ประวัติ Brian Chesky แห่ง AirBnB

Airbnb เป็นหนึ่งในธุรกิจเปลี่ยนโลกกับการให้บริการเช่าห้องพักที่มีจำนวนห้องพักให้เช่าจำนวนมากถึง 2.3 ล้านห้องทั่วโลก และที่น่าทึ่ง คือ Airbnb ไม่ได้เป็นเจ้าของอสังหาริมทรัพย์เหล่านั้นสักชิ้นเดียว ไม่ต้องลงทุนสร้างโรงแรม ไม่ต้องลงทุนเช่าห้องเอง แต่นำผู้มีกรรมสิทธิ์ในที่พักมา Listin บนแพลทฟอร์มของเขา จนสามารถ Scale ธุรกิจห้องเช่าไปทั่วโลก เป็น Startup Unicorn อันดับ 6 ของโลก ด้วยมูลค่ากิจการ 30,000 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นที่เรียบร้อยตั้งแต่ยังไม่เข้าตลาดหุ้น

Airbnb ร่วมก่อตั้งโดย Brian Chesky, Joe Gebbia, และ Nathan Blecharczyk โดยหนึ่งในทีมงานที่คนได้ยินชื่อบ่อยที่สุด คือ Brian Chesky และบทความนี้จะมาเล่าเส้นทางของ Airbnb ผ่านประวัติ Brian Chesky

ชีวิตในวัยเยาว์สนใจงานด้านศิลปะ

Brian Chesky เกิดเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม 1981 ที่เมือง Niskayuna รัฐนิวยอร์ค พ่อแม่ของเขาคือ Robert M. Chesky เป็นชาวโปแลนด์และ Deborah Chesky เป็นชาวอิตาลี โดยทั้ง คู่ทำงานเป็นนักสังคมสงเคราะห์

ในวัยเด็ก Brian มีความสนใจในด้านศิลปะ การวาดรูป การออกแบบ ในภายหลังเขายังมีความ สนใจในด้านสถาปัตยกรรมอีกด้วย จากความสนใจเหล่านี้ทำให้ในปี 1999 เขาเข้าศึกษาต่อที่ Rhode Island School of Design เขาสำเร็จการศึกษาด้านศิลปกรรมศาสตร์ในสาขา Industrial Design ในปี 2004

ถังแตกเป็นเหตุสู่แนวคิดธุรกิจ Airbnb

หลังจบการศึกษาเขาทำงานด้าน Industrial Design และเช่าอพาร์ตเมนท์แห่งหนึ่งในซานฟรานซิสโก ร่วมกับ Joe Gebbia ช่วงหนึ่งในปี 2007 ทั้งเขาและ Joe เกิดถังแตกด้วยกันทั้งคู่ทำให้เขาไม่มีเงินมากพอที่จะจ่ายค่าเช่าอพาร์ตเมนท์นั้น

หลังจากปรึกษากันว่าจะผ่านวิกฤตินี้อย่างไร เขาทั้งคู่เกิดไอเดียว่าน่าจะลองเอาห้องของตัวเองนี่ แหละประกาศให้คนเช่าค้างคืนเสียเลย เมื่อตกลงกันดังนี้ทั้งคู่จึงลงประกาศให้เช่าห้องพักค้างคืนผ่านเว็บไซต์ง่าย ๆ ก็คือ บล็อก พร้อมแนบแผนที่การเดินทางลงไปด้วย จากนั้นเขาจึงไปหาซื้อที่นอนแบบฟูกเป่าลม พร้อมกับบริการเสิร์ฟอาหารเช้าสำหรับผู้ติดต่อเข้าพัก

หลังจากลงประกาศกลายเป็นว่ามีผู้ติดต่อขอเข้าพักจริง ๆ ทั้งหมด 3 ราย ทำให้พวกเขามีรายได้จากลูกค้ารายละ 80 เหรียญ เมื่อเห็นว่าไอเดียนี้เข้าท่าและขายได้ เขาจึงชักชวนอดีตรูมเมทชื่อ Nathan Blecharezyke ให้มาช่วยกันสานต่อไอเดียนี้ขึ้นมาโดยใช้ชื่อว่า Airbed and Breakfast และเปิดตัวครั้งแรกในงานเทศกาลภาพยนตร์เพลงและเทคโนโลยีที่ชื่อ South by South West ที่เมือง Austin แต่กระแสตอบรับผิดคาดคือมีผู้ติดต่อเข้าพักเพียง 2 รายเท่านั้น

