3 ข้อต้องรู้เกี่ยวกับ Passion ก่อนเดินหน้าอย่างผิดๆ

Passion คือความรู้สึกความหลงใหลที่อธิบายยาก อยู่ตรงกลางระหว่างความชอบและความรัก และเป็นที่ยอมรับมาหลายทศวรรษว่าผู้ใดได้ทำงานที่ตนมี Passion ผู้นั้นรวยแน่! แต่….

ปัญหาคือคำนี้จับต้องยาก วัดค่าได้ยากว่าระดับไหนคือ Passion ทำอย่างไรจึงจะเจอมัน ฯลฯ และหนักสุดคือบางคนอาจกำลังถูกหลอกด้วยคำว่า Passion เพื่อหลีกเลี่ยงการทำ ‘หน้าที่การงาน’ ไปทำในสิ่งที่ ‘สบายใจ’ แต่ไม่ได้อะไรกับชีวิต หลังๆ ก็มีการแซวกันไปถึงเรื่อง สโลว์ไลฟ์ ฯลฯ เป็นต้น

ทำอย่างไรจึงจะรักในสิ่งที่ทำ

ตลอดสิบปีที่ผ่านมาผมสนุกในการทำงานเป็นส่วนใหญ่โดยงานนั้นไม่ใช่การเป็นเจ้าของร้านกาแฟเล็กๆ หรือการขายของออนไลน์อยู่กับบ้าน แต่ความสนุกนั้นมากจากงานประจำ

ผมเพิ่งมาจับธุรกิจส่วนตัวเต็มตัวไม่ถึงสองปี (ปลาย 2014 ถึงวันที่เขียนบทความนี้เมื่อต้นปี 2016) ก่อนหน้านั้นผมทำงานประจำมาสิบกว่าปี โดยหารายได้เสริมจากอีคอมเมิร์ซคู่กันไป อย่างที่บอกไปว่าตลอดช่วงเวลาของการทำงานประจำกว่า 60% ผมรู้สึกสนุก ตื่นเช้าด้วยความรู้สึกตื่นเต้นและอยากรีบไปออฟฟิศ – เป็นไปได้เหรอเนี่ย!

หัวใจสำคัญของการทำงานอย่างมีความสุขคือ มีเป้าหมายปลายทางที่ชัดเจน อย่างน้อยก็ในระดับหนึ่งว่าคุณอยากเป็นอะไร

ผมอยากมั่งคั่งจากการเป็นเจ้าของธุรกิจค้าปลีก และงานประจำที่ทำอยู่ก็เป็นธุรกิจค้าปลีก ได้แก่ ค้าปลีกโมเดิร์นเทรด และค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์ ทำให้ใกล้ชิดกับความอยากเป็นในใจ

ต่อมาคือผมเก่งภาษาและอยากทำงานที่ได้ใช้ภาษา งานทั้งหมดที่ทำเป็นการติดต่อกับต่างประเทศทั้งหมด และปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายทำให้ผมได้ทำงานประจำที่ตอบโจทย์เป้าหมายชีวิตในวันข้างหน้า มองเห็นอนาคตตัวเอง และเกิดความหลงใหลในการทำงานเพราะมันจะส่งผมให้ไปถึงเป้าหมาย

ตั้งแต่งานประจำกระทั่งธุรกิจส่วนตัวล้วนเป็นไปตามความชอบ และยืนยันว่าการได้ทำสิ่งที่รัก คุณจะสนุก และก้าวหน้าเร็ว และไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกระหว่าง งานประจำ VS ธุรกิจส่วนตัว – 

ไม่มีสูตรลับ และทางลัด

ผมไม่มีมีสูตรลับหรือเครื่องมือหา Passion ใดๆ จากนี้ไปเป็นแนวคิดที่ตกผลึกจากการ ‘คิดได้ ทำเลย’ อยากทำอะไร ลงมือทำให้รู้ แล้วค้นหาไปเรื่อยๆ จนเจอสิ่งที่ชอบจริงๆ และกลายมาเป็น 3 ข้อต้องรู้เกี่ยวกับ Passion ก่อนเดินหน้าอย่างผิดๆ

1. คุณอาจเข้าใจผิดเรื่อง Passion มาโดยตลอด:

เพราะชอบทำอาหารก็ต้องเปิดร้านอาหาร — ไม่จริงเสมอไป! และจะว่าไปก็เป็นการตัดสินใจที่อันตรายมากๆ เพราะ!

