รถไฟความเร็วสูงหลบไป จีนจะสร้างรถไฟเหาะ ไฮเปอร์ลูป ความเร็วสูงสุด 4,000 กม./ชั่วโมง

 

Cnet นายเหมา ไค (Mao Kai) หัวหน้าวิศวกร บริษัท ไชน่าแอโร่สเปซ ซายแอนด์อินดัสเทรียล คอร์ป (China Aerospace Science and Industry Corp หรือ CASIC) หนึ่งในกิจการด้านอวกาศจีน ได้แถลงว่า CASIC มีแผนที่จะวิจัยและพัฒนาระบบขนส่งความเร็วเหนือเสียง หรือ “ไฮเปอร์ลูป” (Hyperloop) ที่สามารถเดินทางด้วยความเร็วสูงสุดถึง 4,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้

ในขณะที่โครงการไฮเปอร์ลูปของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ได้ทำการทดสอบผ่านเฟส 2 ที่ความเร็ว 310 กม./ชั่วโมงไปเมื่อไม่นานนี้ และตั้งเป้าจะทำความเร็วให้ได้สูงสุด 1,200 กม./ชั่วโมง ในเฟสสุดท้ายก่อนเปิดบริการในปี 2021

เหมา ไค กล่าวต่อว่า ความเร็วที่ใช้ในช่วงออกตัวจะช้ากว่าเครื่องบินโดยสารเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร และ บริษัทอื่นๆ กำลังทำการวิจัยเกี่ยวกับระบบขนส่งความเร็วสูง แต่ CASIC เป็นบริษัทแรกในโลกที่ให้ความสำคัญกับการนส่งภาคพื้นดินด้วยความเร็วเหนือเสียง

เร็วกว่าบิน!!

หลิว ชือเฉวียน (Liu Shiquan) รองประธานบริหารของ CASIC ได้เปิดเผยในการประชุมอุตสาหกรรมในเมืองหวู่ฮั่นในมณฑลหูเป่ย ว่า “บริษัทยังไม่ได้กำหนดเส้นตายสำหรับแผนวิจัยและพัฒนานี้ บริษัทของเรายังต้องร่วมวิจัยและพัฒนากับนักวิทยาศาสตร์จีนและสถาบันวิจัยนานาชาติอีกกว่า 20แห่ง ตามแผนของโครงการนี้  ความเร็วสูงสุดคือ 4,000 กม./ชั่วโมงนั้น เร็วกว่าเครื่องบินโดยสารถึง 5 เท่า และเร็วกว่ารถไฟความเร็วสูงเดิมถึง 10 เท่า

แน่นอนว่า  CASIC ไม่ได้ต้องการจะเปิดตัวไฮเปอร์ลูปที่ความเร็ว 4,000 กม./ชั่วโมงในทันที โดยในเฟสแรกตั้งเป้าไว้ที่ 1,000 กม./ชั่วโมง และจะขยายความเร็วสูงสุดไปที่ 2,000 กม./ชั่วโมงในเฟสต่อไป และในเฟสสุดท้ายจึงขยายความเร็วสูงสุดไปที่ 4,000 กม./ชั่วโมง

และรูปแบบการใช้งานก็จะต่างกันออกไปตามเขตชุมชนและระยะทาง โดยการวิ่งในเขตเมืองจะทำความเร็วไม่เกิน 1,000 กม./ชั่วโมง และ ความเร็ว 2,000 กม./ชั่วโมงในการเดินทางระหว่างมณฑล และ 4,000 กม./ชั่วโมงในการเดินทางระหว่างประเทศ ผ่านเส้นทาง Belt and Road Initiative ตามนโยบายของรัฐบาลจีนเพื่อเชื่อมเขตเศรษฐกิจของโลกผ่านระบบขนส่งรางบนพื้นดิน

