ยังมีความลับอีก 90% บนโลกออนไลน์ที่คนไทยอาจยังเข้าไม่ถึง

90-percent-01

วันนี้ ‘แทบไม่มีใคร ไม่ทำออนไลน์’ แต่คุณเชื่อหรือไม่ว่าในบรรดาคนไทยนับล้านที่ทำ ธุรกิจและการตลาดออนไลน์ เพิ่งเข้าถึงศักยภาพเพียง 10 – 20% ของทรัพยากรที่โลกออนไลน์มีให้พวกเขา

เมื่อถามว่าทำออนไลน์อย่างไรกันบ้าง? รายย่อยส่วนใหญ่จะตอบว่า ทำผ่าน Facebook ใช้ Facebook ตั้งแต่การโพสต์ขายสินค้า พูดคุยเจรจาค้าขาย ปิดการขาย และรับเงินทุกอย่างจบบน Facebook — ฟังดูง่ายใช่หรือไม่? แต่คุณรู้ไหมว่า ‘ไทย’ อาจเป็นหนึ่งในไม่กี่ประเทศบนโลกที่ เอาธุรกิจทั้งหมดของตัวเองไปไว้บนแพลทฟอร์มของคนอื่น

ถัดจากรายย่อย คือ SME กลุ่มนี้เริ่มมีทุน มีทีม มีหุ้นส่วนที่มีประสบการณ์มาช่วยกันทำงาน SME จำนวนไม่น้อยเริ่มมี เว็บไซต์ มีการทำระบบตะกร้า หรือ E-Commerce Shopping Cart มีการทำการตลาดออนไลน์นอกเหนือจาก Facebook นั่นคือ SEO / Search Engine Optimization ทำเว็บไซต์ให้ติดอันดับดี ๆ บนกูเกิ้ล และ SEM / Search Engine Marketing หรือ การซื้อโฆษณา Google Ad

ดูแอดวานซ์ขึ้นมาอีกขั้น แต่…

เมื่อคนเจอเว็บไซต์ผ่านโฆษณา Google Ad คลิ๊กเข้ามาที่หน้าเว็บ เลื่อน ๆ ดู แล้วก็กดออกไปโดยไม่ซื้ออะไร เสียเงินค่าโฆษณาไปฟรี ๆ และไม่สามารถตามผู้ชมเหล่านั้นกลับมาได้ นี่คือปัญหาของ SME ไทยที่ทำออนไลน์ผ่าน Google

ถัดจาก SME คือ Corporate องค์กรขนาดใหญ่ที่มีทรัพยากรระดับหัวกะทิจำนวนมาก รวมไปถึงทีมงาน Digital Marketing Specialist ที่มากความสามารถ

องค์กรเหล่านี้ใช้ Social media แทบจะครบทุกแพลทฟอร์ม ทั้ง Facebook, Instagram, Twitter และยังมีเว็บไซต์ที่ทำอันดับบน Google ทั้งแบบ SEO และ SEM แต่สิ่งที่แอดวานซ์ขึ้นมาอีกขั้น คือ พวกเขาทำผัน Traffic ที่เข้ามายังเว็บไซต์ไปเป็น List รายชื่อที่สามารถติดต่อกลับไปหา Traffic เหล่านั้นได้ทั้งทางอีเมล์, โทรศัพท์, หรือ Facebook Messenger Chatbot — กิจกรรมนี้ภาษาอังกฤษเรียกว่า List building

ถึงตรงนี้เชื่อว่าหลายท่านอาจจะเริ่มไม่คุ้นชินและสงสัยว่า การตลาดออนไลน์มันมีเรื่องแบบนี้ด้วยหรือ? — นี่จึงเป็นที่มาของหัวข้อ ‘ยังมีความลับอีก 90% บนโลกออนไลน์ที่คนไทยอาจยังเข้าไม่ถึง’ และไม่ใช่แค่ การตลาดเท่านั้น แต่ รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่คนไทย คาดไม่ถึง ก็ยังมีอีกมากมาย

คุณกำลังจะได้พบกับ โลกของธุรกิจและการตลาดออนไลน์ ที่คุณอาจยังไม่รู้จัก แต่มีคนทำเงินมากมายอย่างเงียบ ๆ กระจายตัวไปทั่วโลก และโมเดลธุรกิจออนไลน์บางประเภทไม่ต้องสต็อก ไม่ขาย ไม่ต้องแพ็กส่งของอะไรทั้งสิ้น

ธุรกิจออนไลน์เริ่มต้นที่ เว็บไซต์

หากคุณต้องการยั่งยืนในโลกของการค้าปลีก คุณต้องมีหน้าร้าน… หากคุณต้องการยั่งยืนในโลกของอีคอมเมิร์ซ คุณต้องมีเว็บไซต์

