Morgan Freeman เผยเคล็ดลับ ที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนานตั้งแต่ 9 ขวบจนถึงวัย 80 ปี
Morgan Freeman ยังคงทำงานอย่างกระฉับกระเฉงและมีผลงานที่ดีทั้งในภาพยนตร์และซีรี่ส์ทางโทรทัศน์
จากผลงานการแสดงมากมาย สู่การขึ้นเป็นผู้อำนวยการสร้างและและรับบทผู้ดำเนินรายการในซีรี่ส “The Story of Us with Morgan Freeman “โดย National Geographic ที่จะเปิดเผยอีกด้านของสงคราม, สันติภาพ, ความรักและอิสรภาพ ซึ่งทำให้เขาต้องเดินทางไปเกือบทั่วโลก ตารางงานที่แน่นขนัด และเป็นงานที่หนักที่สุดเท่าที่คนอายุเกิน 80 ปีจะได้ทำ – ถ้าเป็นคนอื่นอาจจะนอนอยู่บ้านไปแล้ว
Morgan Freeman ให้สัมภาษณ์กับ Business Insider เกี่ยวกับวิธีการที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จในอาชีพอย่างยาวนานมาจนถึงทุกวันนี้
ในตอนหนึ่งของ “The Story of Us,” Morgan Freeman ได้เล่าว่า เขามีความใฝ่ฝันอยากเข้าร่วมกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงเป็นวัยรุ่น ซึ่งนั่นกลายเป็นต้นแบบในเรื่องของความมีระเบียบวินัย หากถามว่าอะไรเป็นเคล็ดลับที่นำไปสู่ความสำเร็จอย่างต่อเนื่องยาวนาน มอร์แกนตอบว่า “วินัย” โดยมอร์แกน อธิบายว่า
ในซีรี่ส์ “The Story of Us,” นี้จะมีทั้งหมด 6 ตอน Morgan ต้องเดินทางไปทั่วโลกเพื่อสัมภาษณ์คนหลากหลายกลุ่มรวมถึงคนที่มีชื่อเสียงอย่าง อดีตประธานาธิบดี บิล คลินตัน, Nadya Tolokno จาก Pussy Riot (วงพังก์จากรัสเซียที่ชอบแสดงดนตรีเพื่อแสดงทัศนะทางการเมือง) ซึ่ง Morgan จะพยายามลดความตึงเครียดของคู่ตรงข้ามที่ถูกสัมภาษณ์ในเรื่องที่เป็นประเด็นขัดแย้งกันเพื่อให้เกิดความเข้าใจกันมากขึ้น
Morgan Freeman มีผลงานภาพยนตร์ทั้งหมด 112 เรื่อง เคยเข้าชิงรางวัลจากภาพยนตร์หลายเรื่อง และได้รับรางวัลออสการ์สาขานักแสดงสบทบยอดเยี่ยมจากเรื่อง Million Dollar Baby (ปี 2004) และรางวัลลูกโลกทองคำสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยม จากเรื่อง Driving Miss Daisy (ปี 1989) ผลงานที่โดดเด่นเช่น The Shawshank Redemption (ปี 1994), Seven (ปี 1995), The Dark Knight (ปี2008), Invictus (ปี 2009), The Dark Knight Rises (ปี 2012), Now You See Me (ปี 2013) ฯลฯ
Morgan Freeman มีใบอนุญาตขับเครื่องบินส่วนตัว และเขาซื้อเครื่องบินเจ็ทมูลค่า 7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2009 ต่อมาในปี 2012 เขามีรายได้ 12 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และในปี 2013 มีรายได้รวม 30 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากภาพยนตร์ที่เขาร่วมแสดง “The Magic of Belle Isle”, “The Dark Knight Rises”, “Now Yo See Me”, “Olympus Has Fallen” และ “Oblivion” และภาพยนตร์ที่เขาร่วมแสดงทั้งหมดในปี 2013 ทุกเรื่องทำรายได้รวมกันมากถึง 2,750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เลยทีเดียว
และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้