นักเขียน นักขาย นักเขียนใหม่ ทำ eBook อย่างไรให้ขายได้เงินแสน

Image for CEO-1412013-2

ผมชอบการเขียนและฝันอยากมีงานเขียนของตัวเอง ความฝันผมดูริบหรี่เพราะตลาดสำนักพิมพ์ที่เข้ายากและรายได้น้อย ผมมีโอกาสเห็นฝรั่งเขียนและขายอีบุ๊ค (eBook) ทำเงินเป็นแสนเป็นล้านบาท ผมจึงคิดว่า ถ้าอย่างนั้นก็เขียนอีบุ๊ค!

สองปีก่อน ก่อนผมเริ่มเขียนอีบุ๊ค ผมก็อยากมั่นใจว่าเขียนมาแล้วจะขายได้ จึงค้นหาข้อมูลจากอินเตอร์เน็ต แต่ข้อมูลที่ผมพบตามเว็บบอร์ดต่างๆ เป็นไปในแง่ลบ เสียง 80% บอกว่า อีบุ๊คไทยขายไม่ได้ อีบุ๊คไทยโดนก็อปปี้ คนไทยไม่อ่านอีบุ๊ค ฯลฯ

ผมอดคิดไม่ได้ว่าคนอยากเขียนอีบุ๊คที่ไปตั้งกระทู้ถามแล้วพบคำตอบแบบนั้น ป่านนี้เป็นอย่างไรกันบ้าง ได้เขียนอีบุ๊คแล้วหรือยัง หรือว่าหันไปหาทางเบียดเขาระบบสำนักพิมพ์ แต่ที่รู้ๆ สองปีที่แล้วผมปิดอินเตอร์เน็ตแล้วลงมือลองทำสักตั้งให้รู้กันไป สองปีต่อมา ผมลาออกจากงานประจำได้จากการเขียนและขายอีบุ๊ค

คนอื่นว่าอย่างไร ไม่สำคัญเท่าใจเราว่าอย่างไร

ตอนที่ฟังข้อความในแง่ลบจากคนที่มองมายังตลาดอีบุ๊ค ตอนนั้นผมคิดเพียงว่าผมอยากเขียน ผมมีบางอย่างที่มีประโยชน์อยากส่งมอบออกไป และต้องการช่องทางที่ประหยัดและเร็วที่สุด

แน่นอนว่าผมต้องกินต้องใช้ แต่หากมัวกลัว ไม่ลองลงมือทำก็ไม่จะรู้ผลลัพธ์ว่าเป็นอย่างไร ผมชั่งใจดูแล้วเห็นว่าผมทำงานประจำอยู่ ความเสียหายเดียวที่จะมีคือ อีบุ๊คขายไม่ได้ และอาจจะเสียเงินเล็กน้อยจากการลงทุนเรื่องเว็บไซต์และค่าโฆษณา เมื่อชั่งใจแล้วผมรับได้ ก็ตัดสินใจทำอีบุ๊คขาย

หลังจากประสบผลลัพธ์กับการขายอีบุ๊ค ทำให้ผมเป็นที่รู้จักโดยผู้คนพอสมควร คนไทยเริ่มสนใจการเขียนอีบุ๊คมากขึ้นเพราะได้รับการพิสูจน์แล้วว่าตลาดนี้มีเงินอยู่จริง

ที่ผ่านมา มีคนจำนวนไม่น้อยเข้ามาเขียนและขายอีบุ๊ค แต่คนจำนวนไม่น้อยเหล่านั้นก็เงียบหายไปอย่างรวดเร็ว บางคนขายได้น้อยมากจนอาจตัดสินใจเลิกทำ บางคนยังไม่ทันทำ ได้ฟังคำแนะนำจากผู้มีประสบการณ์ก็หันหลังไม่เอาด้วย

ผมขอแชร์ประสบการณ์วิธีเขียนอีบุ๊คให้ประสบผลสำเร็จ เพื่อที่จำนำไปถามใจตัวเองดูว่างานมันใช่สำหรับคุณหรือไม่?

