หนังสือ The Lean Startup โดย Eric Ries คือหนึ่งในงานเขียนพลิกวิธีคิดผู้ประกอบการยุคดิจิทัล ด้วยแนวคิดที่เน้นการลงตลาดและเรียนรู้จากลูกค้าจริงให้เร็วขึ้น แทนการวางแผนในกระดาษให้เพอร์เฟค
Eric Ries เป็นผู้ประกอบการ และที่ปรึกษาสตาร์ทอัพที่มีประสบการณ์ตรงจากซิลิคอนวัลเลย์ เขานำเสนอโมเดล “Build-Measure-Learn” และแนวทางอย่าง “Minimum Viable Product” ที่ช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาสินค้า หนังสือเล่มนี้จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการเริ่มต้นธุรกิจอย่างฉลาด และเติบโตอย่างยั่งยืนจากข้อมูล ไม่ใช่จากการคาดเดา
1. Build-Measure-Learn
Build-Measure-Learn เป็นหนึ่งในแก่นคำสอนหลักจากหนังสือ The Lean Startup ที่เปลี่ยนวิธีคิดการสร้างธุรกิจใหม่จาก “คาดเดาความต้องการ” ไปเป็น “ลองให้รู้กันไปเลย” วงจรนี้คือเครื่องมือที่พาคุณเข้าใกล้ความต้องการของตลาดอย่างแท้จริง อันประกอบด้วย :
Build – สร้าง MVP ให้เร็วที่สุด
พัฒนา “Minimum Viable Product” หรือ ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นทดลองตลาด ให้เร็วที่สุด มุ่งเน้นความเรียบง่าย มีคุณสมบัติหลักเท่าที่จำเป็น แต่ใช้งานได้จริง เพื่อทดสอบไอเดียสินค้าและบริการของคุณ และจะยังไม่เสียเวลาไปกับสิ่งที่อาจยังไม่จำเป็นในช่วงแรก อาทิ การออกแบบที่สวยงาม หรือการอัดฟังชั่นและฟีเจอร์ให้ดูเยอะ ๆ เป็นต้น
Measure – วัดผลจากข้อมูลจริง ไม่ใช่ความรู้สึก
เก็บข้อมูลพฤติกรรมจากผู้ใช้งานจริง ผ่านแบบสอบถาม การทดสอบ และการติดตามการใช้งาน เพื่อดูว่าคนสนใจแค่ไหน และเขาต้องการอะไรจริง ๆ
Learn – เรียนรู้และปรับปรุง
วิเคราะห์ข้อมูลจริงจากลูกค้า และรีบนำไปปรับปรุง MVP อย่างมีทิศทาง พัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์มากขึ้นตามเสียงสะท้อนจากผู้ใช้งานจริง ไม่ใช่จากการนั่งขบคิดโดยทีมงานด้วยกันเอง
2. Minimum Viable Product
Minimum Viable Product (MVP) หรือ ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นทดลองตลาด เป็นหัวใจของกลยุทธ์ The Lean Startup ที่มุ่งลดความเสี่ยงในการเสียเวลาพัฒนาสินค้าหรือบริการมากเกินไป
MVP จะมุ่งเน้นการสร้างผลิตภัณฑ์ในระดับพื้นฐานที่สุดที่สามารถใช้งานได้จริง เพื่อทดสอบตลาด และดูผลตอบรับจากผู้บริโภค/ผู้ใช้งานว่าใช้งานได้จริงหรือไม่ มีความต้องการใช้จริงหรือไม่ ฯลฯ
MVP อาจไม่ใช่สินค้าที่สมบูรณ์ที่สุด แต่ก็เพียงพอที่จะนำเสนอคุณค่าหลักให้กับตลาด การนำเสนอ MVP เร็วขึ้น หมายถึงการสามารถเรียนรู้ได้เร็วขึ้น ลดการใช้ทรัพยากรโดยไม่จำเป็น และช่วยให้องค์กรปรับตัวตามผลตอบรับของลูกค้าได้ทันที
การสร้าง MVP อย่างมีประสิทธิภาพ จึงไม่ใช่เพียงการลดต้นทุน แต่เป็นการลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อให้กระบวนการเรียนรู้จากผู้ใช้เกิดขึ้นเร็วที่สุด และนำไปสู่การพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์ตลาดได้จริงในระยะยาว
3. Validated Learning
Validated Learning เป็นอีกองค์ประกอบสำคัญของ The Lean Startup ที่เน้นการตัดสินใจทางธุรกิจบนพื้นฐานของข้อมูลจริง แทนการคาดการณ์หรือคาดเดาไปตามความเห็น
The Lean Startup เสนอให้ผู้ประกอบการสร้าง ผลิตภัณฑ์เวอร์ชั่นทดลองตลาด (MVP) และรวบรวมข้อมูลจากผู้ใช้จริงผ่านการสำรวจ การทดลอง และการวิเคราะห์พฤติกรรมการใช้งาน เพื่อประเมินความเป็นไปได้ของแนวคิดทางธุรกิจ
