มนุษย์เงินเดือนจำนวนไม่น้อยมีความฝันที่จะเป็น ผู้ประกอบการ หรือ นายตัวเอง เป็นผู้มีกิจการเป็นของตัวเอง และมีรายได้ตามศักยภาพที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีขีดจำกัด
แต่ความเป็น ผู้ประกอบการ อาจไม่ได้เหมาะกับทุกคน และหากคุณได้อ่าน 6 คำเตือน : ทำไมคุณจึงยังไม่ควรลาออกมาเป็นนายตัวเอง และมั่นใจว่าสอบผ่านทุกคำเตือนนั้น ต่อไปนี้ คือ 5 ข้อสนับสนุนที่แสดงว่า คุณพร้อมในระดับหนึ่งสำหรับการเริ่มต้นเป็น นายตัวเอง
1. คุณเข้าใจ Mindset ผู้ประกอบการ
ความ ‘อยากรวย’ คือเหตุผลที่หลายคนอยากเป็น ‘ผู้ประกอบการ’ แต่การเป็น ผู้ประกอบการ ไม่ใช่เหตุผลของคนอยากรวย!
เว็บไซต์ Investopedia ได้ให้ความหมายของ Entrepreneur หรือ ผู้ประกอบการไว้ดังนี้ :
‘An entrepreneur is an individual who creates a new business, bearing most of the risks and enjoying most of the rewards. The entrepreneur is commonly seen as an innovator, a source of new ideas, goods, services, and business/or procedures.
Entrepreneurs play a key role in any economy, using the skills and initiative necessary to anticipate needs and bring good new ideas to market.’
แปลว่า
ผู้ประกอบการ คือ บุคคลที่ สร้างธุรกิจใหม่ และรับความเสี่ยงสูงสุด เช่นเดียวกับผลตอบแทนสูงสุด (ถ้าสำเร็จ) ผู้ประกอบการมักเป็นผู้มีความคิดสร้างสรรค์ นักประดิษฐ์ นักคิด นักสรรหาไอเดีย สินค้า และบริการ
ผู้ประกอบการมีบทบาทสำคัญทางเศรษฐกิจ เป็นผู้มีความคิดริเริ่ม มีความรู้ และเป็นนักจัดสรรทรัพยากรที่ตลาดต้องการ และนำไปส่งมอบให้แก่ตลาด (ผู้บริโภค/ลูกค้า)
หากกล่าวโดยย่อ
ผู้ประกอบการ คือ ผู้ตอบสนองความต้องการ และ/หรือ แก้ปัญหาให้แก่ตลาดด้วยสินค้าและบริการที่พวกเขาสร้างสรรค์ หรือ สรรหามาจำหน่าย
ถึงจุดนี้ หากคุณอยากทำธุรกิจเพราะอยากรวย นั่นไม่ใช่ Midset ของผู้ประกอบการ Mindset ของผู้ประกอบการ คือ ต้องการสร้างคุณค่าให้ตลาดด้วยสินค้าและบริการของเขา ส่วน ความรวย เป็น ผลลัพธ์ ของการทำงานถูกต้องและถูกตลาด
2. คุณศึกษาหาข้อมูลละเอียดดีแล้ว
มีคนจำนวนไม่น้อยที่เกิด ‘ความรู้สึก’ อยากทำธุรกิจอะไรสักอย่าง อาทิ อยากขายปลีก, อยากขายส่ง, อยากนำเข้าสินค้าจากจีน, อยากเปิดร้านอาหาร เป็นต้น ฯลฯ หรือหนักกว่าคือ อยากทำธุรกิจแต่ไม่รู้จะทำอะไรดี
เมื่อเกิดความอยากก็เอ่ยปากถามคนใกล้ตัวไปทั่ว หรือถามในเว็บบอร์ด อาทิ Pantip.com เพื่อขอข้อมูลหรือคำแนะนำต่าง ๆ ซึ่งการทำเช่นนี้นับว่าคุณไม่พร้อมทำธุรกิจอย่างยิ่ง
เพราะหนึ่งในคุณสมบัติของ ผู้ประกอบการตัวจริง คือ ‘เป็นนักขวนขวาย’ พวกเขาจะขวนขวายหาข้อมูลในสิ่งที่อยากทำอย่างละเอียด จดบันทึก รวมข้อมูล จัดทำรายงาน วิเคราะห์ แตกประเด็น หาข้อสรุป
เมื่อถึงเวลาที่จะถาม เขามักนับเป็นจุด ๆ อย่างชัดเจนมากกว่าจะถามกว้าง ๆ ว่า ทำอะไรดี หรือ อยากทำนำเข้าต้องทำยังไง ซึ่งตัวอย่าง 2 คำถามที่ว่าเป็นคำถามของคนที่ มีแต่ความอยาก แต่ไม่มีความตั้งใจจริงที่จะลงมือทำ
