Dropbox ซอฟต์แวร์ File-sharing ผ่าน Cloud storage ชื่อดัง เข้าสู่ตลาดหุ้น Nasdaq เป็นครั้ง หรือ Initial Public Offering (IPO) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2018 ที่ผ่านมา ในราคาหุ้นละ 21 เหรียญสหรัฐ และราคาพุ่งขึ้นสูงสุดระหว่างวันที่ 29 เหรียญฯ ก่อนปิดตลาดที่ 28.48 เหรียญฯ เพิ่มขึ้น 36% ส่งผลให้บริษัทมีมูลค่าวิ่งอยู่ในกรอบประมาณ 11,000 – 12,000 ล้านเหรียญฯ
Business Insider อ้างถึงเอกสารการเงินของบริษัทรายงานว่า Dropbox มีลูกค้าแบบจ่ายเงินในมือกว่า 11 ล้านบัญชี รายได้ปี 2016 ประมาณ 1,110 ล้านเหรียญฯ แต่ขาดทุนสุทธิประมาณ 111 ล้านเหรียญ และ Drew Houston ผู้ก่อตั้ง Dropbox ก็ออกโรงเตือนนักลงทุนว่ากิจการคงจะยังไม่ทำกำไรในเร็ว ๆ นี้ โดยเฉพาะปัญหาการถูกโจรกรรมข้อมูลและอีเมล์ของผู้ใช้งานเมื่อปี 2012 ยังคงส่งผลต่อความเชื่อมั่นแก่ลูกค้าเก่าและใหม่ที่จะเข้ามาใช้ Drobox
อย่างไรก็ดี Drew Houston ผู้ก่อตั้ง Dropbox ยืนยันว่าจะขยายธุรกิจต่อไปโดยในหลังจากนี้จะพัฒนาสู่การเป็น กิจการซอฟต์แวร์ อาจเพิ่่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ และรุกขยายตลาด Business-to-Business หรือ B2B ในกลุ่มบริษัทขนาดใหญ่ เป็นหลัก ซึ่งตลาดนี้มีคู่แข่งรายใหญ่ Google, Apple และ Microsoft ครองอยู่ แต่เขามั่นใจว่าแข่งขันได้
ความเป็นมาของ Dropbox
จุดเริ่มต้นจาก Pain point ส่วนตัวของ Drew Houston ที่มักลืมอุปกรณ์บันทึกไฟล์งาน (Flash drive/ thumb drive) ไว้ที่บ้าน เขาเกิดแนวคิดการมี Cloud storage ที่ฝากไฟล์ไว้ในไซเบอร์สเปซและสามารถกดเข้าไปดูผ่านโน้ตบุ๊คหรือสมาร์ทโฟนได้ทันที เขาจึงสร้าง Dropbox ขึ้นมาทดลองใช้กันเองระหว่างเขาและเพื่อน ๆ และเมื่อพบว่าแก้ปัญหาได้จริงจึงเปิดตัวอย่างเป็นทางการในปี 2007
Dropbox มีวิธีขยายฐานผู้ใช้งานอย่างรวดเร็วผ่านกลยุทธ์ Free-marketing คือ เปิดให้ใช้ฟรีในจำนวนพื้นทีจำกัด และคนที่ใช้ฟรีก็จะบอกต่อให้เพื่อนใช้ตาม จากนั้นเมื่อพื้นที่ฟรีหมดลง Dropbox มีแคมเปญพิเศษ ที่กดชวนเพื่อน ส่งต่อ แชร์ต่อ แลกกับพื้นที่เพิ่มฟรีอีกประมาณ 3-4 แคมเปญ (ก่อนจะถึงคราวต้องจ่ายเงินจริง) ทำให้ความแพร่หลายของ Dropbox ไปเร็ว