ค่าตอบแทนซีอีโอพุ่ง-ภาษีบริษัทดิ่ง รัฐบาลสหรัฐเล็งแก้กฎหมาย

Facebook
Twitter
Email
Print

บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ จ่ายค่าตอบแทนผู้บริหารสูงกว่าภาษีที่จ่ายให้รัฐ สะท้อนความไม่เป็นธรรมในระบบ จุดชนวนรัฐบาลไบเดนเล็งปฏิรูปภาษี

รายงานใหม่จาก Institute for Policy Studies (IPS) และ Americans for Tax Fairness (ATF) ชี้ว่าผู้บริหารระดับสูงของบริษัทใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ ได้รับค่าตอบแทนรวมในช่วงปี 2018-2022 มากกว่าที่บริษัทจ่ายภาษีให้รัฐบาลกลาง ซึ่งตอกย้ำประเด็นที่ว่าบริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีกำไรสูงบางแห่ง ไม่ได้จ่ายภาษีตามสัดส่วนของความสามารถ

การวิเคราะห์นี้พยายามชี้ให้เห็นความเชื่อมโยงระหว่างค่าตอบแทนผู้บริหารที่สูงลิ่ว กับอัตราภาษีบริษัทที่ลดลงหลังกฎหมายปฏิรูปภาษีปี 2017 (TCJA) ขณะที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน เสนอขึ้นภาษีนิติบุคคลเป็น 28% จากระดับ 21% ในปัจจุบัน

รายงานยกตัวอย่างบริษัทชั้นนำที่จ่ายค่าตอบแทนผู้บริหาร 5 อันดับแรกรวมกันมากกว่าจ่ายภาษีให้รัฐบาลกลางในช่วง 5 ปีที่ศึกษา เช่น Tesla จ่ายผู้บริหารรวม 2.5 พันล้านดอลลาร์ แต่ได้รับเครดิตภาษี 1 ล้านดอลลาร์ ทั้งที่กำไร 4.4 พันล้านดอลลาร์ โดยใช้กลยุทธ์ภาษีที่ถูกกฎหมายคือนำผลขาดทุนในอดีตมาหักลดกำไรปัจจุบัน

Sarah Anderson ผู้เขียนรายงานระบุว่าสาเหตุที่สหรัฐฯ เผชิญความท้าทายทางการคลัง เพราะบริษัทไม่ได้จ่ายภาษีอย่างเป็นธรรม ขณะที่ระบบค่าตอบแทนผู้บริหารจูงใจให้ผลักดันลดภาษีเพื่อเพิ่มมูลค่าหุ้นและค่าจ้างของตน

บริษัทจำนวนมากเสียภาษีที่แท้จริงต่ำกว่าอัตราที่กฎหมายกำหนด 21% มาก เนื่องจากใช้ช่องโหว่ทางภาษี โดยอัตราภาษีที่แท้จริงของบริษัทใหญ่ที่มีกำไรลดลงเหลือ 9% ในปี 2018 จาก 16% ในปี 2014

แม้การใช้ประโยชน์จากช่องโหว่ทางภาษีไม่ผิดกฎหมาย แต่ไบเดนและพรรคเดโมแครตโต้แย้งว่าบริษัทใหญ่และผู้บริหารได้รับประโยชน์จากการลดภาษี โดยไม่ได้ลงทุนกลับสู่พนักงานและเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างเพียงพอ

IPS และ ATF มองว่าการลดภาษีและค่าตอบแทนผู้บริหารที่สูงลิ่วทำให้ความเหลื่อมล้ำทางรายได้และความมั่งคั่งรุนแรงขึ้น เป็นการสะท้อนลำดับความสำคัญของบริษัท ที่ให้ผู้บริหารไม่กี่คนได้รับเงินมากกว่าภาษีที่จ่ายเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและบริการสาธารณะ แม้บางอย่างจะถูกกฎหมาย แต่ไม่ได้หมายความว่ามันจะเป็นธรรม

อ้างอิง CBS News

คุณอาจสนใจ