ธุรกิจ Co-Working Space ของจีน ก็มีการแข่งขันที่รุนแรงไม่แพ้ Startup ในธุรกิจอื่น ๆ ซึ่งจะมีเจ้าตลาดในจีน และเจ้าตลาดจากสหรัฐอเมริกาบุกเข้ามาเจาะตลาดจีน มีคู่แข่งในจีนมากมาย และนักลงทุนจำนวนมากที่พร้อมจะสนับสนุนเงินลงทุนให้กับเจ้าของธุรกิจที่มีศักยภาพสูง
ยกตัวอย่าง Co-Working Space อันดับ 1 ของโลก อย่าง WeWork ของอเมริกา ที่ข้ามน้ำข้ามทะเลมาเจาะตลาดจีน (ไม่ต่างจาก Uber) และในจีนเอง ก็มี Co-Working Space สัญชาติจีน อย่าง UrWork (Your Work) ครองตลาดอันดับ 1 ในจีน และ New Space ที่ครองอันดับสอง ส่วน Naked Hub เป็นอันดับที่ 3 ซึ่งก็คล้ายกับ ตลาด Ride Hailing และ Bike Sharing ที่อันดับ 1 และ 2 กวาดส่วนแบ่งตลาดไปเกือบหมด
และเพื่อการต่อกรกับ WeWork ที่พยายามจะเข้ามาเจาะตลาดจีน จึงเกิดการควบรวมกิจการของอันดับ 1 และ 2 ของจีน ได้แก่ UrWork และ New Space และเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น UCOMMUNE และขึ้นแท่นเป็น Co-Working Space อันดับ 1 ทันที ทิ้งให้ Naked Hub ต้องไปควบรวมกิจการกับ JustCo – Co-Working Space สัญชาติสิงคโปร์ และเตรียมที่จะรวมกับ Wework ในที่สุด
UCOMMUNE กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วในด้านต่าง ๆ เช่นการเปิดตัว UCOMMUNE Academy ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มด้านการศึกษาที่เชื่อมต่อนักเรียนมัธยมกับผู้สอนเข้าด้วยกัน และยังเปิดตัวเครือข่ายสังคมระดับองค์กร B2B เพื่อให้องค์กรได้สื่อสารกันระหว่าง บริษัทกับบริษัท และ นักลงทุน
UCOMMUNE ก่อตั้งในปี 2015 เป็นบริษัท Co-Working Space ของจีนรายแรกที่เข้าสู่ซีรีส์ ยูนิคอร์น ได้ขยายสาขาไปแล้วกว่า 100 สาขา ใน 33 เมือง ทั้งในจีน สิงคโปร์ ลอนดอน และนิวยอร์ก และตั้งเป้าจะขยายให้ได้ 160 สาขา ใน 35 เมือง ภายในปี 2019
และล่าสุด UCOMMUNE สามารถระดมทุนเพิ่มได้มากถึง 110 ล้านหยวน จาก Shenzhen-based Qianhai Wutong Mergers and Acquisitions Funds ซึ่งทำให้บริษัทมีมูลค่ารวมเกินกว่า 9 พันล้านหยวนแล้ว
ธุรกิจ Co-Working Space จีนมีแนวโน้มเติบโตอีกมาก เนื่องจากการพัฒนาทางเทคโนโลยี และการตื่นตัวในการทำ Startup ของจีน โดยเฉพาะในเมือง เซินเจิ้น ที่เปรียบเหมือนซิลิคอนวัลเลย์ของจีน ก็เต็มไปด้วยคนหนุ่มสาวผู้คลั่งไคล้ในเทคโนโลยี อีกทั้งยังมีชาวต่างชาติจำนวนมาก ที่เข้าไปทำงานร่วมกับชาวจีน ซึ่งจะช่วยขยายตลาดของ Co-Working Space ให้กว้างขึ้นไปอีก
Source:
