3 กรณีศึกษาสร้างคอร์สออนไลน์ ขายคนเดียวรายได้หลักล้านบาทต่อปี

มีคนจำนวนมากที่ประสบความสำเร็จ และร่ำรวยจากธุรกิจ โรงเรียนออนไลน์ และการ ขายคอร์สออนไลน์ โดยในบทความนี้ CEO Channels จะขอเลือกมาเล่าให้ฟังแบบพอหอมปากหอมคอ จำนวน 3 คน

โดยทั้ง 3 คนนี้ เป็นทั้งแรงบันดาลใจสำคัญ และเปรียบเสมือนครูกลุ่มแรกของทีมงาน CEO Channels กล้าลุกขึ้นมาสร้างหลักสูตรออนไลน์ของตนเอง และที่โดดเด่น คือ พวกเขาเป็น Solo-entreprener หรือ นักธุรกิจตัวคนเดียว รายได้หลักล้านบาทต่อปี ได้แก่ Brendon Burchard สายไลฟ์โค้ช, Pat Flynn สายสถาปนิก, และ Nathan Barry สายโปรแกรมเมอร์ ทั้ง 3 คนมีจุดเริ่มต้น และจุดเปลี่ยนอย่างไร?… ไปอ่านกันเลย

Brendon Burchard จากอุบัติเหตุรถคว่ำ สู่ไลฟ์โค้ชชื่อดัง

Brendon Burchard คือ นักธุรกิจออนไลน์ นักเขียน และนักสอนสายไลฟ์โค้ชและการพัฒนาตัวเอง; เขาเกิดในครอบครัวฐานะค่อนข้างลำบาก พ่อแม่ทำงานหนักและกระเบียดกระเสียนในการใช้จ่าย ลูก ๆ ถูกสอนว่านักธุรกิจ คือ คนโลภ และเงินตราคือสิ่งชั่วร้าย ในขณะที่ตัวเขาก็กลับมีความฝันแบบวัยรุ่นทั่วไป ได้แก่ อยากประสบความสำเร็จ, อยากร่ำรวย, และมีครอบครัวที่สุขสบาย

จุดเริ่มต้น

Brendon Burchard เป็นคนใฝ่เรียนรู้ และมักศึกษาค้นคว้าศาสตร์ต่าง ๆ นอกห้องเรียน เขาอ่านหนังสือ How-to ต่าง ๆ เยอะมาก และเข้าฟังงานสัมมนาเป็นจำนวนมาก กิจกรรมเหล่านี้ทำให้เขากลายเป็นคนมีข้อมูลและความรู้สะสมในหัวจำนวนมหาศาล ข้อมูลเหล่านั้นมากพอที่เขาจะนำมาถ่ายทอดให้คนอื่นต่อได้

Brendon Burchard นำความรู้ที่ได้รับมาถ่ายทอดให้คนใกล้ตัวฟัง เมื่อคนใกล้ตัวฟังแล้วนำไปใช้ได้ผลจึงเกิดการบอกต่อและเขามีคนมาขอปรึกษาและให้เขาช่วย Coaching ด้านการพัฒนาตัวเองให้อยู่เสมอ ๆ อย่างไรก็ดี เขายังไม่มั่นใจพอที่จะเรียกเก็บเงินค่า Coaching จนกระทั่งวันหนึ่งเขาประสบอุบัติเหตุ รถยนต์พลิกคว่ำ และหมดสติคาซากรถยนต์

จุดเปลี่ยน

เมื่อได้สติ และเริ่มรู้สึกตัวว่ายังไม่ตาย เขาคลานออกจากซากรถมายืนมองโลกรอบ ๆ ตัวและเกิดคำถามแล่นเข้ามาในหัวของเขาว่า… Do I live, do I love, do I matter?

และได้กลายเป็นคำถามจุดประกายว่า ในขณะเรายังมีชีวิตอยู่ เราต้องเร่งสร้างคุณค่าบนโลกนี้ให้มาก ๆ และได้ตัดสินใจก้าวสู่อาชีพ Coach, Speaker, Trainer หลังจากนั้น

Brendon Burchard เริ่มต้นอาชีพไลฟ์โค้ชโดยการ Coaching ออนไลน์ตัวต่อตัวผ่านวีดีโอ Skype โดยอาศัยกลยุทธ์การตลาดที่เรียกว่า Content marketing ได้แก่ การเขียนบทความและทำวีดีโอเนื้อหาดี ๆ เผยแพร่ผ่าน Blog และ Youtube เพื่อให้คนได้เสพของฟรีก่อน เมื่อคนเริ่มสัมผัสว่าของฟรีนั้นดีมาก จึงเริ่มสนใจและกล้าที่จะซื้อบริการ โคชชิ่ง กับ Brendon ตามลำดับ

Content marketing ยังช่วยให้ Brendon Burchard เป็นที่รู้จักในวงการไลฟ์โค้ชด้วยกัน และช่วยให้ง่ายต่อการขอร่วมสอน หรือ Collaborate หรือบ้านเราเรียกสั้น ๆ ว่า ‘การคอลแลบฯ’ กับ โค้ชที่มีชื่อเสียงมากกว่า ทำให้ได้ฐานผู้ติดตามจำนวนมากจากเครือข่ายของโค้ชรุ่นพี่เหล่านั้นตามมา

วันนี้

ปัจจุบัน Brendon Burchard มีผู้ติดตามบน Facebook มากกว่า 5 ล้าน Followers บน YouTube มากกว่า 8.9 แสน Subscribers และเป็นหนึ่งในตัวอย่างของไลฟ์โค้ชที่มีการทำ Content marketing สม่ำเสมอ และมีผลิตภัณฑ์ด้านการสอนครบวงจรอันดับต้น ๆ ของโลก มีหนังสือ 6 ปก พร้อมออดิโอบุ๊คสำหรับหนังสือแต่ละปก

เล่มที่สร้างชื่อเสียงที่สุดชื่อ The Millionaire Messenger ซึ่งเคยแปลเป็นภาษาไทย, สัมมนาสด, ที่ปรึกษา, โค้ชชิ่ง และ โรงเรียนออนไลน์ HPX Course ที่มีเนื้อหาอัพเดทสม่ำเสมอ ราคาเริ่มต้น 59.99 ดอลล่าร์ ต่อเดือน และแบบ 349 ดอลล่าร์ ต่อปี

Pat Flynn จากสถาปนิกตกงาน สู่นักสอนออนไลน์ผู้มั่งคั่ง

Pat Flynn คือ หนึ่งในนักธุรกิจออนไลน์ที่มีความครบเครื่องที่สุดในเรื่องความสามารถในการทำเงินที่หลากหลายที่สุดเท่าที่จะหาได้จากอินเตอร์เน็ต

จุดเริ่มต้น

อดีตเขาเคยเป็นสถาปนิกประจำบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในสหรัฐฯ ต่อมาเขาได้ยื่นสมัครสอบโครงการ Leadership in Energy and Environmental Design Accredited หรือ LEED AP Exam เพื่อนำใบประกาศไปเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้างาน

ด้วยความที่ข้อสอบมันยากมาก เขาจึงใช้วิธีติวตัวเองโดยการเปิดบล็อกที่มีชื่อว่า GreenExamAcademy.com เพื่อบันทึกสรุปการท่องตำราของเขาลงในบล็อก ด้วยความที่เนื้อหามันมีคุณภาพสูงมาก ทำให้บทความของเขาติดหน้าแรก Google หลายบทความในสมัยนั้น และกลายเป็นที่รู้จักโดยผู้คนจำนวนมากที่กำลังแสวงหาแหล่งติวข้อสอบ LEED AP

จุดเปลี่ยน

หลังจาก Pat Flynn สอบผ่านและได้เลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าสถาปนิกได้ไม่นาน ก็เกิดวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐฯ และตัวเขาถูกให้ออกจากงาน เขาก็เลยเกิดไอเดียที่จะรวบรวมเนื้อหาบนบล็อก GreenExamAcademy.com มาขัดเกลาและแพ็กเกจเป็น อีบุ๊ค

โดยปกติ, เว็บไซต์ในต่างประเทศนั้นมักมีกล่องให้สมัครรับข่าวสารอยู่แล้ว อุปมาอุมันกับบ้านเราอาจมีปุ่ม Add Line ในเว็บไซต์และแฟนเพจต่าง ๆ กรณีของ GreenExamAcademy.com ก็เช่นกัน ทำให้ Pat Flynn พอจะมีฐานรายชืออีเมล์ลิสต์ของผู้เยี่ยมชมบล็อกอยู่ในมือ

เขาใช้อีเมล์ลิสต์เหล่านั้นในการ บรอดคาสต์ ข้อความเสนอขาย อีบุ๊ค ติวข้อสอบ LEED AP เมื่อเดือน ตุลาคม ปี ค.ศ. 2008 และเดือนนั้นเขาสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 7,906.55 ดอลลาร์ หรือประมาณ 230,000 บาทเศษ มากกว่าเงินเดือนในตำแหน่งหัวหน้างานสถาปนิกที่เขาเคยได้รับเสียอีก

หลังจากนั้นเขาก็พัฒนา อีบุ๊ค และ ออดิโอบุ๊ค ติวข้อสอบสถาปนิกต่าง ๆ ออกมาส่งผลให้ในปีถัดมา คือปี 2009 Pat Flynn มีรายได้จำนวน 203,000 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 6 ล้านบาทเศษ

วันนี้

จากปี 2008 มาถึงปัจจุบัน Pat Flynn เป็นเจ้าของ SmartPassiveIncome.com บล็อกสอนทำเงินออนไลน์ชื่อดังในสหรัฐฯ โดยเขามีแนวทางการทำเงิน ได้แก่:

  • ติดป้ายโฆษณา Google AdSense ลงในเว็บไซต์
  • Sponsored content ผ่าน เว็บไซต์ และ พ็อดคาสต์
  • Affiliate marketing หรือนายหน้าโปรโมทสินค้าให้ผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ
  • ขาย Software และ Application เครื่องมือออนไลน์ของตนเอง
  • ขาย Website template ของตัวเอง
  • ขายหนังสือเล่ม และอีบุ๊คผ่าน Amazon.com
  • สร้างโรงเรียนออนไลน์ และขายคอร์สออนไลน์ ผ่านแพลทฟอร์ม Teachable

โดยในปี 2020; หนังสือเล่ม และ อีบุ๊ค ของเขามีจำนวน 4 ปก วางจำหน่ายบนเว็บไซต์ Amazon.com และ คอร์สออนไลน์ จำนวน 17 คอร์ส เน้นหลักสูตรด้านธุรกิจและการตลาดออนไลน์ โดยโรงเรียนออนไลน์ของ Pat Flynn ใช้โปรแกรมสำเร็จรูปของ Teachable

Nathan Barry จากโปรแกรมเมอร์ผู้วิ่งเต้นหารายได้เสริม สู่นักสอนออนไลน์ผู้มั่งคั่ง

Nathan Barry คือ โปรแกรมเมอร์ นักสอนออนไลน์ และเจ้าของ SaaS หรือ ซอฟต์แวร์บริการอีเมล์มาร์เก็ตติ้งยี่ห้อ ConvertKit

จุดเริ่มต้น

Nathan Barry เป็นโปรแกรมเมอร์ประจำบริษัทแห่งหนึ่งแต่เงินเดือนไม่พอใช้ จึงลองรับจ้างเขียนโปรแกรมหารายได้เสริม เแต่เขาต้องประสบปัญหาใหญ่ในช่วงเริ่มต้น คือ หาลูกค้ายากมาก เขาจึงไปศึกษาจากเพื่อนที่มีลูกค้าล้นมือว่าทำอย่างไร และพบว่าเพื่อนคนดังกล่าวเขียน Blog ให้ความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรม และคนที่จ้างก็คือแฟนคลับที่วนเวียนมาอ่าน Blog ของเขาทุกวันนั่นเอง

Nathan Barry จึงเปิด เว็บล็อก (บล็อก/Blog) ชื่อ nathanbarry.com ให้ความรู้เรื่องการเขียนโปรแกรม เพื่อหวังจะดึงดูดลูกค้าใหม่ ๆ เข้ามาหาเขา แต่ปัญหาใหม่ก็ตามมา นั่นคือ ไม่มีลูกค้าใหม่ มีแต่คนส่งข้อความมาขอปรึกษาปัญหาในการเขียนโปรแกรมกับเขาฟรี ๆ และยังส่งผลให้เจ้าตัวนั้นต้องเสียเวลาเป็นอันมากับการตอบคำถามเดิม ๆ ทุกวัน

จุดเปลี่ยน

Nathan Barry จึงเกิดไอเดียนำคำถามมารวบรวมเป็น อีบุ๊ค เพื่อขายเสียเลย และปรากฏว่าขายดีมากจนสามารถลาออกมาทำอาชีพขายความรู้อย่างจริงจังตั้งแต่ปี 2012 เป็นต้นมา

และเช่นเดียวกับ Pat Flynn เมื่อมีเวลาทำเต็มตัว ก็เริ่มพัฒนาผลิตภัณฑ์อันหลากหลาย ได้แก่ อีบุ๊ค, คอร์สออนไลน์, และ เมมเบอร์ชิปเว็บไซต์ โดยผลิตภัณฑ์ความรู้ของเขาจะอยู่ในหมวดสอนเขียนแอปฯ สอนสร้างเว็บไซต์ และสอนใช้โปรแกรมโฟโตช็อป เป็นต้น

โดยปีแรกที่ทำอาชีพสอนเต็มตัว สามารถสร้างรายได้จาก อีบุ๊ค สูงถึง 85,639 ดอลลาร์ หรือประมาณ 2.5 ล้านบาทเศษ และหลังจากมีผลิตภัณฑ์หลากหลายดังที่กล่าวไป ยอดขายก็ทะยานไปแตะจุดสูงสุดในปี 2014 จำนวน 299,088 ดอลลาร์ หรือ ประมาณ 9 ล้านบาทเศษ

โดยยอดขายทั้งหมดที่เกิดขึ้นนั้น ไม่เคยซื้อโฆษณาออนไลน์ใด ๆ เลย ยอดขายทั้งหมดมาจากฐานอีเมล์ลิสต์ของคนที่เข้ามาอ่านบล็อก nathanbarry.com

วันนี้

หลังจากปี 2014 เป็นต้นมา Nathan Barry ก็ผันตัวไปเป็นนักพัฒนาแอปฯ โดยสร้าง Email marketing app ของตนเองในนาม ConvertKit ซึ่งทำเงินให้เขาอย่างมหาศาล โดย Nathan Barry เผยรายได้ปี 2019 จำนวน 15 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 480 ล้านบาท ในขณะที่เว็บไซต์ Latka.com รายงานรายได้ปี 2020 จำนวน 25 ล้านดอลล่าร์ หรือประมาณ 800 ล้านบาท

สรุป

ลำดับความสำเร็จที่คล้ายกันของ 3 กรณีศึกษานี้ ได้แก่…

  • Brendon Burchard เป็น Research expert มีข้อมูลในหัวมาก และลำดับการถ่ายทอดให้เข้าใจง่าย
  • Pat Flynn และ Nathan Barry เป็น Result expert มีความรู้และประสบการณ์ในสายงานที่ตนเองนำมาสอน
    มีผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย ได้แก่ คอร์สออนไลน์, หนังสือ, อีบุ๊ค, และออดิโอบุ๊ค เป็นต้น
  • ทุกคนมีการทำการตลาดประเภท Content marketing เพื่อเกณฑ์ฐานแฟนคลับก่อนขายของ โดย Content marketing ด้วยวิธีให้ความรู้ดี ๆ และฟรี ๆ ผ่านสื่อออนไลน์ของตนเอง ได้แก่ เว็บไซต์, ยูทูป, และเฟซบุ๊ค เป็นต้น
  • ทุกคนมีการทำ List building คือ การสะสมรายชื่อ และอีเมล์ของผู้มุ่งหวัง และบรอดคาสต์ข้อความไปขายสินค้าแก่พวกเขาโดยตรงหลังจากกลายมาเป็นแฟนคลับดีแล้ว

รูปแบบและเส้นทางของคนสอนออนไลน์ที่ประสบความสำเร็จอีกหลายคนก็คล้ายกัน อาจแตกต่างกันในเรื่องของ เครื่องมือ และ แพลทฟอร์มสื่อ อาทิ ในไทยอาจใช้ Line ในการเก็บลูกค้า และใช้เฟซบุ๊คในการเป็นสื่อ

คุณอาจสนใจ