ผู้ประกอบการออนไลน์ในยุโรปและอเมริกาส่วนใหญ่มีเว็บไซต์ และเป็นเจ้าของเว็บไซต์กันตั้งแต่ก้าวแรกที่พวกเขาเข้ามาสู่โลกออนไลน์ จากนั้นค่อยขยายช่องทางการตลาดไปยังแพลทฟอร์มอื่น ๆ แต่ที่ไทยทำข้ามช็อต คือ ก้าวแรกโพสต์ขายบนโซเชียล และหลายคนก็อยู่บนโซเชียลแบบนั้นไปตลอดโดยไม่สร้าง เว็บไซต์ ให้เป็น Digital Asset ของตัวเอง

นักธุรกิจและนักการตลาดออนไลน์ในต่างประเทศ และบริษัทใหญ่ ๆ ในไทยมีเว็บไซต์เป็นศูนย์กลางของโลกออนไลน์ และใช้ Social media, Youtube, Search engine และ Advertising เป็นช่องทางในการแพร่กระจายการรับรู้ไปยังกลุ่มเป้าหมาย แต่สุดท้าย ทุกช่องทางจะต้องพาคนมาบรรจบกันที่ เว็บไซต์

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ยอดนิยมมีอะไรบ้าง

กลยุทธ์การตลาดออนไลน์มีมากมายโดยจะรวบเป็ร 4 กลุ่มจดจำง่าย และเข้าใจง่าย ได้แก่ Social Media Marketing, Content Marketing, List Building, และ Advertising :

1. Social Media Marketing

การตลาดผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่คนไทยคุ้นเคยและนำมาประยุกต์ใช้ขายของได้อย่างคล่องแคล่วที่สุด โดยบนโลกนี้มีเว็บไซต์และแอปพลิเคชั่นที่มีคุณลักษณะคล้าย Social media ได้แก่ เพิ่มเพื่อนได้ แชร์คอนเทนต์ กดติดตาม คอมเมนต์ เป็นต้น — อยู่นับร้อย ๆ เว็บไซต์

รายที่นิยมมากในไทย ได้แก่ Facebook, Instagram, และ Twitter รวมไปถึง Youtube ก็มีความเป็นโซเชียลมีเดีย โดย Facebook และ Instagram เป็น Social media ที่ได้รับใช้ขายของกันมากที่สุด แต่สำหรับในอเมริกา — การโพสต์ขายสินค้าบน Facebook และ Instagram ตรง ๆ นั้นเป็นเรื่องที่ยากมาก ว่าแต่พวกเขาใช้ Social media ทำอะไร? คำตอบอยู่ในหัวข้อถัดไป

2. Content Marketing

ความหมายของคำว่า Content Marketing โดยเว็บไซต์ Content Marketing Institute ระบุเอาไว้โดยแปลเป็นไทยว่า :

เป็นกลยุทธ์การตลาดแบบมุ่งเน้นการผลิต ‘เนื้อหาหรือสื่อ’ ที่เกี่ยวข้อง และ มีประโยชน์ ต่อกลุ่มเป้าหมายอย่างต่อเนื่อง เพื่อคัดกรองและดึงดูดกลุ่มเป้าหมายมายังธุรกิจ และ ก่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ธุรกิจของคุณต้องการ

ผลลัพธ์ได้แก่อะไรบ้าง? หลัก ๆ มี 2 ประเภท ประเภทแรก คือ เกิดการซื้อขาย และ ประเภทที่สอง คือ ได้ข้อมูลผู้มุ่งหวัง อาทิ ชื่อ อีเมล์ เบอร์โทร ที่อยู่ อย่างใดอย่างหนึ่ง หรือทั้งหมดเป็นต้น ผลลัพธ์ประเภทที่สองในวงการการตลาดเรียกว่า List building

3. List Building

หลายสิบปีก่อน ร้านค้าอาจขอให้คุณกรอกเบอร์โทรและที่อยู่หลังซื้อสินค้าเพื่อแลกกับโบนัสอะไรสักอย่าง เช่น ของแถม หรือ คูปองส่วนลด จากนั้นทางร้านก็จะเริ่มส่งโบรชัวร์ไปที่บ้านคุณ นี่คือรูปแบบของการทำ List building

List building คือ หนึ่งในหัวใจสำคัญอันดับต้น ๆ ของการทำการตลาดออนไลน์ กล่าวคือ Content marketing ที่คุณสื่อสารออกไปยังทุก ๆ ช่องทางไม่ว่าจะเป็น Facebook, Youtube, Google SEO ล้วนต้องพาคนมาจบที่ เว็บไซต์