Validated Learning ช่วยให้เข้าใจสาเหตุเบื้องหลังผลลัพธ์ทางการตลาดได้ชัดเจนขึ้น ทั้งยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์หรือบริการให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ การเรียนรู้จากข้อมูลจริงจึงเป็นกระบวนการสำคัญในการลดความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการเติบโตของธุรกิจอย่างยั่งยืน
4. Pivot
Pivot ใน The Lean Startup หมายถึงการเปลี่ยนทิศทางของธุรกิจอย่างมีหลักการ โดยอิงจากข้อมูลจริงที่ได้จากผู้ใช้งาน หากผลลัพธ์จากการทดสอบ MVP ชี้ว่าแนวคิดเดิมไม่ตอบโจทย์ตลาด การ Pivot จึงไม่ใช่ความล้มเหลว แต่คือกระบวนการเรียนรู้และปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
การ Pivot อาจหมายถึงการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมาย ปรับคุณลักษณะผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่เปลี่ยนโมเดลธุรกิจทั้งหมด จุดสำคัญคือ การตัดสินใจต้องอิงจากข้อมูลจริง ไม่ใช่ความรู้สึกหรือสมมติฐานส่วนตัว
การยึดติดกับไอเดียเดิมโดยไม่ฟังเสียงตลาด อาจนำไปสู่การสูญเสียทั้งเวลาและทรัพยากร ในทางตรงข้าม การ Pivot อย่างชาญฉลาดคือการรักษาเป้าหมายเดิมไว้ แต่เปลี่ยนวิธีเดินทางให้ตอบโจทย์ความจริงของลูกค้ามากที่สุด
5. Continuous Deployment
Continuous Deployment ใน The Lean Startup เน้นการปล่อยอัปเดตบ่อยครั้ง และรวดเร็ว แทนการรอให้รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์สมบูรณ์แบบก่อนเปิดตัว
การปล่อยฟีเจอร์ใหม่หรือแก้ไขข้อบกพร่องแบบต่อเนื่อง ทำให้สามารถตอบสนองต่อความต้องการของผู้ใช้ได้อย่างทันท่วงที ลดโอกาสในการสะสมปัญหาขนาดใหญ่ที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
แนวทางนี้ยังช่วยให้ทีมสามารถทดสอบไอเดียใหม่ ๆ อย่างรวดเร็ว สังเกตพฤติกรรมผู้ใช้ และเก็บข้อมูลจริงเพื่อนำมาปรับปรุงต่อยอดได้ทันที ไม่ต้องเสียเวลาไปกับการพัฒนาโดยไม่รู้ว่าตลาดต้องการจริงหรือไม่
Continuous Deployment นับว่าเป็นเครื่องมือบริหารความเสี่ยง และบริหารเวลาในสภาพแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงเร็ว ในแนวคิดแบบ The Lean Startup
6. Innovation Accounting
ผู้ประกอบการยุคดิจิทัลอาจให้ความสนใจกับตัวเลขผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ ยอดวิว ยอดไลค์ ยอดคอเมนต์ และยอดแชร์เป็นต้น ส่วน Innovation Accounting จะสนใจตัวเลขที่ชี้ไปที่ผลประกอบการจริง ๆ อาทิ :
Customer Acquisition Cost – ต้นทุนในการได้มาซึ่งลูกค้า
Customer Lifetime Value – มูลค่าตลอดชีพของลูกค้า
Retention Rate – อัตราการรักษาฐานลูกค้า
เหล่านี้ สะท้อนคุณค่าจริงของสินค้าและบริการในสายตาผู้บริโภค การวิเคราะห์ด้วยตัวเลขเหล่านี้ช่วยให้ผู้ประกอบการมองเห็นว่าอะไรควรปรับ อะไรควรหยุด และอะไรควรเร่งพัฒนาต่อยอด เป็นต้น ฯลฯ การใช้ Innovation Accounting อย่างเป็นระบบจึงเป็นเหมือนเข็มทิศ ที่นำพาให้ธุรกิจเคลื่อนตัวบนพื้นฐานของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับเงิน ๆ ทอง ๆ
และทั้งหมดนี้ นี่คือ 6 กลยุทธ์ เริ่มต้นธุรกิจใหม่แบบ The Lean Startup จากหนังสือ The Lean Startup เขียนโดย Eric Ries ที่ CEO Channels นำมาสรุปให้ฟัง #ceochannels