เรียนรู้ความล้มเหลวพัฒนาสู่ความสำเร็จ

ในปี 2008 พวกเขาทดลองไอเดียทำเว็บเพื่อให้คนนำห้องว่างมาลงให้เช่าอีกครั้งที่เมืองเดนเวอร์ เพราะขณะนั้น Obama จะมายังเมืองเดนเวอร์เพื่อร่วมการประชุมสำคัญ ซึ่งพวกเขาคาดการณ์ว่าน่าจะมีผู้ติดตามมาเป็นจำนวนมาก ผลจากการประกาศให้คนลงห้องปรากฏว่ามีผู้ให้ความสนใจมากถึง 800 คน ซึ่งจากผู้ที่สนใจมากขนาดนี้ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแต่กลายเป็นว่าพวกเขาต้องพับแผนนี้เพราะไม่รู้ว่าจะทำเงินจากโมเดลธุรกิจนี้อย่างไรดี

ถึงตอนนี้พวกเขาต้องรวบรวมเงินทุนเพื่อหล่อเลี้ยงให้ธุรกิจอยู่ได้โดยการเข้าไปกว้านซื้อซีเรียลและนำมาบรรจุห่อใหม่ 2 แบบ เพื่อรับกับกระแสการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นคือ Obama O’s และ Cap’n Mccains ซึ่งก็ทำเงินให้พวกเขาถึง 30,000 เหรียญ

หลังจากนั้นพวกเขาก็ตระเวนหาทุนสนับสนุน แต่ก็ถูกปฏิเสธเพราะนายทุนไม่เข้าใจโมเดลธุรกิจของพวกเขาและที่สำคัญความรู้สึกตะขิดตะขวงใจว่าการเปิดห้องให้คนแปลกหน้าเข้าพักจะทำได้จริงหรือ แต่ในปี 2009 ความพยายามก็สัมฤทธิ์ผลเมื่อ Paul Gram แห่ง Y Combinator เสนอเงินทุนกว่า 20,000 เหรียญ ให้พวกเขามาขยายธุรกิจ แต่กว่าจะได้เงินก้อนนี้ก็ไม่ง่ายเลยเพราะพวกเขาต้องอธิบายโมเดลนี้อยู่นาน

แม้ว่าจะได้เงินทุนมาสนับสนุนแต่พวกเขาก็ยังต้องเจออุปสรรคอีกเพราะรายได้ที่คาดการณ์มันไม่ตรงกับความเป็นจริง คือมีรายได้เพียง 200 เหรียญต่อสัปดาห์ เท่านั้น จึงต้องมีการปรับปรุงแผนธุรกิจกันใหม่อีกครั้งจากเดิมทีให้ลูกค้าจ่ายเงินกับเจ้าของก็เปลี่ยนเป็น Airbnb เข้ามาบริหารเองโดยเรียกเก็บค่าคอมมิชชั่น 15% (จากลูกค้า 12 % และเจ้าของห้อง 3%) และเปลี่ยนชื่อเว็บไซด์เป็น Airbnb ดังปัจจุบัน หลังจากการปรับแผนกลายเป็น Airbnb มีรายได้เพิ่มขึ้นถึง 400 เหรียญต่อสัปดาห์

อีกหนึ่งเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นเมื่อ Barry Manilow ศิลปินชื่อดังติดต่อเช่าห้องพักผ่าน Airbnb ในระหว่างการทัวร์คอนเสิร์ตและเกิดความประทับใจมากและทำการบอกต่อประสบการณ์พักกับ Airbnb ทำให้ชื่อเสียงเริ่มกระจายไปไกล กลายเป็นได้ Influencer วงการบันเทิงแนวหน้าของสหรัฐอเมริกาประชาสัมพันธ์ให้ฟรี ๆ

ต่อมาในปี 2009 Airbnb สามารถระดมทุนผ่าน Sequoia ได้ถึง 600,000 เหรียญ และได้เงินทุนเพิ่มจาก 7.2 ล้านเหรียญ เป็น 112 ล้านเหรียญ ในช่วงปี 2010 – 2011 มูลค่าของบริษัทมีมากกว่า 10,000 ล้านเหรียญ ในปี 2014 และมากกว่า 30,000 ล้านเหรียญในปัจจุบัน

