THE WOLF OF WALL STREET

5 วิธีสร้างคอนเน็คชั่นเงินล้าน เข้าหาคนรวยไม่ยากอย่างที่คิด

ปีนี้เป็นปีที่ ‘คอนเน็คชั่น’ หรือสายสัมพันธ์ของผมเติบโตขึ้นมากและมีโอกาสได้เข้าถึงนักธุรกิจที่มีมูลค่าธุรกิจระดับร้อยล้านและพันล้านอย่างไม่คิดว่าตัวเองจะเข้าถึงได้ ส่งผลต่อโอกาสในทางการงานเข้ามาเป็นระยะๆ

ต่อให้ยังไม่ได้การได้งานใดๆ ประโยชน์ของการได้อยู่ใกล้คนเก่งขั้นพื้นฐานคือคุณจะได้รับพลังงานดีๆ ความคิดดีๆ และแรงบันดาลใจที่มีค่า คุณคือค่าเฉลี่ยของคนที่อยู่รอบตัวคุณอย่างน้อย 5 คน ดังนั้นการรู้จักและมีคอนเนคชั่นกับคนเก่งๆ ย่อมพาคุณไปถึงเป้าหมายชีวิตได้เร็วขึ้น

บ่อยครั้งที่มีคนถามว่าทำอย่างไรถึงจะได้เป็นเพื่อนกับนักธุรกิจหรือคนประสบความสำเร็จ และบางครั้งก็มีคนบอกว่านักธุรกิจเป็นพวกเข้าถึงยาก หยิ่ง เลือกปฏิบัติ – ข้อเท็จจริงคือ คนจน คนรวย คนทำงาน คนทำธุรกิจ มีทั้งดีและไม่ดี มีทั้งเฟรนด์ลี่และขี้โอ่ครับ แต่จากประสบการณ์ของผม คนรวยคนเก่งที่เจอส่วนมากนิสัยดีและเฟรนด์ลี่ คุยด้วยแล้วสบายใจ

เพียงแต่ต้องแยกแยะและเข้าใจว่าพวกเขามีเวลาจำกัดในขณะที่คนจำนวนมากอยากเข้าหาพวกเขา ดังนั้นหากคุณต้องการจะคอนเนคกับคนเหล่านั้น คุณเองก็ต้องมีความพร้อมในระดับหนึ่ง หรือพูดง่ายๆว่า ทำตัวให้เป็นคนมีของ เพื่อที่จะได้มีอะไรไปคุยไปแลกเปลี่ยนกับเขา แล้วอย่าคิดไปนะครับว่า “นักธุรกิจเห็นแก่ประโยชน์” — ถามตัวเองว่าอยากคอนเน็คกับเขาเพราะอะไร?… เราก็เห็นแก่ประโยชน์ที่จะได้จากเขาเช่นกัน!

แม้นี่คือความจริงแต่คุณไม่สามารถคอนเน็คกับผู้คนด้วย Mindset ดังกล่าวนะครับ เพราะหากคุณเข้าหาคนด้วยความรู้สึกว่าอยากเอาแต่ได้ สุดท้ายคนจะวิ่งหนีคุณครับ จงเข้าหาคนราวกับจะนำประโยชน์ไปให้เขาด้วยการทำตัวเองให้มีประโยชน์ดังนี้

5 วิธีสร้างคอนเน็คชั่นเงินล้าน

1. เขียนหนังสือ

หนังสือคือนามบัตรที่บอกทุกสิ่งเกี่ยวกับตัวเราไม่ว่าจะเป็นอาชีพ ธุรกิจ หลักคิด และตัวตน การศึกษาใครสักคนผ่านงานเขียนทำให้ผู้อ่านคอนเน็คกับเจ้าของผลงานได้ง่ายเมื่อเจอตัวจริง แต่ช้าก่อน! แล้วคุณจะออกหนังสือง่ายๆได้อย่างไร

การออกหนังสือกับสำนักพิมพ์นั้นอาจไม่ง่ายและใช้เวลานาน ข้อดีคือคุณจะมีหน้าตาของคุณอยู่ตามแผงหนังสือทั่วประเทศ แต่ถ้าไม่ผ่านสำนักพิมพ์ก็ใช้ระบบ Print on demand คุณสามารถสั่งทำหนังสือ 100 เล่มเป็นของตัวเองได้ในราคาไม่ถึงหมื่นบาทและขายผ่านโซเชี่ยลมีเดียของคุณได้ ได้รายได้ และเกิดการรับรู้การมีตัวตนและผลงานของคุณเช่นกัน

หรือจะให้ ลีน (Lean) กว่านั้นคือทำเป็นอีบุ๊ก แล้วนำไปขายบนร้านหนังสือออนไลน์ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกมากมาย อาทิ ookbee.com, ebooks.in.th, mebmarket.com ฯลฯ – กรณีทำเป็นอีบุ๊กสามารถทำแจกฟรีเพื่อเน้นปริมาณการเข้าถึงคนก็ยังได้ครับ

การเขียนหนังสือใช้เวลาไม่นานอย่างที่คิดครับ ตัวหนังสือ 10,000-15,000 คำหรือประมาณ 100 หน้าพ็อกเก็ตบุ๊กสามารถเขียนให้จบภายใน 30 ชั่วโมง