แต่เหนือกว่าจบที่เว็บไซต์ คือ ต้องได้ Database ของผู้เยียมชมเว็บไซต์มาอยู่ในมือ โดยอย่างน้อยที่สุดก็ต้องได้ Email ที่สามารถติดต่อไปขายของแก่พวกเขาได้โดยตรง นี่คือการทำ List building

การทำ List building ในต่างประเทศนิยมใช้ระบบ Email เรียกว่า Email marketing ที่มาพร้อมกับระบบการสร้างข้อความแบบตั้งเงื่อนไขการส่งตาม Logic ที่คุณป้อนลงไป หรือ ระบบ Email automation ส่วนคนไทยไม่ค่อย Engage กับอีเมล์เท่าต่างประเทศ แต่วันนี้มีเครื่องมือที่ทำหน้าที่ได้ เทียบเท่า หรือ ดีกว่าในบางฟังชั่น นั่นคือ Facebook Messenger Chatbot

4. Advertising

กลุ่มสุดท้ายในบริบทนี้ คือ Advertising หรือ โฆษณา เป็นกลยุทธ์ที่หลายคนน่าจะใช้กันอย่างคล่องแคล้วแล้ว และวันนี้คงไม่มีคนขายของออนไลน์คนไหนไม่เคยเจอปัญหา ‘ค่าโฆษณาแพง ยอดขายตก’ โดยเฉพาะโฆษณา Facebook

อันที่จริง Facebook เป็นเครื่องมือโฆษณาออนไลน์ที่กำหนดกลุ่มเป้าหมายได้ละเอียดที่สุดในโลก ด้วยฐานข้อมูลผู้ใช้งานไตรมาศแรกของปี 2019 มากกว่า 2,410 ล้าน Monthly active users จนถูกขนานนามว่า ‘ประเทศ Facebook’ — Facebook มี Big Data ของทุก ๆ พฤติกรรม และ กิจวัตร ของผู้ใช้งานทุกคนให้ Advertiser นำไป ยิงโฆษณาใส่

และ Advertiser ทั่วโลกต่างก็แห่แหนไปใช้เครื่องมือโฆษณา Facebook ฉะนั้นไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมโฆษณา Facebook ถึงแพง และมีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะเขาเองก็ต้องคัดกรอง โฆษณา ลงในพื้นที่ของเขาเช่นกัน

ดังนั้นจึงกลับไปที่ข้อแรก ต้องมีเว็บไซต์เป็นสำนักงานใหญ่บนโลกออนไลน์, ทำ Content ที่ตรงกลุ่มเป้าหมาย, ดึงดูดคนเข้ามาที่ List, และขายสินค้าผ่านทาง List ส่วนเครื่องมือโฆษณา Facebook เป็นกำลังสนับสนุนการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายให้เร็วขึ้น แต่วัตถุประสงค์ปลายทางยังเหมือนเดิม คือ List building!

ธุรกิจออนไลน์อะไร ไม่ต้องสต็อก ไม่ต้องแพ็ก ไม่ต้องส่งสินค้า

ตอนนี้คุณมองเห็นภาพใหญ่ขึ้นว่า กลยุทธ์การตลาดออนไลน์ยอดนิยม มีอะไรบ้างนอกจาก Social media ปัญหาต่อมา คือ คนจำนวนมากรับรู้เพียงแค่ว่า ธุรกิจออนไลน์ คือ การขายของ — แต่ในความเป็นจริงแล้วธุรกิจและการสร้างรายได้ออนไลน์มีมากจนคนคิดไม่ถึง

Spencer Haws เจ้าของ Blog ที่มีชื่อว่า Niche Pursuits และ นักการตลาดออนไลน์ที่คร่ำหวอดบนโลกออนไลน์มาทั้งชีวิตได้บันทึกเอาไว้ว่ามีถึง 53 วิธีสร้างรายได้ออนไลน์ และเกือบทั้งหมด ไม่ต้องมีสินค้าเป็นของตัวเอง ไม่ต้องสต็อก ไม่ต้องแพ็ก ไม่ต้องส่งสินค้าอะไรทั้งสิ้น!

แต่แน่นอนว่ามีเพียงไม่กี่วิธีที่ใช้ได้ผลในตลาดไทย และข่าวดี คือ เพียงไม่กี่วิธีเหล่านั้นที่ได้ผล ก็สามารถทำเงินให้คุณเป็นละหลายล้านบาท และโอกาสหน้าเราจะไปลงรายละเอียดวิธีทำเงินเหล่านั้นกัน