คุณอาจมีความสุขกับการทำอาหาร แต่อาจเป็นทุกข์แทบอยากตายที่ต้องบริหารธุรกิจร้านอาหารทั้งระบบตั้งแต่การบริหารสต็อก การจัดการกับคน การจัดการบัญชี และการต่อสู้กับคู่แข่ง ความหลงใหลจะกลายเป็นความทรมานทันทีหากคุณนำความหลงใหลในการ ‘ทำอาหาร’ ไปเปิดร้านอาหารซึ่งเป็นโลกของ ‘ธุรกิจ’

คีย์สำคัญที่ผมได้คือ สิ่งที่คุณ ‘รักจะทำ’ ไม่ได้แปลว่าคุณจะ ‘ต้องทำมันเป็นอาชีพ’ — ในทางกลับกัน สิ่งที่คุณเลือกทำเป็นอาชีพต่างหากที่ต้องสามารถส่งคุณสู่ปลายทางที่คุณอยากจะเป็น

ผมไม่ได้มี Passion ในการเขียน แต่ผมเขียนจนคนอ่านติดเพราะ ‘ผมรักการเป็นที่รับรู้’ ผมอยากให้คนมารับรู้ข้อความของผม และการเขียนคือเส้นทางสู่สิ่งที่ผมรักจะเป็น ไม่ใช่นักเขียน ไม่ใช่นักพูด แต่เป็น ‘ผู้ถูกรับรู้’

วันนี้ผมจึงสามารถขยายทีมงานไปสู่การมีนักเขียนมาเขียนคอนเทนต์บนเว็บไซต์ การมี Instructor มาเผยแพร่ความรู้แทนการเอาตัวเองออกไปสอนเอง และผมยังคงมีรายได้และถูกรับรู้เหมือนเดิม

ดังนั้น Passion อาจไม่ใช่การนำสิ่งที่คุณรักมาประกอบอาชีพ แต่เป็นการทำอาชีพที่จะส่งคุณไปยังความปรารถนาสูงสุดในใจคุณ

2. Passion อาจเปลี่ยนไปตามกาลเวลา:

Passion ไม่จำเป็นต้องเป็นความรู้สึกถาวร แต่อาจเปลี่ยนแปลงตามประสบการณ์ กาลเวลา และเป้าหมายชีวิตของคุณ

สี่ปีก่อน ผมอยากถูกรับรู้ผ่านการเขียน ผมจึงเขียนเยอะมาก ออกหนังสืออีบุ๊คเยอะมาก และทำเงินอย่างน่าพอใจจากการขายอีบุ๊ค สองปีก่อน ผมอยากถูกรับรู้ผ่านการพูด ผมจึงออกงานหนักมาก แน่นอนว่าผมทำเงินได้มากจากการพูดเช่นกัน

แต่วันนี้ ผมไม่ต้องการถูกรับรู้เบื้องหน้ามากเท่าเมื่อหลายปีก่อน ผมอยากอยู่เบื้องหลัง อยากสร้าง อยากบริหาร และให้ความสำเร็จของ บุคคลากร และ ผลิตภัณฑ์ เป็นเครื่องบอกผลลัพธ์ วันนี้ผมจึงมีความสุขไปกับการสร้างทีมและวางรากฐานธุรกิจให้เติบโต

3. อย่าเฝ้าหา Passion:

Jeff Bezos บอกว่า “You don’t choose passions, passions choose you!” — คนจำนวนมากคร่ำเครียดกับการหาสิ่งที่ตัวเองรัก และผมพบว่าคนเหล่านั้นแทบไม่ลงมือทำอะไรนอกจากนั่งคิดว่าตัวเองอยากทำอะไร

“ถ้ามัวแต่นั่งคิดว่าตัวเองอยากทำอะไร คุณจะไม่ได้ทำอะไรเลยครับ”

ตลอดสิบปีที่ผ่านมา ผมรู้สึกอยากทำอะไร ก็ลงมือศึกษาและทำทันที จึงกลายเป็นวลีประจำตัว ‘คิดได้ ทำเลย’ กลัวความล้มเหลวน้อยกว่ากลัวการไม่ได้ทำ หากได้ทำแล้วมันไม่ใช่หรือไม่ถูกจริตก็หยุดแล้วไปทำอย่างจนกระทั่งพบกับสิ่งที่เรารู้สึกว่า ‘ใช่’

ซึ่งแน่นอนว่าระหว่างทางคุณจะเสียเงินเยอะมาก แต่วันที่คลิ๊กกับสิ่งที่ใช่คุณจะได้ทุกสิ่งอย่างกลับมาในระยะเวลาอันสั้น เปรียบเสมือนคู่รัก วันที่คุณเจอคนที่ใช่ในเวลาที่พร้อม ความสัมพันธ์ก็โตเร็ว ธุรกิจก็เช่นกัน

แถมครับ, Inspiration ก็คือครอบครัว:

การทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ ต้องมี Why ที่ชัดเจนและใหญ่กว่าตัวเอง Why ของคุณอาจจะเป็นการเปลี่ยนโลก ทำให้คุณภาพชีวิตของคนดีขึ้น ฯลฯ ใช้ได้หมด

แต่ Why ที่สำคัญ และเป็นสุดยอด แรงบันดาลใจ คือ ครอบครัวครับ ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จ ให้เป็นความอยากเพื่อที่จะตอบแทนครอบครัว พลังตรงนี้มันยิ่งใหญ่มากๆ และอีกครั้ง เมื่อคุณผ่านถึงจุดที่มันคลิ๊ก คุณสามารถก้าวกระโดดเป็นสิบๆ เท่าในสิ่งที่คุณทำอยู่ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว