Youtube คือ แนวทางทำเงินออนไลน์ที่กำลังมาแรงสุด ๆ ใน 2 – 3 ปีที่ผ่านมา โดย Lego Survey สำหรับเด็กอเมริกัน อังกฤษ และจีน อายุระหว่าง 8 – 12 ปี จำนวน 3000 คน ถามว่าโตขึ้นอยากเป็นอะไรใน 5 อาชีพนี้ ได้แก่ Vlogger, ครู, นักกีฬา, นักดนตรี และ นักบินอวกาศ – กลุ่มสำรวจจำนวน 35% ตอบว่า Vlogger!
Vlogger คืออะไร?
Vlogger มาจากคำว่า Video blogger หรือ Blogger สายวีดีโอคอนเทนต์ โดยปัจจุบันมีแพลทฟอร์มสำหรับ Vlogger ได้แก่ Youtube, Twitch, Instagram TV, Instagram Story, Facebook video, Facebook story, Periscope, Mixer เป็นต้น
โดยแพลทฟอร์มเจ้าพ่อวีดีโอคอนเทนต์อันดับ 1 ของโลกก็คือ Youtube โดยในปี 2019 Youtube มีผู้ใช้งาน 1.9 พันล้าน Active user ในแต่ละวันมีผู้ชมปริมาณ 1 พันล้านชั่วโมงต่อวัน และมีวีดีโอปริมาณ 500 ชั่วโมง อัพโหลดขึ้น Youtube ทุก ๆ 1 นาที
วันนี้ ผมและเพื่อน ๆ รอบตัวขอสารภาพว่า แม้เราจะเปิด Facebook ถี่ แต่เราอยู่กับ Youtube นานกว่า พวกเราเปิด Facebook ประเดี๋ยวเดียวแล้วก็ปิด แต่เปิด Youtube แล้วดูหรือฟังแช่จนจบ เข้า Youtube แล้วหลงอยู่ในนั้นต่ำ ๆ 1 ชั่วโมง ถ้าไม่ติดงานอะไรก็อาจหลงอยู่ใน Youtube 2 – 3 ชั่วโมงก็มี
นี่คือพลังของ Youtube และ พลังในการดึงคนให้หลงอยู่ในโลกของ Youtube ก็นำไปสู่โอกาสสร้างรายได้ที่สูงกว่า Blogger ได้ง่ายกว่า
Youtube และระบบ Google AdSense
Youtube ก่อตั้งเมื่อเดือน กุมภาพันธ์ 2005 โดย Chad Hurley, Steve Chen, และ Jawed Karim อดีตพนักงาน Paypal
หลังจากผู้บริหารขายกิจการ Paypal ให้ eBay พนักงานกลุ่มนี้ก็ได้ออกมาพัฒนา Youtube แต่หลังจากนั้นเพียงปีกว่า ๆ คือ เดือน พฤศจิกายน 2006 Google ก็เข้าซื้อ Youtube ในราคา 1.65 พันล้านดอลลาร์ และใช้เป็นหนึ่งในแพลทฟอร์มเครือข่ายบริการ Google Display Ad Network
นั่นหมายความว่า Youtube AdSense ใช้บัญชีเดียวกับ Website AdSense ในกรณีที่คุณมีอยู่แล้ว เพราะ AdSense อนุญาตให้มีได้แค่ 1 คน 1 บัญชี – ถ้าไม่มี ต้องสมัครเปิดบัญชีกับ Google AdSense เสียก่อน
ส่วนแบ่ง Youtube AdSense และปัจจัยสร้างรายได้ที่เหนือกว่า Website AdSense
โฆษณาที่อยู่บน Youtube มีส่วนแบ่งแตกต่างจากบน เว็บไซต์เล็กน้อยโดย Google แบ่งให้เจ้าของช่องประมาณ 55% เทียบกับ 68% กรณีเว็บไซต์
