อดีตซีอีโอ Uber เทขายหุ้นกว่า 700 ล้านดอลลาร์ มูลค่า Uber ร่วงระเบิดเทิดเทิง 35%

วันที่ 14 พ.ย. 2019 CNBC รายงาน Travis Kalanick อดีตซีอีโอ Uber เทขายหุ้น Uber สองครั้งรวมกัน 711 ล้านดอลลาร์ เป็นหนึ่งในปัจจัยส่งผลต่อ มูลค่ากิจการ Uber ลดลงถึง 35%

Uber ผู้ให้บริการแอพพลิเคชันเรียกรถแท็กซี่ หรือที่เรียกว่าธุรกิจ ride-hailing และคุ้นหูโดยคนทั่วไปในนาม Uber Taxi ได้ทำการ IPO (Initial Public Offering) หรือ จดทะเบียนเข้า ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ไปเมื่อวันที่ 10 พฤษภาคม 2019 ด้วย มูลค่าตลาด หรือ Market capital 75,500 ล้านดอลลาร์ ราคา IPO วิ่งอยู่ในช่วงตัวเลข 42 – 45 ดอลลาร์ต่อหุ้น



ต่อมา หนึ่งในกฏระเบียบที่มีต่อกลุ่มทุนหลังกิจการใด ๆ ทำการ IPO ได้แก่ กลุ่มผู้ร่วมก่อตั้ง กลุ่มนักลงทุนก่อน IPO และ ผู้มีผลประโยชน์ภายในใด ๆ ก่อนทำการ IPO จะต้องอยู่ภายใต้ Lockup Period ห้ามซื้อขายหุ้นที่ตนทำการ IPO เป็นเวลา 180 วัน

และเมื่อต้นเดือน พฤศจิกายน 2019 ที่ผ่านมาก็ได้มาถึงวันสิ้นสุด Lockup Period อันเป็นเหตุให้ Travis Kalanick ผู้ร่วมก่อตั้ง และ อดีตซีอีโอ ของ Uber เทขายหุ้นออกมา 2 ครั้งใหญ่ รวมเป็นมูลค่าสูงถึง 711 ล้านดอลลาร์

กิจกรรมของ Travis Kalanick ส่งผลให้ราคาหุ้น Uber จากที่เคยสูงถึง 42 – 45 ดอลลาร์ต่อหุ้นเมื่อวัน IPO ลดลงมาที่ 27 ดอลลาร์ ต่อหุ้น ณ วันที่เป็นข่าว และ ณ วันที่ 19 พฤศจิกายน 2019 ก็ลดลงมาเหลือ 26.75 ดอลลาร์ต่อหุ้น – Market Capital หรือ มูลค่ากิจการของ Uber ที่เคยสูงถึงประมาณ 70,000 ล้านดอลลาร์ วันนี้เหลือเพียง 45,631 ล้านดอลลาร์ หรือลดลงถึง 35%

ทำไมTravis Kalanick จึงเทขายหุ้น Uber จำนวนมาก

หากย้อนไทม์ไลน์ของ Travis Kalanick เขาและหุ้นส่วน Garrett Camp ร่วมกันก่อตั้ง Uber จากปัญหาการเรียกใช้บริการรถแท็กซีในต่างแดน จึงต้องการสร้างแอพพลิเคชันเพื่อให้ คนขับรถ และ ผู้โดยสาร สามารถทำงานร่วมกันได้สะดวก Uber จึงเกิดขึ้นเมื่อเดือน มีนาคม 2009

ถูกกดดันให้ลาออกจาก Uber

Uber เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยปี 2019 มีผู้ใช้งาน 110 ล้านบัญชี 69% เป็นผู้ใช้งานในสหรัฐอเมริกา และการเติบโตอย่างรวดเร็วก็ทำให้มีปัญหาทั้งภายนอก อาทิ ข้อกฏหมายขนส่งของแต่ละประเทศ และปัญหาภายใน อาทิ ความขัดแย้งในการทำงาน และ การล่วงละเมิดทางเพศ รวมไปถึงปัญหาทางการเงิน ที่บริษัทเติบโตเร็ว รายได้สูง แต่ไม่กำไร

ปัญหาสะสมส่งผลให้ Travis Kalanick ถูกคณะกรรมการกดดันจนต้องลาออกจากตำแหน่ง ซีอีโอ ในวันที่ 20 มิถุนายน 2017 โดยตัวเขายังดำรงตำแหน่ง กรรมการบริษัท ตามปกติ

อ่านเพิ่มเติม Travis Kalanick ทิ้ง Uber เผยนักลงทุนรุมกดดันให้ลาออกจากบริษัทที่ตนปั้นมากับมือ

เริ่มระดมทุนเพื่อพัฒนาธุรกิจใหม่ ๆ ของตัวเอง

หลังลงจากตำแหน่งซีอีโอของ Uber – Travis Kalanick เทขายหุ้นจำนวนหนึ่งไปเป็นทุนในการทำธุรกิจใหม่ ๆ หนึ่งในนั้น คือ กองทุน 10100 Fund เพื่อลงทุนในสตาร์ทอัพต่าง ๆ (แต่บัดนี้ก็ยังไม่มีข่าวความเคลื่อนไหวของกองทุนนี้แต่อย่างใด)

อ่านเพิ่มเติม Travis Kalanick ก่อตั้งบริษัทกองทุน เล็งปูพรมซื้อกิจการในจีนและอินเดีย 

จนกระทั่ง Uber ทำการ IPO และพ้นช่วง Lockup period ดังกล่าวจึงได้มีข่าวการเทขายหุ้นหลัง IPO ของ Travis Kalanick พร้อมกับข่าวการระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์เพื่อพัฒนาสตาร์ทอัพ ชื่อ Cloud Kitchen ซึ่งจะมาดิสรัปท์อุตสาหกรรมร้านอาหาร อาทิ การออกแบบระบบครัวแบบ คลาวด์ คิชเช่น และ ระบบฟู้ดดิลิเวอร์รี ให้ร้านอาหารต่าง ๆ และอาจเป็น คู่แข่งโดยตรงกับ Uber Eats ในอนาคตอันใกล้

อ่านเพิ่มเติม Travis Kalanick อดีตซีอีโอ Uber ระดมทุน 400 ล้านดอลลาร์ เปิดธุรกิจใหม่แข่งกับ Uber Eats



ข้อมูลอ้างอิง

https://www.cnbc.com/2019/11/14/kalanick-sells-over-700-million-in-uber-stock-since-lockup-expired.html

https://www.forbes.com/sites/bizcarson/2019/11/14/travis-kalanick-unloads-over-700-million-uber-shares/