน่นอน เพราะต้นทุนการผลิตภาพรวมยังไม่สูงขึ้น ยกเว้นสินค้าที่ได้รับผลกระทบจากภาษีรัฐบาล เช่น ภาษีความหวาน ก็ต้องปรับขึ้นราคาตามต้นทุนที่สูงขึ้น”นายประโยชน์ เพ็ญสุต กล่าวต่อสื่อ

ส่วนกรณีที่มีข่าว ราคาขายปลีกน้ำตาลทรายในประเทศปรับราคาเพิ่มขึ้น กิโลกรัม ละ 3 – 4 บาท หลังรัฐบาลประกาศลอยตัวราคาน้ำตาลทรายตามราคาตลาดโลกนั้น นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน ได้ส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบตามร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ พบว่า ราคาขายปลีกน้ำตาลทรายยังอยู่ในอัตราปกติที่ กิโลกรัม ละ 21 – 22 บาท ซึ่งเป็นราคาปกติ และเป็นราคาที่ปรับขึ้นตามราคาตลาดโลก หลังรัฐบาลกำหนดราคาหน้าโรงงานไว้ที่ กก.ละ 17.50 บาท มาได้ระยะหนึ่งแล้ว

กรมการค้าภายใน ได้ฝากความมั่นใจไปถึงผู้บริโภคว่า หากผู้ประกอบการรายใดจะปรับราคาน้ำตาลทรายด้วยเหตุผลการปล่อยลอยตัว ต้องทำเรื่องให้กรมพิจารณาเห็นชอบก่อน แม้จะเป็นกลุ่มสินค้าที่ปล่อยลอยตัวตามราคาตลาดโลก และไม่ได้เป็นสินค้าในบัญชีสินค้าควบคุมแล้ว เพราะหากขึ้นราคาโดยไม่มีเหตุจำเป็น กรมคงยอมไม่ได้ และหากประชาชนพบเห็นผู้ค้าขายน้ำตาลทรายราคาสูงเกินจริง สามารถร้องเรียนได้ที่ โทร.สายด่วน 1569



ข้อมูลอ้างอิง

https: //www.thairath.co.th/news/business/1725121