แต่แม้จะน้อยกว่า แต่โอกาสในการทำเงินบน Youtube กลับสูงกว่า โดยคนไทย ช่องไทย มีโอกาสทำเงินเดือนละหลักหมื่นจาก Youtube AdSense ง่ายกว่า และ เร็วกว่า Website AdSense เพราะ ค่าโฆษณาจะนับทันทีที่โฆษณา Youtube วิ่งผ่านหน้าจอเกินระยะเวลาหนึ่ง ๆ โดยไม่จำเป็นต้อง Click ที่ป้ายโฆษณา
3 ปัจจัยที่ทำให้ช่อง Youtube ของคุณมีรายได้สูงกว่า
ดังนั้น หากวีดีโอคลิปของคุณมีความยาวเพียงพอที่จะแทรก 2 – 3 โฆษณา และวีดีโอสนุกมากพอที่จะตรึงคนให้ดูจนจบ รายได้จาก Youtube Adsense ของคุณจะมากตาม ดังนั้น ปัจจัยสำคัญในการสร้างรายได้จาก Youtube คือ Watch-time หรือ การตรึงคนดูให้อยู่กับวีดีโอและช่องของคุณ
จำนวน Subscriber มีผลบ้าง จำนวน View มีผลบ้าง แต่สำคัญ คือ คนติดตามเยอะ และวิวเยอะแล้ว เขาดูคลิปคุณจนจบหรือไม่ ถ้ามีครบทั้ง 3 คือ รวย! — ทวนอีกครั้ง ปัจจัยที่ทำให้มีรายได้สูง ได้แก่ Subscribers, Views, และ Watch time
กรณีศึกษาช่อง Blue O’Clock
เมื่อกลางปี 2019 ช่อง Blue O’Clock มีคนติดตามประมาณ 5-6 หมื่น Subscribers และเขาบอกผมว่าปลายปีนี้น่าจะมีรายได้จาก Youtube แบบ Passive เดือนละ 50,000 บาท
พอย่างเข้าเดือน กันยายน และ ตุลาคม ช่อง BlueOclock มีผู้ติดตาม 8 หมื่นกว่า Subscribers และมีค่า Youtube AdSense เฉลี่ยวันละ 500 – 1000 บาท Passive
กล่าวคือถ้าไม่อัพโหลดวีดีโอ รายได้ก็จะมาประมาณนี้ ถ้าอัพโหลดวีดีโอ รายได้ไม่ต่ำกว่าวันละพัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 2 – 3 หมื่นบาท ใกล้เป้าหมายเดือนละ 50,000 ที่เคยบอกไว้
จาก 0 ถึง (เกือบ) 50,000 บาทต่อเดือน ใช้เวลาเท่าไร?
ไทม์ไลน์ดังนี้ครับ :
ปี 2018
- 3 เดือนแรก เริ่มต้นทำช่องยูทูป Blue O’Clock คลิปยังเผยแพร่ไม่สม่ำเสมอ ยังไม่ผ่านเกณฑ์สร้างรายได้
- 6 เดือนหลัง ตั้งใจพัฒนาช่องจริงจัง มีคลิปเผยแพร่สัปดาห์ละ 1 คลิปต่อเนื่องตลอด 6 เดือน และผ่านเกณฑ์สร้างรายได้
- 3 เดือนสุดท้าย มีเหตุให้คลิปออกไม่สม่ำเสมอ แม้ผ่านเกณฑ์สร้างรายได้ แต่ยังแทบไม่มีรายได้
จบปี 2018 ด้วยรายได้สะสมหลักพันบาท
ปี 2019
- 6 เดือนแรก โฟกัสกับการพัฒนาช่องอย่างจริงจัง รายได้เริ่มไต่ระดับสูงขึ้นเรื่อย ๆ จากเดือนละร้อย เป็นเดือนละพันต้น ๆ พันกลาง ๆ และพันปลาย ๆ ตามลำดับอย่างรวดเร็ว
- 4 เดือนหลัง (มิย. – กย.) คลิปเผยแพร่สัปดาห์ละ 3 คลิปไม่ขาดสาย รายได้ทะลุวันละ 500 – 1000 บาท เฉลี่ยรายได้ เดือนละ 20,000 – 30,000 บาท
สรุป ใช้เวลา 18 เดือน จาก 0 สู่ 30,000 บาทต่อเดือน และกำลังทำ New high ใหม่ทุกเดือน
อยากผ่านเกณฑ์รายได้เร็ว ๆ ต้องทำอย่างไร?
คุณวิชญ์ เว็บไซต์ Start Your Way เล่าว่า 4,000 ชั่วโมงเกิดขึ้นง่ายกว่าที่คิด เพียงทำคลิป 3 นาทีที่มีคนดู 80,000 วิวก็ครบ 4,000 ชั่วโมงแล้ว และเขาถึงเกณฑ์ 4,000 ชั่วโมงจากการอัพโหลดคลิปอย่างต่อเนื่องทุกสัปดาห์เป็นเวลาเพียง 16 วัน
ทั้งนี้ผมขอเดาว่า Start Your Way สร้างแฟนเพจและกลุ่มเฟซบุคที่มีคนติดตามรวมกันเป็นหลักแสนมาก่อนหน้าหลายปี พลังของฐานผู้ติดตามจากช่องทางอื่นสามารถช่วยดันช่อง Youtube ในช่วงออกตัวได้เป็นอย่างดี ซึ่งผมเองก็ทำเช่นกัน ผมทำช่อง Youtube แล้วใช้เครือข่ายผู้ติดตามที่มีอยู่ คลิปแรกก็มีคนดูเป็นร้อยวิว เป็นต้น
แต่ถ้าหากคุณเปิดช่อง Youtube ใหม่โดยไม่มีเครือข่ายสื่อใด ๆ สนับนุนเลย คุณอาจต้องปั้นช่องอย่างต่อเนื่องประมาณ 2 – 3 เดือนกว่าที่ระบบอัลกอริธึมของ Youtube จะ Pick up สัญญาณของหน้าใหม่คนนี้แล้วก็ส่งช่องคุณไปแนะนำกับกลุ่มเป้าหมายที่เกี่ยวข้องต่อ ๆ ไป
ไม่มีเครือข่ายสื่ออย่าง เว็บไซต์ และ แฟนเพจ ช่วยดันต้องอย่างไร?
อีกทางหนึ่งคือการ Collaborate กับช่องอื่นแบบที่นักร้องที่ชื่อว่า Or-ganic ฟีเจอร์ริงท่อนแรพกับนักร้องคนอื่น ๆ มากมายจนเป็นที่รู้จัก ถ้าเป็นวงการอื่นก็คือการไปออกช่องร่วมกิจกรรมกับช่องที่มีฐานอยู่แล้ว
การทำแบบนี้จะช่วยขยายฐานผู้ติดตามจำนวนมากในระยะเวลาอันรวดเร็ว แต่! ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าในวันที่คุณเพิ่งเริ่มเปิดช่องใหม่ ๆ โนเนม มีอยู่คลิปสองคลิป ก็ยังไม่ต้องไปคาดหวังหา Connection แล้วจะได้รับการต้อนรับ เพราะ Connection เป็นเรื่องของ Give and Take มีข้อแลกเปลี่ยนที่เสมอกัน มีของดีไปแลกของดี
ฉะนั้นก็ทำช่องให้โตด้วยตนเองในระดับหนึ่งก่อนโดยอาศัยความสม่ำเสมอ การช่วยเหลือของ Youtube algorithm และ การศึกษาเรื่อง Search keyword ต่าง ๆ จากนั้นสร้างการเติบโตของช่องด้วยการร่วมมือกับช่องอื่น ๆ
ไอเดียทำช่อง Youtube เงินล้าน
หลายต่อหลายคนคิดว่าทำช่อง Youtube ต้องบ้า ต้องฮา ต้องแกล้งคน เป็นต้น และหลายต่อหลายคนทำช่อง Youtube แบบ Youtuber ที่ทำช่องตลกโปกฮาแล้วดัง แต่ตัวเองกลับไม่ดัง สุดท้ายท้อจนอยากเลิกทำ ก็ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมทำตามเขาแล้วไม่สำเร็จ เพราะคุณเริ่มต้นด้วย ‘ทัศนคติที่ผิด’ และกลายเป็น Just another youtuber นั่นเองครับ
