ประวัติ Tony Robbins เจ้าพ่อโค้ชระดับโลก

Tony Robbins สุดยอดตำนาน Motivational Speaker ระดับโลก เมื่อโชคชะตาสามารถกำหนดได้ กับการสร้างแรงบันดาลใจที่เปลี่ยนชีวิตคน

บางคนมักจะกล่าวโทษและอ้างถึงต้นทุนชีวิตเมื่อพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จ จริงอยู่ที่ว่าต้นทุนที่ดีกว่านั่นง่ายต่อการเข้าถึงโอกาส อีกส่วนหนึ่งคือความพยายามที่อยากจะเป็นในแบบที่ตัวเองต้องการ การเจอกับปัญหาและอุปสรรคเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้ ความยากอยู่ตรงที่จะทำอย่างไรให้ผ่านพ้นช่วงวิกฤตของชีวิตไปได้ เหมือนกับที่ Tony Robbins เคยประสบมาก่อนที่จะกลายเป็นนักสร้างแรงบันดาลใจระดับโลก เขาก้าวผ่านช่วงเวลานั้นมาได้อย่างไรกัน

ชีวิตในวัยเด็กที่ไม่ได้เป็นตัวกำหนดอนาคต

Tony Robbins มีชื่อเดิมว่า Anthony J. Mahavorick เกิดเมื่อวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 1960 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา เกิดในชนชั้นแรงงานซึ่งครอบครัวมีปัญหา พ่อแม่ของเขาหย่าร้างเมื่อเขาอายุได้ 7 ปี เขามีชีวิตที่ค่อนข้างลำบาก ทำงานเป็นช่างซ่อมบำรุงเพื่อหาเงินส่งเสียตัวเองและน้องๆ สมัยมัธยมเขาเคยได้รับการเลือกตั้งเป็นประธานนักเรียนในปีสุดท้าย แต่ไม่มีโอกาสศึกษาต่อในวิทยาลัย เมื่ออายุ 17 ปีจึงตัดสินใจออกจากบ้านและทำงานเป็นภารโรง

ช่วงวัยหนุ่มเขาค้นพบว่าตัวเองมีความสามารถในการพูดในที่สาธารณะ จึงเริ่มอ่านผลงานของนักเขียนที่สร้างแรงบันดาลใจ เช่น Ralph Waldo Emerson และ Dale Carnegie เขาตัดสินใจแน่วแน่ว่าต้องการที่จะร่ำรวยเมื่อโตขึ้น และสามารถทำเงินล้านครั้งแรกเมื่ออายุ 24 ปี

งานของเขาไม่ใช่แค่การพูด แต่เป็นการสร้างแรงบันดาลใจ

ต้นปี 1980 เริ่มต้นอาชีพจากการจัดสัมมนาให้กับ Jim Rohn นักพูดสร้างแรงบันดาลและนักเขียน ครั้งแรกที่ทั้งสองเจอกัน Rohn ได้ให้ข้อคิดบางอย่างแก่ Robbins จึงเปรียบเสมือนต้นแบบของเขา หลังจากนั้นได้เจอกับ John Grinder นักภาษาศาสตร์ ที่ปรึกษาด้านการจัดการฝึกอบรมและนักพูด เขาได้เรียนรู้จาก Grinder เกี่ยวกับหลักสูตร “เทคนิคการจัดพฤติกรรมของสมองและจิตใต้สำนึก” หรือ Neuro-Linguistic Programming” (NLP) จากนั้นทั้งสองจึงได้เป็นหุ้นส่วนกัน

เขามีผลงานมากมายทั้งงานเขียน, Audio Book, ออกรายการโทรทัศน์, ผลิต DVD และมี Application สำหรับสมาร์ทโฟน ในปี 2010 มีรายการทีวีเรียลลิตี้ ที่ชื่อว่า Breakthrough with Tony Robbins นอกจากนี้ยังได้รับการจัดอันดับ Top 50 Business Intellectuals in the World (ปัญญาชนด้านธุรกิจ 50 อันดับแรกในโลก)โดย Harvard Business Press และ Top 200 Business Gurus (ผู้เชี่ยวชาญด้านธุรกิจ 200 อันดับแรก)โดย American Express ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นหนึ่งใน 50 อันดับแรกของนิตยสาร Worth Magazine ในหมวด “100 คนที่มีอำนาจมากที่สุดในด้านการเงินระดับโลก” เป็นเวลาสองปีติดต่อกัน

Robbins เป็นโค้ชให้กับบุคคลที่มีชื่อเสียงระดับโลกไม่ว่าจะเป็น Bill Clinton, Oprah Winfrey, Serena Williams เป็นต้น ผลงานที่มีชื่อเสียงที่สุดคือหนังสือ Unlimited Power (ปี 1986), Awaken the Giant Within (ปี 1991) และ Money Master the Game (ปี 2014) ส่วนในปี 2016 มีผลงานภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับเขาที่ชื่อว่า Tony Robbins: I Am Not Your Guru กำกับโดย Joe Berlinger

กุญแจสู่ความสำเร็จ

1. รู้แน่ชัดถึงความต้องการของตนเอง

แม้ไม่ใช่คนที่เก่งที่สุด แต่หากรู้ถึงความต้องการของตนเอง มีความชอบและความถนัดในสิ่งใด ก็เท่ากับว่าชีวิตเริ่มมีการวางแผนในระดับหนึ่ง ซึ่งง่ายต่อการกำหนดเป้าหมายในอนาคต ต่างจากการที่ทำอะไรโดยไร้แบบแผนปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไปเรื่อยๆ จนหาเส้นทางที่เป็นแกนหลักสำคัญของชีวิตไม่เจอ ที่สำคัญคือเมื่อยังไม่ถึงเป้าหมาย ควรเลือกที่จะเปลี่ยนแผนการไม่ใช่เปลี่ยนเป้าหมาย และทำจนกว่าจะสำเร็จ

2. เรียนรู้จากความล้มเหลว

ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องเลวร้าย แต่เป็นเพียงเหตุการณ์ที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้น การจมปลักอยู่กับข้อผิดพลาดไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ซ้ำร้ายยิ่งทำให้สถานการณ์แย่ลงกว่าเดิม สิ่งที่ควรทำคือการเรียนรู้จากความล้มเหลวนั้น หาสาเหตุและทำความเข้าใจเพื่อเป็นบทเรียนในครั้งต่อไป

3. มีความต่อเนื่อง

การคิดหรือลงมือทำในสิ่งใหม่ ความสนุกอยู่ตรงที่การเผชิญกับความท้าทายในช่วงแรกๆ แต่พอผ่านไปสักระยะรูปแบบความท้าทายที่ยากขึ้น ทำให้ความรู้สึกตื่นเต้นเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ การที่จะไปถึงจุดหมายที่ตั้งไว้ได้นั้นต้องอาศัยความต่อเนื่อง เหมือนกับการวิ่งมาราธอนที่ต้องวิ่งไปเรื่อยๆ รู้ว่าช่วงไหนควรเร่ง ช่วงไหนควรผ่อน ไม่เช่นนั้นนอกจากจะไม่ถึงเป้าหมายแล้วอาจต้องล้มเลิกกลางคันทั้งๆที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะบรรลุความสำเร็จนั้นได้

4. เรียนรู้เกี่ยวกับตัวเอง

ก่อนที่จะก้าวไปสู่บันไดแต่ละขั้นของชีวิตต้องเริ่มต้นจากการรู้จักตัวเองเสียก่อน รู้จักในที่นี้หมายถึงร่างกายและจิตใจ อย่าคิดว่าเรื่องพวกนี้ไม่สำคัญเพราะขณะที่กำลังหมกมุ่นกับการทำงานหนัก ร่างกายเองก็มีการเสื่อมสภาพลงอยู่เรื่อยๆ จิตใจก็ควรได้รับการดูแลเช่นกัน สองสิ่งนี้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน อย่าปล่อยให้ความเครียดอยู่กับเรานานเกินไป เรียนรู้วิธีรับมือและหาทางออกที่เหมาะสม คงไม่ดีแน่หากความพยายามที่ทำมาทั้งหมดต้องลงเอยด้วยการไร้ความสุขและมีสุขภาพที่ย่ำแย่

ข้อคิดที่คุณสามารถนำไปปรับใช้

1. การทำธุรกิจต้องมีความสมดุล

ธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น โฟกัสอย่างตรงจุด มีความเสี่ยงน้อยกว่าธุรกิจที่ยึดติดกับแบบแผนเดิมๆหรือมุ่งเน้นไปในทางที่ไม่ก่อให้เกิดคุณค่าแก่ธุรกิจซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อลูกค้า เมื่อกาลเวลาเปลี่ยนความนิยมก็เปลี่ยนแปลงตาม ผลิตภัณฑ์ที่ดีและประสบความสำเร็จในตอนนี้อาจไม่เป็นที่ต้องการสำหรับตลาดในอนาคต ทุกอย่างต้องมีความสมดุลและไปด้วยกันได้ในระยะยาว

2. ปล่อยให้ทุกอย่างดำเนินไป

เมื่อทุกอย่างถูกวางแผนมาอย่างดีแล้ว ที่เหลือคือรอดูผลลัพธ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น ปล่อยให้ดำเนินไปตามที่ควรจะเป็น คอยเฝ้าสังเกตและวิเคราะห์เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆระหว่างทาง เพราะบางอย่างอยู่เหนือการควบคุมหากวิตกจนเกิดความเครียดก็จะนำไปสู่ความกลัว จนทำให้ขาดความคิดสร้างสรรค์และอาจไม่เห็นทางออกของปัญหาก็เป็นได้

Tony Robbins เป็นตัวอย่างที่ดีของความมุ่งมั่นและตั้งเป้าหมายที่ชัดเจน พลังที่ส่งผ่านมายังคำพูดของเขานั้นดูน่าทึ่งอย่างเหลือเชื่อ ซึ่งความคิดมีผลอย่างมากต่อการใช้ชีวิตและเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้หลายคนหลุดพ้นจากอดีต ขอเพียงแค่คิดได้และลงมือทำอย่างต่อเนื่อง ไม่แน่ว่าชีวิตคุณอาจเป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้เช่นกัน