กุญแจสู่ความสำเร็จ

1. ความสำเร็จในยุคนี้มาจากนวัตกรรมใหม่ ๆ

เราจะเห็นได้ว่าธุรกิจเกิดใหม่ในยุคนี้มีที่มาจากการคิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าอย่างตรงจุด ซึ่งหากทำได้ก็จะเกิดปรากฏการณ์ที่เป็นอิมแพคต่อคนในวงกว้างอย่างคาดไม่ถึง อะไรก็ตามที่เป็นสิ่งใหม่และตอบโจทย์สิ่งนั้นมีโอกาสประสบความสำเร็จ

2.ไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค

การเริ่มต้นทำธุรกิจไม่มีสิ่งใดที่โรยด้วยกลีบกุหลาบ การยอมแพ้เท่ากับการปิดฉากตนเองและก้าวขาออกจากโลกของธุรกิจ อุปสรรคมีไว้ฝ่าฟันปัญหามีไว้แก้ไข อย่ายอมแพ้ต่ออุปสรรคแล้วคุณจะเดินทางสู่ความสำเร็จ

3. อะไรไม่เวิร์คต้องหาสาเหตุและแก้ไข

มีคำกล่าวไว้ว่าการทำอะไรซ้ำ ๆ แบบเดิมทุก ๆ วัน แล้วหวังผลเลิศเลอย่อมไม่มีโอกาสเป็นไปได้ การทำธุรกิจก็เช่นกันเมื่อรู้ผลลัพธ์มันไม่ใช่ก็ต้องหาสาเหตุและเปลี่ยนแนวคิดแก้ไขใหม่ อย่าดันทุรังแบบเดิม ๆ เพราะนอกจากเสียเวลายังเสียโอกาสก้าวหน้าอีกด้วย

4. วางระบบโมเดลให้ดี

สิ่งที่ยากกว่าการคิดว่าจะทำอะไร คือ ทำอย่างไร ธุรกิจที่ดีมาจากการวางโมเดลธุรกิจที่ดีและรัดกุมตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง หากวางโมเดลไว้ดีจะทำอะไรก็มีแต่รุ่งเรือง แต่ถ้าไม่ใส่ใจมันให้ดีพอความล้มเหลวก็จะมาเยือนธุรกิจของคุณ

Tips ที่นักธุรกิจสามารถนำไปปรับใช้กับตัวเอง

1. ทุกวิกฤตของชีวิตคือโอกาสแห่งความสำเร็จ

ในทุก ๆ วิกฤติมีโอกาสซุกซ่อนอยู่สำหรับคนที่มองเห็น ไม่ว่าคุณจะเริ่มต้นธุรกิจหรือสานต่อธุรกิจก็ตาม ตั้งสติและปรับมุมมองใหม่แล้วคุณจะได้เห็นมุมมองในอีกแบบหนึ่งที่คุณไม่คาดคิดมาก่อน จำไว้ว่าวิกฤติที่เกิดมันก็ไม่ได้แย่เสมอไป ถ้าคุณมองเห็นโอกาสในนั้น

2. แสวงหาความร่วมมือ

มีไอเดียแต่ไร้หนทางย่อมไม่เกิดประโยชน์ความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญคือส่วนเติมเต็มในโลกธุรกิจ อย่ามองข้ามความร่วมมือกับผู้อื่นแล้วสิ่งที่คุณคิดทำจะไปได้ไกลมากกว่าเดิม

Brian Chesky คือตัวอย่างของข้อพิสูจน์ว่าวิกฤติของชีวิตมักซุกซ่อนโอกาสไว้เสมอ อย่าเห็นว่าวิธีการแก้ปัญหาบางอย่างเป็นเรื่องตลกหรือเป็นไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่ดูนอกกรอบมันช่วยให้คนประสบความสำเร็จและร่ำรวยมามากมายแล้ว โลกนี้ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้และโดยเฉพาะไอเดียนอกกรอบเหล่านี้ เพราะนวัตกรรมใหม่ ๆ มาจากไอเดียเหล่านี้ทั้งสิ้น