นักเขียน คือนักขาย เพราะงานเขียนไม่มีปาก มันขายตัวเองไม่ได้

ผมพบว่าบางคนคิดว่า นักเขียนคือนักเขียน นักขายคือนักขาย แยกกัน แต่จริงๆแล้ว นักเขียนและนักขาย คือคนๆ เดียวกัน คุณเขียนแล้วคุณต้องขายงานตัวเองให้เป็น งานดีแค่ไหน ป่าวประกาศขายของไม่เป็นก็ไม่มีใครรู้เรื่องกับคุณด้วย

งานขาย อาศัยการฝึก สมัยก่อนผมไม่ชอบงานขาย ภายหลังพอมาเขียนอีบุ๊คและต้องขายโดยลำพังผมรู้สึกกระดากทั้งปากและแป้นพิมพ์ที่จะพิมพ์เขียนขายของตัวเอง มันอาจฟังดูตลกที่ไม่กล้าขายของตัวเอง แต่ผมเชื่อว่าคนไม่ชอบขายเป็นกันมาก แต่คุณอยู่ไม่ได้ถ้าไม่กล้าขาย

หลังจากขายบ่อยๆ คุณจะเกิดพัฒนาการในการขาย ปัจจุบันใจผมลงไปอยู่ในตัวสินค้า และไม่อายที่จะขายของตัวเอง

วิธีคิดคือ สร้างอีบุ๊คออกมาให้สุดฝีมือและเชื่อเสมอว่าคุณกำลังให้สิ่งที่มีคุณค่ากับผู้อื่น เมื่อคุณรู้สึกว่าของที่คุณขายมันดีกับชีวิตเขาจริงๆ คุณจะสนุกกับการพูดขายของ ในกรณีนี้คืออีบุ๊คของคุณเอง

ต้องสร้างตัวตนบนโลกออนไลน์ให้เป็นที่รู้จัก

การขายอีบุ๊ค… การทำงานส่วนใหญ่อยู่บนอินเตอร์เน็ต และเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่งในการสร้างหน้าร้านออนไลน์ของคุณให้ออกมาดีและเป็นมืออาชีพ ต่อให้คุณนำไปขายบน OokBee.com คุณก็ควรมีหน้าเว็บบอกเล่าถึงอีบุ๊คแล้วค่อยใส่ลิงค์ไปหน้า Payment บน OokBee อีกครั้งก็ได้ ซึ่งในต่างประเทสก็ใช้วิธีนี้ส่งคนไปหน้าขายบน Amazon.com ครับ

หากคุณไม่เก่งการใช้เครื่องมือต่างๆ วิธีแก้คือ จงเรียนรู้มันซะ!

หากคุณจะขายสินค้าออนไลน์ คุณไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเรียนรู้ที่จะ ทำเว็บไซต์ให้เป็น และใช้โซเชียลมีเดียที่คนไทยใช้มากที่สุดให้คล่องมือ นั่นคือ Facebook นอกจากนั้นคุณต้องเรียนรู้ที่จะใช้ Email marketing software (ไม่ยากครับ เป็นซอฟต์แวร์สำเร็จรูป ผมใช้ Mailchimp.com วิธีใช้อยู่ที่นี่) และการใช้ Payment gateway เพื่อทำให้การขายอีบุ๊คของคุณเป็นระบบ Passive income รายละเอียดอยู่ใน บทความนี้ 

เครื่องมือเหล่านี้นำมาผสานกันเพื่อพัฒนาตัวตนบนโลกออนไลน์ หรืออาจจะเรียกว่า การสร้างแบรนด์ส่วนบุคคล หรือ Personal branding… ทำไม?

อีบุ๊ค เป็น Information product ผลิตภัณฑ์ทางความรู้ จับต้องไม่ได้เป็นชิ้นเป็นอันเหมือนหม้อรามชามไห การที่คนจะซื้ออีบุ๊คของคุณย่อมตัดสินจาก สไตล์การเขียน ความรู้ และความคิด ของคุณ ซึ่งสิ่งเหล่านี้สามารถทำผ่านการเขียนผ่านสื่อออนไลน์ต่างๆ ได้แก่ เว็บบล็อก เฟซบุ๊ค และ อีเมล์ นั่นเอง!

คุณใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการสื่อสารเพื่อสร้างฐานผู้อ่าน จนกระทั่งคุณมีฐานผู้อ่านที่ชื่นชอบแนวคิดของคุณแล้ว เขาย่อมเกิดความรอคอยที่จะบริโภคผลงานเขียนในระดับ Advance ของคุณโดยปริยาย คุณสามารถเรียนรู้เรื่องการทำบล็อกแบบเต็มๆ ได้ที่คอร์สสัมมนา Blogger Startup สร้างธุรกิจออนไลน์ จากโน๊ตบุ๊คเครื่องเดียว ที่นี่ครับ

ต้องเข้าใจระบบ Sales Page and Payment Workflow

เป็นการติดตั้งระบบการขายครบวงจรในหน้าเดียว ภาษาอังกฤษเรียกว่า Sales page หรือ หน้าเว็บปิดการขาย ไม่มีอะไรซับซ้อน เป็นหน้าเว็บเพจธรรมดาๆ แต่ป้อนเนื้อหาขายอีบุ๊คเล่มนั้นๆ โดยเฉพาะ ทำให้สวย สื่อสารให้ชัดเจน มีรายละเอียดเกี่ยวกับเนื้อหา สามารถดาวน์โหลดตัวอย่างได้ และที่สำคัญ มีปุ่ม Buy Now

จริงๆ Sales page สำเร็จรูปแบบพรีเมี่ยมมีขาย แต่เป้าหมายของผมคือทำแบบเรียบง่ายและเป็น DIY (Do-it-yourself) ให้มากที่สุด

a) การมี Sales page สวยมีส่วนช่วยในการกระตุ้นการตัดสินใจซื้อ ล่าสุดกับ Sales page อีบุ๊ค ใช้ระบบทำกำไร เป็นเจ้าขายธุรกิจ ผมได้พัฒนาจากเดิมโดยการใส่ลูกเล่น Slide ด้านบน มีการเล่าเรื่องเกี่ยวกับอีบุ๊ค

1610854_10204931551546279_7839630883875527539_n

b) ลงมาตรงกลางคือตัวอย่างอีบุ๊ค ซึ่งมีการเก็บอีเมล์เพื่อจะได้รู้ว่าคนสนใจมากน้อยแค่ไหน และผมใช้การเก็บอีเมล์นี้ให้เกิดประโยชน์แก่ผู้สนใจสูงสุดโดยการเพิ่ม 7-Day 7-Thought Email Tips บทความเฉพาะกิจส่งทางอีเมล์เท่านั้นให้ผู้สนใจ เพื่อเป็นการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อ่าน

Image for CEO-1412013

c) ด้านล่างลงมาก็จะเข้าสู่การขาย (ตอนนี้ยังไม่เปิดขาย) ซึ่งจะมีการรับเงินสามทาง ได้แก่ บัตรเครดิต (Gumroad.com) เพย์พาล และ โอนผ่านตู้เอทีเอ็ม

d) สิ่งที่ผมเพิ่มเข้าไปคือ Testimonial จากผู้อ่านและ Facebook comments ที่จะตามมา และด้านล่างสุดคือ สารบัญเนื้อหา

เหล่านี้เป็นองค์ประกอบสำหรับ Sales page หนึ่งหน้าเพื่อขายอีบุ๊ค ซึ่งเป็นงานหนักมาก และต้องอาศัยความอดทนในการ set-up, test, fail, test again มากมายกว่าที่งานหน้า Sales page จะแล้วเสร็จ

สรุป

จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ผมพบว่าการเขียนอีบุ๊คนั้นไม่ยากเท่าการขาย เพราะคุณต้องวางระบบ Front end และ Back end มากมาย รวมไปถึงการสร้าง Content ต่างๆ เพื่อประชาสัมพันธ์อีบุ๊คของคุณ

หากฟังแล้วเหนื่อย ผมขอให้คุณคิดเลยว่านี่คืองานของ Startup entrepreneur ผู้ประกอบการต้องลุยงานหนักเพื่อสร้างธุรกิจ และโชคดีมากที่ธุรกิจนี้ต้นทุนต่ำและทำผ่านออนไลน์ เมื่อคุณวางระบบเสร็จแล้วต่อไปงานจะเบาลงมาก หน้าที่หลังจากนี้คือการตลาดประชาสัมพันธ์ไปเรื่อยๆ ซื้อโฆษณาต่อเนื่อง และรับรายได้แบบ Passive income จากอีบุ๊ค