3 สิ่งที่เรียนรู้จากการนั่งชิวกับนักลงทุนสตาร์ทอัพเงินล้าน

1507007-02

ผมสร้าง The CEO Blogger มาสองปีกว่า ในช่วงปี 2015 นี้เป็นที่กิจกรรมออฟไลน์ผมพุ่งพรวดพราดกว่าทุกปี มีการออกงานอีเวนต์ เป็นนักพูดรับเชิญ และพบปะนักธุรกิจมากมาย มีโอกาสพบนักธุรกิจและนักลงทุนมูลค่าธุรกิจระดับร้อยล้านบาทอย่างใกล้ชิดชนิดนั่งกินกาแฟคุยชิวกันเลยทีเดียว!

แต่การมีโอกาสชิวกับนักธุรกิจเหล่านี้ไม่ได้หมายความว่าคุยเรื่อยเปื่อยครับ เวลาของนักธุรกิจนั้นจำกัดและมีค่ามาก ฉะนั้นการคุยแต่ละครั้งย่อมหวังผลลัพธ์ที่ให้คุณค่าต่อยอดแก่ทั้งสองฝ่าย กล่าวคือเขาก็ไม่ต้องการให้เราเสียเวลาเช่นกัน ดังนั้นการนัดกันจึงมีวัตถุประสงค์เช่นสนใจให้คุณร่วมงาน ช่วยงาน และลงทุนกับคุณ

ผมมีประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้จากการได้คุยกับนักธุรกิจมูลค่าธุรกิจร้อยล้านอัพมาแชร์เพื่อนำไปพัฒนาตัวเองกันครับ

1. คนรวยโลว์โปรไฟล์

คุณคงเคยได้ยินตำนานเล่าขานเรื่อง ‘เศรษฐีกางเกงขาสั้นรองเท้าแตะ’ ใช่ไหม?
ใช่เลยครับที่เจอ หลายคนโลว์โปรไฟล์มาก ไม่ชอบออกสื่อ ชอบอยู่เบื้องหลัง

หากเจอตามท้องถนนจะดูไม่ออกว่ารวยเพราะการแต่งตัวที่ไม่เป็นทางการ สบายๆเสื้อยืดกางเกงขาสั้นหนีบร้องเท้าแตะ แต่นี่แหละครับฟอร์มของ Venture capital ที่พร้อมจะลงทุนให้คุณเป็นล้านๆ บาทถ้าเขาชอบคุณ

2. ทัศนคติสำคัญต่อการตัดสินใจร่วมงาน

ไอเดียและความรู้’ เป็นสิ่งสำคัญในการทำงาน แต่การจะทำงานร่วมกันได้นานและไกลแค่ไหน ยังมีอีกสองสิ่งสำคัญนั่นคือ ‘ประวัติและทัศนคติ

ด้านประวัติ

ในที่นี้ไม่ใช่แค่วุฒิการศึกษาเท่านั้นแต่รวมไปถึงผลงาน ถ้าหากคุณมีการผลักดันไอเดียออกมาเป็นสินค้าต้นแบบ หรือมีพอร์ตโฟลิโอผลงานที่พิสูจน์ได้ในระดับหนึ่งแม้จะไม่ได้ทำเงินมากก็พอมีลุ้นให้เขาสนใจ

กรณีผม นักธุรกิจที่ผมได้เข้าถึง หรือเขาเป็นฝ่ายติดต่อมาก่อนล้วนมาจากการเห็นตัวตนบนโลกออนไลน์ นั่นคือ The CEO Blogger และเกิดความชื่นชมในเนื้อหาที่ผมนำเสนอจึงอาจเล็งเห็นบางอย่างที่ผมจะสามารถช่วยเขาได้ เช่น ถ้าเป็นงานออนไลน์ก็ไม่พ้นเรื่องDigital marketing ที่ผมถนัด ถ้าเป็นออฟไลน์จุดแข็งของผมคือ Public speaking

ผมได้รับการติดต่อจากนักธุรกิจเพื่อเข้าไปสนับสนุนงานทั้งสองนี้มาแล้วทั้งสิ้น

ด้านทัศนคติ

(Mindset) เป็นมุมมองที่คุณมีต่อชีวิต ต่อสังคม ต่อโลก ฯลฯ เรื่องของ ทัศนคตินั้นตัดสินถูกผิดยาก เพราะแต่ละคนมองโลกต่างกัน แต่สังเกตเอาง่ายๆว่าการวาง ทัศนคติ ที่ผิดจะให้ผลลัพธ์ในชีวิตเป็นทุกข์และไม่ประสบความสำเร็จทั้งด้านการงาน การเงิน และชีวิต

นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จและนายทุนที่กำลังมองหาคนมาร่วมงานให้ความสำคัญกับ ทัศนคติ เป็นอย่างมาก อาจเรียกคนที่สนใจไปคุยชิวก่อนเพื่อจะดูว่าทัศนคติเป็นอย่างไร จริตจิตใจตรงกันไหม ลุยกันยาวๆ ได้หรือไม่

เขาอาจท้าทายคุณด้วยการถามคำถามบางอย่างเพื่อให้คุณแชร์หลักคิดที่จะช่วยแสดงถึงความเข้าใจที่คุณมีต่อสิ่งนั้นๆ เช่น ถ้าเขาถามคุณ “ทำไมคุณจึงอยากทำธุรกิจส่วนตัว

หากคำตอบของคุณคือ “อยากเท่ห์ รวย มีอิสระ” — คุณเตรียมกลับบ้านมือเปล่าได้เลย เพราะนี่คือทัศนคติที่ยังไม่มีความเข้าใจอะไรเกี่ยวกับโลกของการเป็นผู้ประกอบการ หรือ Entrepreneur เลย

