Bill Gates, Warren Buffett และ Richard Branson ตีความหมาย ‘ความสำเร็จ’ คล้ายกันโดยไม่ได้นัดหมาย

Bill Gates, Warren Buffett และ Richard Branson เป็น 3 บุคคลที่มีความมั่งคั่งอันดับต้น ๆ ของโลกในวันนี้ พวกเขาขึ้นชื่อว่าเป็น บุคคลพันล้าน (เหรียญ) หรือ Billionaire ในขณะที่ Bill Gates ผู้นำโด่งด้วยสินทรัพย์สุทธิประมาณ 91,500 ล้านเหรียญ และถูกคาดการว่าเขาอาจจะกลายเป็น Trillionaire หรือ บุคคลล้านล้าน คนแรกของโลกในอีก 25 ปีข้างหน้า แต่ทั้ง 3 กลับมีความเห็นและการตีความเรื่อง ‘ความสำเร็จ’ ที่คล้ายกัน และความหมายของความสำเร็จของทั้ง 3 ‘ไม่ใช่เรื่องปริมาณเงิน

Bill Gates และ Warren Buffett

Bill Gates เคยถูกถามจากแฟนคลับในคอลัมน์ Reddit’s Ask Me Any Thing ในช่วงของ Bill Gates ว่าความหมายของ ความสำเร็จ สำหรับ Bill Gates คืออะไร และเขาได้ตอบโดยหยิบยกแนวคิดของ Warren Buffett ผู้เป็นหนึ่งในเพื่อนสนิทของเขาว่า…

“…Warren Buffett has always said the measure is whether the people close to you are happy and love you…”

แปลว่า “…วอเรน บัฟเฟตต์ มักบอกเสมอว่าตัวชี้วัดความสำเร็จนั้นคือ ความรู้สึกถึงความสุขและความรักที่คนรอบตัวมีต่อคุณ…”

จากนั้น Bill Gates ได้กล่าวเสริมว่า…

“…It is also nice to feel like you made a difference — inventing something or raising kids or helping people in need…”

แปลว่า “…คุณจะรู้สึกมีความสุขที่ได้ทำสิ่งที่แตกต่าง (อย่างมีคุณค่าให้แก่โลกนี้) การได้สร้างบางสิ่งบางอย่างเพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการ การได้เลี้ยงดูเด็ก ๆ ให้เติบโต (เป็นคนดี)…”

หรืออีกนัยหนึ่ง Bill Gates เห็นว่า ความสุขเกิดจากการได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อผู้อื่น หาใช่เพื่อตนเอง และการทำสิ่งที่มีประโยชน์จะทำให้ผู้อื่นมีความสุขและรักใคร่ในตัวคุณ ซึ่งย้อนกลับไปที่ทัศนคติของ Warren Buffett ในตอนแรก

Bill Gates เสริมว่าการเกิดมาและได้สร้าง Microsoft นับเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่เขาได้ทำแล้วในชีวิตนี้ นอกจากนั้นเขายังก่อตั้งมูลนิธิ The Bill and Melinda Gates Foundation, เข้าร่วมเป็นสมาชิกมูลนิธิ Giving Pledge, และยังได้ร่วมกิจการการกุศลมากมายรวมมูลค่าหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ในขณะที่ Warren Buffett เองก็บริจาคเงินเพื่อการกุศลเป็นจำนวนมหาศาลเช่นกัน

Richard Branson

ทางด้าน Richard Branson เคยเขียนบทความชื่อ My Metric for Success? Happiness ผ่านทาง LinkedIn เมื่อ 20 เมษายน 2016 ว่า…

“…Too many people measure how successful they are by how much money they make or the people that they associate with. In my opinion, true success should be measured by how happy you are…”

แปลว่า “…คนจำนวนมากวัดความสำเร็จกันที่จำนวนเงินที่เขามีหรือสามารถจะหามาได้ รวมไปถึงประเภทของคอนเนคชั่นที่พวกเขาเข้าร่วมสมาคมด้วย แต่สำหรับผม ความสำเร็จที่แท้จร้งวัดจากความรู้สึกเป็นสุขใจ …”

นอกจากนั้น Richard Branson ยังเห็นตรงกันเรื่องความสุขเกิดจากการสร้างประโยชน์ไว้ในบทความซึ่งเป็นความเห็นคล้ายกันกับ Bill Gates โดยมิได้นัดหมาย

“…It’s a common misconception that money is every entrepreneur’s metric for success. It’s not, and nor should it be. I’ve never gone into business to make money. Every Virgin product and service has been made into a reality to make a positive difference in people’s lives,

“And by focusing on the happiness of our customers, we have been able to build a successful group of companies. If you do good and have fun, the money will come…”

แปลว่า “…คนทั่วไปที่มองจากข้างนอกมีโอกาสเข้าใจ (ผิด) ว่านักธุรกิจทุกคนมุ่งวัดความสำเร็จจากเม็ดเงิน แต่ไม่เสมอไป และไม่ควรคิดเช่นนั้นก็จะดี เพราะสำหรับฉัน ไม่ได้ก้าวเข้ามาทำธุรกิจด้วยหัวคิดที่จะรวยเท่านั้น ผลิตภัณฑ์ Virgin ถูกสร้างขึ้นมาบนโลกเพื่อประโยชน์แก่ชีวิตของผู้คน

และการโฟกัสที่ความสุขของลูกค้า คุณก็จะประสบความสำเร็จ ถ้าคุณทำงานของคุณได้ดีและสนุกกับมัน เงินจะตามมาเอง….”

สรุป

ณ จุดที่คุณไม่มีเงิน แนวคิดของคนรวยเหล่านี้อาจฟังดูเป็นเรื่องที่จับต้องได้ยาก แต่นักธุรกิจเหล่านี้และอีกจำนวนมากทั่วโลกล้วนเคยผ่านช่วงเวลาที่ยากจนข้นแค้นมาก่อน

และเพราะพวกเขาได้สัมผัสทั้งช่วงเวลาที่ไม่มีเงิน และช่วงเวลาที่มีเงินเหลือล้น เขาจึงสรุปได้ว่า เงินเป็นปัจจัยในการดำรงชีพที่จำเป็น จนกระทั่งถึงจุดหนึ่งคุณมีเงินมากเกินกว่าความจำเป็นในการดำรงชีพพื้นฐาน คุณจะเข้าใจได้เองว่า มันยังมีอีกขั้นของความสุข ที่อยู่เหนือเงินขึ้นไปอีก



Source: