วิธีคิดแบบคนรวย เปลี่ยนชีวิตคุณได้อย่างไร

Facebook
Twitter
Email
Print

ความแตกต่างระหว่างความรวยและความจนอยู่ที่กรอบความคิด ทัศนคติ และนิสัยการใช้เงิน หาใช่แค่จำนวนเงินที่มีแต่เพียงอย่างเดียว

การทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างความรวยและความจนเป็นก้าวแรกที่สำคัญในการเปลี่ยนมุมมองทางการเงินและก้าวสู่ความมั่งคั่ง หลายคนมักมองว่าความรวยและความจนขึ้นอยู่กับจำนวนเงินที่มี แต่ในความเป็นจริงแล้ว มันเกี่ยวข้องกับกรอบความคิด ทัศนคติ และนิสัยการใช้เงิน

ตัวอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ (Warren Buffett)

มหาเศรษฐีนักลงทุนชื่อดังของโลก เขาเริ่มต้นลงทุนตั้งแต่อายุ 11 ขวบ มีวินัยในการออมและใช้จ่ายอย่างชาญฉลาด เขาให้ความสำคัญกับการศึกษาหาความรู้ทางการเงินอยู่เสมอ และมีความอดทนในการรอคอยผลลัพธ์ในระยะยาว จนสามารถสร้างความมั่งคั่งมหาศาลได้ด้วยตัวเอง

คนรวยมักมีความคิดที่มุ่งเน้นไปที่การสร้างโอกาส พวกเขาเชื่อว่าความมั่งคั่งเป็นสิ่งที่สามารถสร้างและบ่มเพาะได้ด้วยการเรียนรู้และการลงมือทำ พวกเขามองหาวิธีในการสร้างรายได้หลายทาง ไม่ยึดติดกับความมั่นคงทางการเงินจากที่ใดที่หนึ่ง คนรวยกล้าที่จะออกจาก comfort zone และท้าทายตัวเองเพื่อเติบโตอยู่เสมอ

ตัวอย่าง โฮวาร์ด ชุลซ์ (Howard Schultz)

ซีอีโอของสตาร์บัคส์ เติบโตในครอบครัวแรงงานที่ยากจน แต่เขาไม่ยอมจำนนต่อโชคชะตา ด้วยความทุ่มเทและไม่ยอมแพ้ เขาสามารถเปลี่ยนร้านกาแฟเล็กๆ ให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกที่ทุกคนรู้จัก พร้อมสร้างรากฐานทางการเงินที่มั่นคงให้ตัวเอง

ในทางตรงกันข้าม คนนิสัยพาจนมักติดอยู่ในกรอบความคิดที่จำกัด พวกเขามักคิดว่าการมีเงินหรือไม่นั้นเป็นเรื่องของโชคชะตา คนเหล่านี้มักรอคอยโอกาสหรือหวังพึ่งคนอื่น แทนที่จะสร้างโอกาสด้วยตัวเอง พวกเขามักยึดติดกับความปลอดภัยและไม่กล้าเสี่ยงที่จะลองสิ่งใหม่ๆ คนนิสัยพาจนมักใช้จ่ายเงินไปกับสิ่งที่ไม่จำเป็นหรือสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ในอนาคต

อีกความแตกต่างสำคัญก็คือ คนรวยมักให้ความสำคัญกับการศึกษาและพัฒนาตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ใช่เพียงแค่ทางด้านวิชาการ แต่รวมถึงการพัฒนาทักษะทางการเงิน การลงทุน และการบริหารจัดการธุรกิจ พวกเขาแสวงหาความรู้จากผู้ที่ประสบความสำเร็จและนำมาปรับใช้ คนนิสัยพาจนมักไม่เห็นความสำคัญของการศึกษาต่อหลังจบการศึกษาภาคบังคับ หรือเรียนรู้เพิ่มเติมนอกเหนือจากงานประจำ

ตัวอย่าง แจ็ค หม่า (Jack Ma) เจ้าของอาลีบาบา

เริ่มต้นจากความล้มเหลวนับครั้งไม่ถ้วน แต่เขาไม่ยอมแพ้ ยังคงเรียนรู้และพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง จนสามารถผันตัวจากครูสอนภาษาอังกฤษ มาเป็นเจ้าของธุรกิจอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ระดับโลกได้ในที่สุด

นอกจากนี้ คนรวยมักมีความสามารถในการที่จะเลือกชะลอความพึงพอใจ (delayed gratification) กล่าวคือ พวกเขาเต็มใจที่จะอดทนและรอคอยผลลัพธ์ที่ดีในระยะยาว แม้ว่าอาจต้องเสียสละความสุขบางอย่างในระยะสั้น เช่น การลงทุน การออมเงิน และการใช้เวลาว่างเพื่อสร้างธุรกิจ ในขณะที่คนนิสัยพาจนมักต้องการความพึงพอใจทันที จึงมักตัดสินใจบนพื้นฐานของอารมณ์ชั่ววูบ ขาดการวางแผนในระยะยาว

สรุป

สิ่งสำคัญคือต้องเข้าใจว่าทุกคนสามารถเปลี่ยนวิธีคิดและทัศนคติทางการเงินได้ การตระหนักถึงความแตกต่างและปรับเปลี่ยนพฤติกรรม นำไปสู่การปฏิบัติ จะช่วยให้คุณก้าวข้ามผ่านความจนและมุ่งสู่ความมั่งคั่งที่แท้จริง ใช้เวลาไตร่ตรองและประเมินมุมมองของคุณที่มีต่อเงิน ทำความเข้าใจรูปแบบความคิดที่คุณยึดถือ และพร้อมที่จะท้าทายความเชื่อเดิมๆ ที่อาจฉุดรั้งศักยภาพทางการเงินของคุณ

จำไว้ว่าการเปลี่ยนมุมมองทางการเงินไม่ได้เกิดขึ้นข้ามคืน มันเป็นการเดินทางที่ต้องอาศัยความอดทน ความมุ่งมั่น และการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่ทุกการเปลี่ยนแปลงเล็กๆ ที่คุณทำวันนี้ จะสะสมและส่งผลอย่างยิ่งใหญ่ต่อความสำเร็จทางการเงินของคุณในระยะยาว