กล่าวคือ ธรรมชาติของธุรกิจในช่วงแรกโดยเฉพาะ สตาร์ทอัพ เป็นช่วงเวลาของการอุทิศชีวิตให้กับการสร้างธุรกิจ ซึ่งเจ้าของสตาร์ทอัพอาจต้องทำงานทั้งวันทั้งคืนโดยไม่มีวันหยุดไปตลอด 2-3 ปีในช่วงก่อตั้ง และนักลงทุนก็ต้องการคนแบบนั้น… แบบนั้นคือแบบไหน? คำตอบอยู่ในหัวข้อถัดไป

ต้องการคนที่หลงใหลในสิ่งที่ทำ

Passion หรือ ความหลงใหล เป็นสิ่งสำคัญครับ
นักธุรกิจและนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จมีเงินเหลือเฝือจนบางครั้งอาจรู้สึกธรรมดากับเงินไม่กี่ล้าน ในจุดนั้นพวกเขาผ่านประสบการณ์มากพอที่จะรู้ว่า ‘เงินเป็นเพียงผลลัพธ์’ ที่สะท้อนคุณค่าของสิ่งที่คนๆหนึ่งได้ทำงานนั้นขึ้นมา

และการที่คนๆหนึ่งจะบ้าพลังปลุกปั้นบางสิ่งบางอย่างที่ไม่มีตัวตนให้มีตัวตนจนกลายเป็น The next big thing ที่สร้างประโยชน์แก่ชีวิตผู้คนจำนวนมากนั้นต้องการ Passion เป็นพลังงานขับเคลื่อน

Passion: ขุมพลังสำคัญเพื่อมาราธอนในโลกธุรกิจ

เพราะการทำธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจสตาร์ทอัพที่เป็นเรื่องใหม่ ใช้เวลา และมีความเสี่ยงสูง คนที่มุ่งหวังเงินเร็วๆ นั้นจะไปต่อให้สุดทางได้ยาก หากเอาเงินทูลหัวโดยปราศจากความหลงใหลในงานที่ทำ คนๆนั้นมีโอกาสล้มเหลวจากการล้มเลิกหลังไม่เห็นเงินก้อนใหญ่ๆ เข้ามาภายใน 3-4 เดือนแรก

ดังนั้น นักธุรกิจและนักลงทุนมากประสบการณ์อยากได้อารมณ์ท้าทายๆ จากคนไฟแรงที่ทำงานด้วย Passion มากกว่าคลั่งทางลัดรวยเร็ว! และเขามองได้ไม่ยากจากคำถามอย่างมีนัยยะที่เขาอาจถามคุณระหว่างการสนทนา

พูดจาอย่างไรเมื่อมีโอกาสเจอนักลงทุนสตาร์ทอัพ

วิธีการคุยแตกต่างกันไปตามสถานการณ์และสถานภาพ ขึ้นอยู่กับเจอ Angel investor, Venture capitalist หรือ Strategic investor และต่อมาคือเจออย่างไร เจอที่ไหน – ในบทความนี้ผมไม่สามารถแจงรายละเอียดในแต่ละแบบได้

หากเฉพาะกรณีที่เขาสนใจคุณจากผลงานที่ปรากฏสู่ตลาดหรือผ่านสื่อต่างๆ แล้วอยากคุยอย่างไม่เป็นทางการมากนักเพื่อศึกษาเพิ่มเติม กรณีนี้ขอให้คุณเป็นตัวของตัวเองเลยครับ

ไม่ต้องเฟค’ เพราะคนระดับนั้นดูคนเป็นครับ และขอให้เขาไปต่อกับคุณเพราะชอบสไตล์ของคุณ

ย้อนกลับมาที่ ‘สองปีซีอีโอบล็อก’ – แล้วไง?

ผมบิวต์ The CEO Blogger มาสองปีกว่าแล้วยังไง?…

ก็เพราะตลอดเส้นทางเต็มไปด้วยคำถามแห่งความเป็นห่วงว่าผมเขียนบล็อกก็อกๆแก๊กๆ ไปเพื่ออะไร และเสียงหัวเราะเยาะว่าผมกำลังทำในสิ่งที่โง่เขลาในขณะที่คนอื่นทำเงินจากอินเตอร์เน็ตด้วยวิธีอื่นจนโกยเงินไปมากแล้ว

Passion ของผมคือธุรกิจ ผมอยากสร้างบางสิ่งที่มีคุณค่าและสามารถเชื่อมโยงผมเข้ากับโลกธุรกิจไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ผมสร้าง Blog ไม่ได้มุ่งให้เป็น Money machine จากเครื่องมือสร้างรายได้ต่างๆนาๆ แต่ผมมุ่งสร้าง Blog ที่จะผันเป็น Business agent ที่จะพาผมท่องเข้าไปในโลก Entrepreneur

และด้วย Passion นั้นเองที่ทำให้ผมสามารถพัฒนา Blog เป็นเวลานานแม้รายได้ในช่วงแรกจะไม่มากและผลลัพธ์ต่างๆ ก็ยังไม่ปรากฏจนกระทั่งปัจจุบันสิ่งที่ทำเริ่มแสดงผล และผมเริ่ม Connect กับนักธุรกิจในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งแน่นอนว่าตามมาด้วยโอกาสส่วนร่วมธุรกิจที่มีมูลค่าในทางใดทางหนึ่งโดยผมไม่ต้องเริ่มจากศูนย์ด้วยตนเอง