Jeff Bezos ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของ Amazon.com กล่าวต่อสื่อ National Press Club ใน Washington D.C. ว่าบริษัทจะซื้อ รถตู้ไฟฟ้า หรือ Electric Van จำนวน 100,000 คันจากบริษัท Rivian ตามโครงการ Amazon’s Climate Pledge ที่ตั้งเป้าจะใช้พลังงานทดแทน 100% ภายในปี 2030
โดย Amazon จะเริ่มต้นใช้งานรถตู้ไฟฟ้า 10,000 คันแรกได้ภายในปี 2022 จากนั้นจะทยอยเพิ่มสัดส่วนการใช้งานจนครบจำนวน 1 แสนคันภายในปี 2030
Jeff Bezos กล่าว่า “ปัจจุบันเราใช้รถส่งสินค้าจำนวนมากและทั้งหมดใช้เชื่อเพลิงฟอสซิล […] แต่เมื่อคุณลงนามในปฏิญญาอย่าง Climate Pledge มันจะผลักดันเศรษฐกิจให้เกิดการสร้างผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ที่บริษัทขนาดใหญ่จำเป็นต้องใช้เพื่อปฏิบัติตามปฏิญญานั้น นั่นเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมเราต้องลงทุนใน Rivian และเราลงทุนไปแล้ว 440 ล้านเหรียญ”
การสั่งซื้อรถตู้ไฟฟ้าของ Amazon ในครั้งนี้ถือเป็นคำสั่งซื้อยานยนต์ไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ และ Rivian อาจมีรายได้จากการสั่งซื้อชุดนี้ถึง 4,000 ล้านเหรียญ โดย Amazon ประมาณการณ์ว่ายานยนต์ไฟฟ้าดังกล่าวจะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนได้ปีละ 4 ล้านเมตริกตันภายในปี 2030
ทางด้าน Rivian กล่าวกับ Forbes ว่า ขณะนี้พวกเขายังไม่แผนผลิตรถขนส่งให้บริษัทอื่นนอกจาก Amazon ซึ่งคาดว่าจะส่งมอบรถล็อตแรกให้ Amazon ได้ในปี 2021 และการผลิตกองทัพยานยนต์ไฟฟ้าให้กับ Amazon จะไม่กระทบกับกำหนดการส่งมอบรถปิคอัพไฟฟ้ารุ่น R1T และรถ SUV ไฟฟ้ารุ่น R1S ในปลายปี 2020 แน่นอน
ความเคลื่อนไหวของ Amazon ในครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งในแผนของ Bezos ที่ต้องการบรรลุข้อตกลง Paris ก่อนกำหนด 1 ทศวรรษ โดยรัฐบาล Trump ได้ถอนตัวจากข้อตกลงลดโลกร้อน Paris ในปี 2017 แต่รัฐต่างๆ ในสหรัฐอเมริกาอีก 10 รัฐ, เมืองอีก 287 เมือง, วิทยาลัยและมหาวิทยาลัย 351 แห่ง และบริษัทเอกชนหลายพันบริษัท ต่างระบุว่าพวกเขายังจะทำงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนั้น
สำหรับปฏิญญา Climate Pledge ที่บริษัท Amazon ลงนามนั้น ได้เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมปล่อยคาร์บอนเป็น 0 ภายในปี 2040 ซึ่งเร็วกว่าที่ข้อตกลง Paris ตั้งเป้าไว้ 10 ปี