2. เขียนบทความ

เป็นวิธีที่เร็วและลีนกว่าการเขียนหนังสือ คุณสามารถเขียนบทความในสิ่งที่คุณรู้ลงบนเว็บไซต์ นานไปเนื้อหาสามารถติด Google search engine ที่ผู้คนจากทั่วโลกสามารถเข้ามาพบเจอคุณ

แพลทฟอร์มในการบันทึกบทความมีหลากหลาย อาทิ เฟซบุ๊ก, เว็บบอร์ด, และบล็อก (Blog) ผมแนะนำให้ใช้ บล็อก เพราะเราเป็นเจ้าของ 100% และบล็อกติด Search engine ได้ดีกว่า เฟซบุ๊ก จากนั้นค่อยนำลิงค์จากบล็อกของเราไปแชร์ต่อยังที่ต่างๆครับ

ปัจจุบันนี้โอกาสต่างๆ เข้ามาหาจากการที่องค์กรมาเห็นบล็อกของผม นอกจากนั้นเวลาไปงานอีเวนต์ต่างๆ พอบอกว่าผมคือ CEOblog คนที่ติดตามอ่านอยู่แล้วจะรู้สึกยินดีที่จะคุยกับผมมากขึ้น

3. พูดในชุมชน

การพูดในชุมชนเป็นสิ่งที่จะตามมาโดยปริยายหลังจากคุณเริ่มมีตัวตนผ่าน หนังสือ และ บทความ – ปีนี้ผมได้รับเชิญไปพูดตามงานสัมมนาต่างๆ ทุกเดือนและเริ่มถี่ขึ้นเรื่อยๆ

การพูดในชุมชมเป็นการประชาสัมพันธ์ตัวเองที่ดีและคนในงานได้พบเจอคุณตัวเป็นๆ นำไปสู่การเข้าหา เข้ามาปรึกษา และอยากร่วมงานด้วยหากมีบางคอนเซปการทำงานที่ตรงกันพอดี

Tips เล็กน้อยเกี่ยวการพูดในชุมชนคือเวลาคุณไปร่วมงานสัมมนา (ในฐานะผู้ร่วม ไม่ใช่ผู้ถูกเชิญไปพูด) เวลามีกิจกรรมหรือการเปิดโอกาสให้แบ่งปันในงาน ให้ยกมือขอเป็นคนที่ลุกขึ้นแบ่งปันครับ โดยเฉพาะงานขาด 500-1000 คน เมื่อคุณลุกขึ้นแบ่งปันสิ่งที่มีประโยชน์พร้อมแนะนำอาชีพ ธุรกิจ หรือเว็บไซต์ของคุณ ผู้คนจำนวนมากได้รู้จักคุณได้ในคราวเดียว

4. แนะนำผลงานคู่แข่ง

คุณไม่ได้อ่านผิด ถ้าบริษัทที่คุณทำงานอยู่ หรือธุรกิจที่คุณประกอบอยู่ไม่มีสินค้าและบริการที่ลูกค้าต้องการ ลองแนะนำของคู่แข่งที่คุณรู้จัก! เป็นเรื่องทำใจยากที่จะทำ แต่การทำอย่างนั้นทำให้คู่สนทนาจดจำคุณในมุมบวกสุดๆ

ผมเคยทำมาแล้วทั้งเป็นฝ่ายผู้แนะนำสินค้าของคู่แข่งให้ลูกค้า รวมไปถึงฝั่งร้านค้าแนะนำสินค้าของคู่แข่งให้ผม ซึ่งกลับทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงใจและเป็นมืออาชีพกับร้านค้าและผมยิ่งบอกต่อให้คนอื่นมาใช้บริการร้านค้านั้นๆ รวมไปถึงความสัมพันธ์ก็ยิ่งเพิ่มความเป็นมิตรมากขึ้น

ลองนึกภาพตามเอานะครับ ระหว่างผู้ประกอบการที่ไม่ด่าว่าใครนอกจากใส่ใจผลประโยชน์ของลูกค้า กับผู้ประกอบการที่เอาแต่ด่าฝ่ายตรงข้ามให้คุณฟัง คุณจะอยากร่วมงานกับคนแบบไหน…

5. แฮงเอาต์ให้ถูกสถานที่

การคอนเน็คกับคนต้องออกไปเจอผู้คน แต่หากคุณเทียวกินเหล้าเมาหัวราน้ำก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมไม่เห็นพบเจอคนเจ๋งๆทั้งๆที่ออกข้างนอกทุกคืน

นักธุรกิจก็มีสถานที่ที่พวกเขาแฮงเอาต์ อาจจะเป็นสโมสร งานอีเวนต์ สนามกอล์ฟ ฯลฯ ลองค้นหาดู พวกเขาจะอยู่ในสถานที่ที่สามารถพูดคุยสื่อสารได้อย่างสะดวกครับ ถ้าเป็นสถานที่พลุกพล่านเสียงดังนั้นอาจจะไม่เจอ หรือเจอก็คงคุยกันไม่รู้เรื่องครับ