กระแส ‘สังคมไร้เงินสด’ มาแรง คนออนไลน์อ้าแขนรับ ส่งผลยอดใช้ K PLUS SHOP พุ่ง 80%

Cashless society หรือ ‘สังคมไร้เงินสด’ ส่งสัญญาณดี คนออนไลน์ทั้งฝั่ง คนขายของออนไลน์ และ นักช็อปปิ้งออนไลน์ หันมาซื้อขายและใช้จ่ายแบบไร้เงินสดด้วย QR Code กันมากขึ้น

กสิกรไทย ผู้นำด้านดิจิตัลแบงกิ้งในกลุ่มร้านค้า และมีผู้ใช้แอปพลิเคชั่น Cashless สูงที่สุดในตลาด พบว่าเฉพาะครึ่งปีแรกของ พ.ศ. 2561 ร้านค้าต่าง ๆ มีธุรกรรมรายวันผ่าน แอปพลิเคชั่น K PLUS SHOP สูงขึ้น 80% นับจากสิ้นปีที่ผ่านมา และจากนี้ไป กสิกรไทย พร้อมหนุนการขายของออนไลน์อย่างเต็มที่ด้วยการเชื่อมโยงพันธมิตรด้าน Logistic โดยตั้งเป้าร้านค้าร่วมใช้แอปพลิเคชั่นจำนวน 2 ล้าน ร้านค้าภายในสิ้นปี 2561

นายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า การเข้าสู่สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) ของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ผู้บริโภคหันมาจ่ายเงินด้วย QR Code แทนเงินสดมากขึ้น โดยปัจจุบันธนาคารมีร้านค้าใช้แอปพลิเคชั่น K PLUS SHOP เพื่อรับเงินในธุรกิจสูงที่สุดในตลาด มียอดดาวน์โหลด 1.3 ล้านร้านค้า จำนวนธุรกรรม 2.5 ล้านรายการ และมูลค่าธุรกรรม 3,668 ล้านบาท


นายพัชร ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการขายของออนไลน์ จ่ายเงินโดยใช้ Social Media เช่น Line, และ Facebook Messenger เป็นช่องทางในการพูดคุยและส่งสลิปการโอนเงิน มากถึง 53% ซึ่งมีหลายขั้นตอนทำให้ผู้ซื้อไม่สะดวก ต้องจำเลขที่บัญชี 10 หลักและต้องเปิดหลายหน้าจอ ในฝั่งผู้ขายเองก็ต้องเสี่ยงกับสลิปปลอม รวมถึงต้องเสียเวลาในการตรวจสอบข้อมูลการโอนเงินของผู้ซื้อ

จากปัญหานี้ ธนาคารจึงได้พัฒนาฟีเจอร์ Social Payment บน K PLUS SHOP ขึ้นมา เป็นโปรแกรมสรุปยอดโอนหรือการส่งบิลเป็น QR Code ให้ผู้ซื้อ แทนการส่งเลขที่บัญชี ในฝั่งผู้ซื้อก็สะดวกเพียงใช้ QR Code ดังกล่าวจ่ายผ่าน K PLUS ได้เลย ในฝั่งผู้ขายก็จะทราบสถานะการจ่ายเงินของผู้ซื้อโดยอัตโนมัติ

อีกฟีเจอร์ที่ทำให้ K PLUS SHOP เป็น แอปพลิเคชั่นที่ร้านค้าต้องมี คือ สะสมแสตมป์ ที่จะช่วยให้ SME สามารถทำการตลาดเพื่อให้ลูกค้าซื้อซ้ำ และมีโอกาสในการเข้าถึงลูกค้าที่ใช้ K PLUS อีกกว่า 8 ล้านคน ซึ่งจะช่วยเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับร้านค้าได้อีกด้วย

นายพัชร กล่าวทิ้งท้ายต่อสื่อว่า นอกจากการพัฒนาฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์แล้ว ธนาคารยังเชื่อมโยงกับพันธมิตรต่าง ๆ เพื่อช่วยให้การบริหารจัดการธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยภายในสิ้นเดือน พฤษภาคม นี้จะเชื่อมต่อกับพันธมิตรด้าน Logistic เพื่อให้การส่งของออนไลน์มีความคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้นภายในคลิกเดียว ทั้งหมดนี้เพื่อให้ K PLUS SHOP เป็นแอปพลิเคชั่นที่ช่วยให้ธุรกรรมออนไลน์ทั้งฝั่ง ผู้ขาย และ ผู้ซื้อ ง่ายที่สุด โดยตั้งเป้าหมายร้านค้าใช้แอปพลิเคชั่นเพิ่มเป็น 2 ล้าน ร้านค้าภายในสิ้นปีนี้

สรุป

พฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้จ่ายด้วย QR Code มีแนวโน้มสดใส โดยดูจากการที่ธนาคารกระตุ้นการใช้จ่ายกับร้านค้าชื่อดัง เช่น เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ เลิฟอันดามัน ท่าเรือข้ามฟาก After you ต๋องเต็มโต๊ะ จ๊ากกี่ และข้าวต้มเจ๊โอว ซึ่งพบว่าบางร้านมีสัดส่วนยอดการใช้จ่ายผ่าน QR Code สูงถึง 30% ของยอดขายทั้งหมด

นอกจากนั้น ผลการสำรวจของ ETDA พบว่า ในปี 2559 การซื้อของออนไลน์ขึ้นมาติด 1 ใน 5 กิจกรรมยอดนิยมของผู้ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นครั้งแรก โดยการทำธุรกิจ e-commerce ในกลุ่ม B2C ของไทยเติบโตขึ้นถึง 37.91% จากปี 2558 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลธุรกรรมการเงินในการใช้แอปพลิเคชั่น K PLUS SHOP ของร้านค้าทั่วไทย ที่มีสัดส่วนการรับเงินผ่านออนไลน์เพิ่มขึ้นถึง 30% จากเมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา