ไอเดียสร้างรายได้จากอากาศกับ Web Advertising

 

Web advertising อยู่ในกลุ่มธุรกิจ Media business หรือ ธุรกิจสื่อ มีรายได้จากพัฒนาเว็บไซต์ให้มีคนเยี่ยมชมจำนวนมาก และ ทำเงินจากการรับลงโฆษณา

Web advertising คือ การรับงานโฆษณาโดยตรงจาก ลูกค้า ซึ่งลูกค้าในกรณีนี้มี 2 ประเภทหลัก ๆ ได้แก่ ลูกค้าที่เป็นแบรนด์ติดต่อมาโดยตรง และ ลูกค้าที่เป็นบริษัท PR Agency ที่รับงานจากแบรนด์มาดูแลต่อ ซึ่งคุณมีแนวโน้มสูงที่จะดีลงานกับประเภทที่สอง

สาเหตุก็เพราะ เมื่อแบรนด์อยากซื้อสื่อ เขาไม่ได้ซื้อสื่อแค่ช่องทางเดียว แต่จะปูพรมไปหลายช่องทางทั้ง Offline และ Online และหากเป็นออนไลน์ก็อาจจะลงหลายเว็บไซต์และหลายแฟนเพจ แถมมีการซื้อโฆษณา Google adword และ Facebook ad ร่วมด้วย เป็นงานที่วุ่นวายมาก แบรนด์จึงเอาต์ซอสงานเหล่านี้ไปให้บริษัท PR Agency ดูแลแทนนั่นเอง

ประเภทของโฆษณามีอะไรบ้าง?

หลัก ๆ มี 2 ประเภทให้จำกันง่าย ๆ ได้แก่ Sponsored Content และ Banner

Sponsored content ยังแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อย ๆ ได้อีก ได้แก่ Creative และ PR โดย Creative จะเน้นธรรมชาติและสร้างสรรค์ไม่ค่อยเน้นขาย แต่จะ Tie-in เล็กน้อย

ยกตัวอย่าง ผลิตภัณฑ์ Nike Fuel ให้งบ Youtuber ที่ชื่อว่า Casey Neistat ไปก้อนหนึ่งพร้อมกับโจทย์สั้น ๆ ว่าให้ทำคลิปวีดีโอที่สื่อถึงคำว่า Make it Count อันสโลแกนของสินค้า

Casey เอางบทั้งหมดไปเดินทางรอบโลกแล้วถ่ายคลิปเสมือนตัวเองวิ่งผ่านประเทศต่าง ๆ แล้วก็แปะคำคมของคนดัง ๆ สร้างแรงบันดาลใจ ทำแบบนี้จนกระทั่งงบหมดเกลี้ยงซึ่งใช้เวลา 10 วัน คลิปมีความยาวประมาณ 4 นาทีครึ่ง หน้าสินค้าโผล่มาแค่ 8 วินาทีตอนต้น แล้วหลังจากนั้นสินค้าไม่ได้ออกหน้าและไม่ถูกพูดถึงเลย

แบบนี้เป็นงาน Creative – สินค้าไม่จำเป็นต้องถูกพูดถึงมาก มีส่วนร่วมเล็กน้อยในคอนเทนต์ และที่เหลือให้ Content creator บรรเลงได้เต็มที่ ซึ่งในเรื่องของการจดจำ พูดถึง และบอกต่อนั้นย่อมมีโอกาสมาก นี่คือพลังของการ ‘ไม่ขายสินค้า’ และยกให้ Creative content และ Story telling ทำหน้าที่พูดแทน

ส่วน PR content ความหมายตรงตัว คือ โปรโมท ทำให้รับรู้ว่าคือการขาย และบางครั้ง PR content อาจใช้ต้นฉบับจากลูกค้าเป็นโครงและสื่อเพียงมาปรับแต่งเล็กน้อย

ทั้ง Creative และ PR ล้วนเป็นงานที่ค่อนข้าง Active เล็กน้อย กล่าวคือเมื่อมีลูกค้า คุณต้องคิด ออกแบบ และผลิตคอนเทนต์นั้น ๆ ขึ้นมาก

ส่วนอีกประเภท คือ Banners

เป็นป้ายโฆษณาที่นำไปติดไว้ในตำแหน่งที่ลูกค้าอยากได้ภายในเว็บไซต์ของคุณ อาทิ Header, กลาง Body, และ Sidebar ของเว็บไซต์ เป็นต้น รูปภาพโฆษณาจะฝังลิงค์ออกจากเว็บไซต์คุณไปยังเว็บไซต์ของลูกค้า

ป้าย Banners เป็นการเช่าพื้นที่ภายในเว็บไซต์ของคุณ เป็นรายสัปดาห์ รายเดือน หรือ รายหลายเดือน มีความเป็น อสังหาริมทรัพย์ สุด ๆ เพราะหากคุณดีลป้าย Banners ลงเว็บไซต์สำเร็จ คุณจะมี Passive income จากค่าให้เช่าพื้นที่ติดป้ายนั้นเป็นรายเดือนจนกว่าจะหมดสัญญากันเลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี แรงจูงใจให้ลูกค้าลงโฆษณาระหว่าง Sponsored content และ Banners นั้นแตกต่างกันเล็กน้อย กล่าวคือ

Sponsored content เน้นเว็บไซต์ที่มีแฟนเพจที่มี Engagement ดี ทราฟฟิกในเว็บไซต์อาจไม่ต้องสูงมากก็ได้ อาทิ 50,000 – 100,000 ผู้เยี่ยมชมต่อเดือน และแฟนเพจอาจจะ 50,000 Like แต่มี Engagment ในแต่ละโพสต์ดี มีคนคอมเมนต์คุยกันฟุ้ง มีคนแชร์เยอะ เป็นต้น เพียงเท่านี้ ลูกค้าก็สนใจที่จะลงโฆษณาแล้ว

แต่ Banners นั้นจะถูกเห็นก็ต่อเมื่อคนเข้าไปที่เว็บไซต์ ดังนั้นทราฟฟิกของเว็บไซต์จึงเป็นสิ่งสำคัญ และการจะได้รับลูกค้าลง Banners คุณอาจต้องมีทราฟฟิกระดับ 4-5 แสน ไปจนถึงหลักล้านผู้เยี่ยมชมต่อเดือน

Web Advertising รายได้เท่าไร

ราคา Sponsored content เริ่มต้นที่ 3 – 5 หมื่นบาท ต่อ บทความ สำหรับเว็บไซต์ทราฟฟิกไม่เกิน 2 แสน views ต่อเดือน หรือแล้วแต่จะตกลง

7 หมื่น – 1 แสนบาท ต่อบทความ สำหรับเว็บไซต์ทราฟฟิกไม่เกิน 4 – 5 แสน views ต่อเดือนขึ้นไป หรือแล้วแต่จะตกลง

หากเป็น วีดีโอคอนเทนต์สาย Creative ราคาอาจจะเริ่มต้นที่ 7 หมื่น – 1 แสนบาทขึ้นไปสำหรับคลิปวีดีโอสั้น ๆ ซึ่งสั้นในที่นี้ก็แล้วแต่นิยามด้วย บางคนอาจจะกำหนดที่ไม่เกิน 3 นาที บางคนอาจจะให้ถึง 5 นาที อันนี้โดยคร่าว แต่งานวีดีโอรายละเอียดปลีกย่อยจะเยอะมาก การตีราคาก็อาจขึ้นอยู่กับความซับซ้อนของงานด้วยเช่นกัน

ราคา PR Content ก็จะถูกว่า Sponsored content เล็กน้อย และผมแนะนำว่าตั้งราคาไม่ห่างการมากเพื่ออัพเซลลูกค้าไปซื้อ Sponsored content โดยเสนอเขาว่าคุ้มกว่าเป็นต้น

โดยทั้ง 2 Content นี้ให้เสนอว่ารวมแถมฟรีแชร์บทความไปยัง Facebook ด้วย เพราะโดยปกติการของแชร์โพสต์บน Facebook page อย่างเดียว ต่อให้เป็น Content ของลูกค้าทั้งหมดก็มีราคาของมันเช่นกัน โดยผมก็จะตั้งราคาไม่ห่างจาก PR Content มากนักเพื่อเสนอว่า ไหน ๆ ก็แชร์แล้ว เอาลงเว็บด้วยไหม แถมแชร์ฟรี ก็เป็นเกร็ดความรู้ในการอัพเซลสินค้า

สุดท้าย Banners ก็อยู่ที่ความพอใจ โดยราคายืนพื้นของการติดป้าย Banners เริ่มต้นที่ 2 – 3 หมื่นบาทต่อเดือน และอาจจะไปแตะหลักแสนบาทต่อเดือนสำหรับเว็บไซต์ที่มีทราฟฟิกหลายล้านวิวต่อเดือน

ทำเว็บไซต์แบบไหนจึงจะมีโฆษณามาลง

ประเภทเว็บไซต์ที่มีโอกาสมีโฆษณามาลงมากที่สุด คือ เว็บข่าว และ เว็บที่ให้ข้อมูลความรู้

โจทย์ คือ ข่าว หรือ ข้อมูลความรู้ของอุตสาหกรรมไหน? หลัก ๆ ได้แก่ ธุรกิจ, การเงิน, การลงทุน, อสังหาริมทรัพย์, หุ้น, รถยนต์ กลุ่มนี้มีโอกาสสูงสุด เพราะธุรกิจที่มีกำลังในการซื้อสื่อสูง ๆ โดยมากอยู่ในกลุ่ม สถาบันการเงิน, อสังหาริมทรัพย์, และยานต์ยนต์

รวมบทความเกี่ยวกับ หาเงินออนไลน์ทั้งหมด ที่นี่