นักวิจารณ์สับเละ อันตรายและเป็นไปไม่ได้

หลังจากที่มีข่าวไฮเปอร์ลูปของจีนออกมา นักวิชาการของจีนต่างก็ออกมาให้ความเห็นต่างๆนานา เช่น เจา เจียน (Zhao Jian) อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัย Beijing Transport University  กล่าวว่า ร่างกายของมนุษย์สามารถทนต่อความเร็ว 4,000 กม./ชั่วโมงได้แค่ระยะเวลาสั้นๆเท่านั้น แบบนี้ผู้โดยสารต้องเป็นมนุษย์อวกาศรึเปล่า? ต้องใส่ชุดป้องกันแบบนักบินอวกาศหรือนักบินรบหรือไม่ ประการที่สอง ค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างจะสูงมากๆ แม้รัฐบาลยินดีจะลงทุนแต่โครงการเครือข่ายรถไฟก็ผลาญเงินงบประมาณของเราไปอย่างรวดเร็ว

ในโลกออนไลน์ยังแซวกันอย่างสนุกสนาน  พร้อมให้ฉายาว่า เป็นรถไฟบิน หรือรถไฟเหาะ แถมยังบอกว่า ภาวนาให้ไม่มีใครไปดึงเบรกฉุกเฉินตอนความเร็วสูงสุดนะ

บางคนกล่าวว่า จีนใช้เวลา6ปีในการพัฒนาความเร็วสูงสุดของรถไฟหัวกระสุน จาก 300กม./ชั่วโมง ไปเป็น 350 กม./ชั่วโมง แล้วโครงการนี้จะต้องใช้เวลาพัฒนานานขนาดไหน? และยังกล่าวอีกว่า ไม่มีระบบเบรกใดในโลกที่จะสามารถนำเจ้ารถไฟเหาะนี้ หยุดแบบฉุกเฉินในขณะที่ทำความเร็วสูงสุดได้โดยที่ผู้โดยสารข้างในยังมีชีวิตอยู่ ความกังวลนี้เกิดจากที่มีการหยุดรถไฟฉุกเฉินที่ความเร็ว 300 กม./ชั่วโมง หลังจากเกิดอุบัติเหตุรถไฟชนกันในจังหวัด เหวินโจว (Wenzhou) ในเมืองเจ้อเจียงเมื่อปี 2554

“รัฐบาลควรคิดค้นเทคโนโลยีแก้ปัญหารถติดให้ได้ก่อนดีกว่า ค่อยไปคิดทำรถไฟเหาะแบบนี้” ผู้ใช้ เหว่ยป๋อ รายหนึ่งในปักกิ่งกล่าว

อย่างไรก็ตาม นายเหมา ไค กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาสำหรับชาวเน็ตที่จะวิพากษ์วิจารณ์ และมีคำถามมากมายเกี่ยวกับสิ่งใหม่ๆ แต่นักวิจัยของ CASIC จะพยายามอย่างเต็มที่ในการทำให้โครงการนี้เป็นจริง

สรุป

แม้ยังไม่มีกำหนดเป้าหมายเวลาที่แน่ชัด แต่โครงการไฮเปอร์ลูปของจีนก็ได้อยู่ในแผนพัฒนาของ CASIC เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งหากมองศักยภาพของบริษัทนี้ก็ต้องบอกเลยว่า ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่า โครงการไฮเปอร์ลูปของ อีลอน มัสก์แต่อย่างใด และสิ่งที่ CASIC ฝันไว้ก็อาจจะไม่ไกลเกินจริง เพราะโครงการเส้นทางสายไหมใหม่แห่งศตวรรษที่21ของรัฐบาลจีนได้เริ่มไปแล้ว และรถไฟความเร็วเหนือเสียงนี้ก็อยู่ในแผนดังกล่าวด้วย

ไฮเปอร์ลูปของจีนนี้จะใช้หลักการแบบ Maglev และเดินทางผ่านท่อสูญญากาศเพื่อลดแรงเสียดทานทั้งหมด โดยจะใช้พลังงานไฟฟ้าเท่านั้น จะมีแหล่งจ่ายไฟสำหรับตัวรถ (อาจจะมาจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์) และเหนือท่อจะมีแผงโซลาร๋เซลสำหรับจ่ายไฟให้ระบบราง

เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะทำให้การเดินทาง และการขนส่งเป็นไปด้วยความรวดเร็ว ซึ่งจะเร็วกว่าการขนส่งทางเรือถึง 10 เท่า และเร็วกว่าเครื่องบินโดยสารถึง 5 เท่า

https://www.youtube.com/watch?v=XznglmEEtxs&feature=youtu.be