3. คุณมีความเข้าใจในตลาดที่จะทำ
การทำธุรกิจ เป็น กิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงมาก ดังนั้น ผู้ประกอบการตัวจริง จะประกอบธุรกิจในสิ่งที่ตนมี ข้อมูล, ความรู้, และความเชี่ยวชาญ เท่านั้น จะไม่ได้เกิดจาก ‘ความรู้สึก’ อยากทำลม ๆ แล้ง ๆ แล้วลึกขึ้นมาทำ
ข้อนี้จึงมีความเชื่อมโยงใกล้ชิดกับข้อ 2) คือเป็นนักขวนขวายหาข้อมูลต่าง ๆ อย่างละเอียด และมีความเข้าใจความเคลื่อนไหวและความเป็นไปทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวในอุตสาหกรรมที่จะทำ
ยกตัวอย่างเช่น ณ กระทู้ในเว็บบอร์ดแห่งหนึ่งมีคนเกิด ‘ความรู้สึก’ อยากเป็นเจ้าของโรงงานรถยนต์ประเภท Combustion engine แบรนด์ของตนเอง
แต่ข้อเท็จจริงของตลาดรถยนต์ คือ อุตสาหกรรมนี้กำลังเปลี่ยนยุคจาก Combustion engine ไปเป็น Electric vehicle โดยบริษัทรถยนต์รายใหญ่ของโลกอย่าง Honda ได้เตรียมปรับตัวล่วงหน้าเป็นสิบปี นั่นหมายความว่า คนที่อยากเป็นเจ้าของโรงงานรถยนต์ผู้นี้ มีแค่อยาก แต่ยังไม่มีการลงมือขวนขวายหาข้อมูล และไม่มีความรู้ในสิ่งที่ตนเองอยากทำ
4. คุณมีประสบการณ์ทำธุรกิจมาบ้างแล้ว
ก่อนที่คน ๆ จะประสบความสำเร็จในธุรกิจล้วนต้องผ่านการล้มและลุกนับพัน ๆ ครั้ง และหลายคนอาจล้มหนักถึงขั้นแทบไม่เหลือเงินสดในบัญชี บางคนอาจต้องปิดกิจการไปพร้อมหนี้ก่อนที่จะกลับมาสำเร็จได้อีกครั้ง นี่คือเส้นทางที่ ผู้ประกอบการ ทุกคนต้องเจอ
ดังนั้นการลาออกจากงานประจำมาทุ่มทำธุรกิจแบบสุดตัวจึงไม่ใช่วิถีของ ว่าที่นักธุรกิจที่ชาญฉลาด
ว่าที่นักธุรกิจที่ชาญฉลาดจะศึกษาหาข้อมูล และ เริ่มต้นทดลองทำโครงการเล็ก ๆ เป็น Side Project หรือ ภาษาอังกฤษอาจนิยมเรียกว่า Side Hustle — เป็นการเริ่มทำในบางสิ่งบางอย่างที่เขามี Skill set ที่จะบริหารจัดการได้ด้วยตนเองคู่ไปกับงานประจำ
จนกระทั่งแน่ใจว่าสิ่งที่เขาทำมีโอกาสในตลาดเพียงพอให้เติบโต เมื่อนั้นจึงกำหนดวัน D-Day ออกมาลุยเต็มตัว
5. คุณมีภาระหนี้สินระยะยาวในระดับต่ำ
ปีแรกของการทำธุรกิจส่วนตัวอาจมีรายได้ไม่พอกิน และในเรื่องราวของนักธุรกิจ Startup หลายคนมักมีเรื่องเล่าที่คล้ายกันนั่นคือ แม้ในขณะที่ทำธุรกิจส่วนตัวอยู่นั้น พวกเขาก็ต้องทำ Side hustle งานเสริมเพื่อให้มีรายได้มาหล่อเลี้ยงธุรกิจส่วนตัวจนกว่าจะตั้งไข่!
และด้วยความที่ธุรกิจส่วนตัวอาจยังไม่ทำเงินให้คุณได้เพียงพอในปีแรก ๆ คุณจึงต้องการ สภาพคล่อง ในชีวิตส่วนตัวสูงที่สุดเท่าที่จะทำได้ และนั่นหมายถึงการมีหนี้สินระยะยาวในระดับต่ำ หนี้สินเหล่านั้นหมายถึง หนี้บ้าน และ หนี้รถ
มีคนอยากเป็นนายตัวเองหลายคนบอกกับทีมงาน CEO ว่า พวกเขาอยากลาออกมาลองทำอะไรใหม่ ๆ ของตัวเอง แต่ติดที่มีหนี้บ้านและหนี้รถ ทำให้การเงินค่อนข้างตึงและไม่สามารถเสี่ยงได้
ถ้าคุณมั่นใจว่าเป้าหมายของคุณคือการเป็นผู้ประกอบการ หนี้บ้าน หนี้ลด อาจชะลอไว้ก่อน จนกระทั่งวันที่คุณประสบความสำเร็จค่อยซื้อพวกมันก็ได้