ทัศนคติในการมอง Youtube ก็ดี Blog ก็ดี Facebook page ก็ดี ให้มองเป็น สื่อ หรือ Media และคุณกำลังอยุ่ใน Media business สังเกตว่ารายการโทรทัศน์มีรายการประเภทเดียวหรือไม่? คำตอบคือ ‘ไม่’ รายการโทรทัศน์มีทั้ง ตลกเฮฮา วาไรตี้ เกมโชว์ ไปจนถึง สารคดี ข่าว วิเคราะห์ธุรกิจ รายการสัมภาษณ์ ฯลฯ อีกมากมาย – Youtube ก็เช่นกัน
Blue O’Clock เป็นช่องประเภท Edu-tainment หรือ Education กึ่ง Entertainment เล่าความรู้ในรูปแบบ Whiteboard animation video
ถามว่าคนทำแบบนี้เยอะหรือไม่? คำตอบ คือ ไม่เยอะ
ทำไมถึงไม่เยอะ? เพราะทัศนคติที่คนทั่วไปมอง Youtuber คือ ต้องบ้า ต้องฮา ต้องแกล้งคน แทนที่จะมองเป็นสื่อและใช้ผลิตรายการที่หลากหลาย และกลายคนที่ปักหมุดใน Niche ที่ Blue Ocean กว่าชาวบ้าน ซึ่งหากคุณทำ Niche ที่เป็น Blue Ocean ค่าโฆษณาของคุณจะสูงกว่า
ยกตัวอย่าง ช่องยูทูปตัวท็อป ๆ ของไทยท่านหนึ่งขออนุญาตปิดข้อมูลไว้แล้วกันนะครับ เพราะไม่ได้ขออนุญาตเขามาเล่า ของท่านนั้น 1 ล้านวิวได้เงินเฉลี่ย 10,000 บาท ส่วนของ Blue O’Clock 1 ล้านวิวเท่ากัน ได้ 45,000 บาท วิวเท่ากัน แต่เงินสูงกว่า 350%
CEOblog VS แน็ก ชาลี
อีกประการ ลองนึกภาพ CEOblog ไปแต่งชุดนางเงือกกินอาหารปลาซากุระแบบ แน็ก แฟนฉัน คุณคิดว่าผมจะประสบความสำเร็จหรือไม่ ผมมั่นใจว่า ไม่แน่นอนครับ ผมจึงเลือกทำช่อง Youtube ที่สอดคล้องกับสไตล์การทำสื่อของผม คือ เล่าข่าวทันโลกธุรกิจและเทคโนโลยีให้ฟัง
จงมอง Youtube เป็นสถานีโทรทัศน์
ดังนั้นจงมอง Youtube เป็นสื่อ และหาสไตล์รายการโทรทัศน์ที่เป็นตัวคุณที่สุด และสุดท้าย ช่องยูทูปของคุณสามารถมีรายได้มากกว่า 1 ประเภท นอกจากโฆษณาแล้ว คุณยังสามารถรับงาน Event, ทำ Affiliate marketing ก็ได้ และขายสินค้าของตัวเองก็ได้ ดังเช่น Youtuber ท็อป 10 ของโลกล้วนมีรายได้นอกเหนือจากค่าโฆษณาทุกคน
เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับโมเดลรายได้บน Youtube
โดยคุณสามารถไปดู 10 อันดับ Youtuber ทำเงินสูงที่สุดในโลก แนวทางของช่อง และโมเดลรายได้มีอะไรบ้าง บางคนรับงานอีเวนต์, บางคนขาย Sound และ Music ที่ตัวเองแต่งเล่นในช่อง, บางคนดีลกับห้างร้านทำแบรนด์สินค้าของตนเองและกินค่าลิขสิทธิ์
ข้อมูลนี้บันทึกไว้ที่บทความ 10 อันดับ Youtubers ทำเงินสูงที่สุดในโลกปี 2018 โดยการจัดอันดับของ Forbes ที่นี่
———-
แจกฟรี จำนวนจำกัด! อีบุ๊ค Youtube Influencers จัดเต็ม เนื้อ ๆ เน้น ๆ 10 กรณีศึกษาและเคล็ดลับ จาก 10 ยูทูบเบอร์ต่างประเทศ ที่ทำให้พวกเขามีรายได้ ‘เดือนละหลักล้านบาท’ จากยูทูบ ให้คุณไปอ่านแบบรวดเดียวจบ!
คลิกที่นี่ เพื่อรับอีบุ๊คทาง Facebook Inbox ของคุณทันที
———-