สงครามภาษีของสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเด็นร้อนแรงต่อเนื่อง หลังจากประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ มีคำสั่งให้จัดเก็บภาษีนำเข้าขั้นพื้นฐานในอัตรา 10% ครอบคลุมสินค้าจากทุกประเทศทั่วโลกโดยไม่มีข้อยกเว้น รวมถึงประเทศไทย
มาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 5 เมษายน 2025 เป็นต้นไป ซึ่งจะทำให้สินค้าจากไทยถูกเก็บภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 37% ส่งผลให้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ไทย (SET Index) ร่วงลงทันที 3.15% เมื่อวันที่ 4 เมษายนที่ผ่านมา
มาตรการภาษีตอบโต้: กลไกใหม่ที่ทรงพลัง
จุดที่น่าสนใจคือการบังคับใช้มาตรการภาษีนำเข้าแบบตอบโต้ (Reciprocal Tariffs) ซึ่งเป็นแนวทางที่รัฐบาลสหรัฐฯ ใช้ต่อประเทศที่ถูกมองว่ามีการกำหนดภาษีศุลกากรต่อสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราที่ไม่สมเหตุสมผล โดยเฉพาะประเทศที่ตั้งกำแพงภาษีสูงเกินค่าเฉลี่ย
ตามหลักการ หากประเทศใดเรียกเก็บภาษีจากสินค้าสหรัฐฯ ในอัตราที่สูงกว่ามาตรฐาน สหรัฐฯ จะตอบโต้โดยเรียกเก็บภาษีในอัตราครึ่งหนึ่งของอัตรานั้นโดยอัตโนมัติ เช่น หากประเทศหนึ่งเก็บภาษีจากสหรัฐฯ 74% ก็จะถูกเก็บตอบกลับที่ 37% โดยไม่มีการเจรจาเพิ่มเติม
มาตรการนี้สะท้อนถึงการใช้นโยบายการค้าเชิงรุก และแสดงให้เห็นถึงความตึงเครียดที่กำลังเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ซึ่งอาจส่งผลต่อความต่อเนื่องของการค้า การลงทุน และเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในหลายภูมิภาค
ไทยและหลายประเทศในเอเชียได้รับผลกระทบ
การขึ้นภาษีในครั้งนี้ไม่ได้ส่งผลเฉพาะประเทศไทยเท่านั้น อินเดีย เกาหลีใต้ และฟิลิปปินส์ ต่างก็ถูกปรับเพิ่มอัตราภาษีขึ้นอีก 1% สะท้อนถึงการประเมินจากรัฐบาลสหรัฐฯ ว่าประเทศเหล่านี้มีนโยบายทางการค้าที่ไม่เอื้อประโยชน์ต่อสหรัฐฯ ในระดับที่ควรได้รับการตอบโต้
เมื่อพิจารณาในภาพรวมของประเทศอาเซียน อัตราภาษีที่กำหนดมีความแตกต่างกันอย่างชัดเจน ได้แก่ กัมพูชา 49%, ลาว 48%, เวียดนาม 46%, อินโดนีเซีย 32%, มาเลเซียและบรูไน 24% และสิงคโปร์ต่ำสุดที่ 10% ซึ่งชี้ให้เห็นถึงเกณฑ์การประเมินที่แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ
ผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ: ไทยได้รับผลกระทบมากน้อยเพียงใด
จากการประเมินของ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย (UTCC) พบว่า มาตรการดังกล่าวอาจทำให้ไทยสูญเสียรายได้จากการส่งออกสูงถึง 359,000 ล้านบาท และอาจส่งผลให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) หดตัวเกือบ 2%
แรงกระเพื่อมจากข่าวนี้ยังส่งผลต่อดัชนีตลาดหุ้น SET ซึ่งปรับตัวลดลงถึง 30.25 จุด หรือ 2.6% ภายในวันเดียว นักลงทุนจำนวนมากขายหุ้นในกลุ่มส่งออกและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับนิคมอุตสาหกรรมอย่างหนัก
หุ้นที่ได้รับผลกระทบเด่นชัด ได้แก่ WHA Corporation ลดลง 3.87% เหลือ 2.98 บาท และ Amata Corporation ลดลง 11.67% เหลือ 15.90 บาท สะท้อนถึงความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาคการผลิตและการลงทุนจากต่างชาติ
อุตสาหกรรมที่ต้องจับตาเป็นพิเศษ ได้แก่ กลุ่มส่งออก อาหารแปรรูป ยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่สูง การปรับขึ้นภาษีครั้งนี้จึงอาจส่งผลกระทบต่อเนื่องในระยะยาว
เกมการเมืองในสหรัฐฯ: การถ่วงดุลอำนาจเริ่มต้นขึ้น
มาตรการภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ไม่เพียงส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ยังจุดชนวนความไม่พอใจภายในประเทศอย่างชัดเจน ล่าสุด วุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติ 51 ต่อ 48 เสียง ให้เพิกถอนภาษีตอบโต้ต่อประเทศแคนาดา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของฝ่ายนิติบัญญัติในการควบคุมอำนาจฝ่ายบริหาร
วุฒิสมาชิก Chuck Grassley และ Maria Cantwell ได้ร่วมกันเสนอร่างกฎหมาย Trade Review Act 2025 ที่กำหนดให้ประธานาธิบดีต้องแจ้งล่วงหน้าอย่างน้อย 48 ชั่วโมงก่อนใช้มาตรการภาษี และหากไม่ได้รับการอนุมัติจากสภาภายใน 60 วัน มาตรการดังกล่าวจะสิ้นสุดโดยอัตโนมัติ
ในขณะเดียวกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายเดโมแครตก็เตรียมใช้กลไก “Discharge Petition” เพื่อบังคับให้มีการโหวตในสภา แม้จะถูกต่อต้านจากผู้นำพรรครีพับลิกัน
ที่สำคัญคือ เริ่มมีสมาชิกพรรครีพับลิกันบางรายแสดงจุดยืนไม่สอดคล้องกับพรรค โดยพร้อมร่วมมือกับฝั่งเดโมแครต หากเห็นว่านโยบายของทรัมป์ก่อให้เกิดผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงแรงเสียดทานที่เพิ่มขึ้นภายในพรรคของเขาเอง
สรุป: ไทยต้องปรับตัว โลกต้องจับตา
นโยบายภาษีของสหรัฐฯ ในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงการเปลี่ยนแปลงด้านภาษีศุลกากร แต่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงที่ลึกกว่านั้นในระบบเศรษฐกิจระหว่างประเทศ ประเทศไทยจึงควรเตรียมความพร้อมทั้งในระดับยุทธศาสตร์การค้า การลดการพึ่งพาตลาดเดิม และการวางแผนทางการเงินระยะยาว
ในขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวภายในสภาคองเกรสของสหรัฐฯ จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่อาจกำหนดทิศทางของนโยบายระหว่างประเทศในช่วงเวลาต่อจากนี้
Source:
https://www.nbcnews.com/politics/congress/republicans-weigh-using-power-congress-rein-trump-tariffs-rcna199555
https://www.nationthailand.com/blogs/business/economy/40048308
https://www.bangkokpost.com/business/general/2995717/trump-tariffs-on-thailand-return-to-original-rate-set-index-nosedives