หนังสือพ่อไม่รวยก็รวยได้

CEO Book : รีวิวหนังสือ พ่อไม่รวยก็รวยได้ The 21 Success Secrets of Self-Made Millionaires by Brian Tracy

หนังสือ พ่อไม่รวยก็รวยได้ The 21 Success Secrets of Self-Made Millionaires เขียนโดย Brian Tracy แปลและเรียบเรียงโดยสำนักพิมพ์วีเลิร์น เป็น 1 ใน 100 สุดยอดหนังสือธุรกิจเปลี่ยนชีวิต ที่ CEO ทั่วโลกแนะนำ ต้องอ่านสักครั้งในชีวิต ซึ่งจะช่วยเปลี่ยนชีวิตให้กับใครหลาย ๆ คน ที่แม้ว่าเกิดมาอาภัพ บ้านไม่รวย ฐานะไม่ดี พอมีพอกิน ได้ก้าวขึ้นสู่การเป็นมหาเศรษฐี จากบทเรียนทั้ง 21 ข้อ ที่ Brian Tracy ได้รวบรวมมาให้เราเรียบร้อยแล้ว เพราะคนที่สร้างเนื้อสร้างตัวขึ้นมาด้วยตนเอง โดยที่ไม่ได้พึ่งพามรดกตกทอดจากครอบครัว พวกเขามักจะมีแนวคิดและอุปนิสัยที่คล้าย ๆ กัน

และข่าวดีก็คือ เศรษฐีบนโลกใบนี้กว่าร้อยละ 90 เป็นเศรษฐีที่สร้างฐานะขึ้นมาด้วยตนเอง นั่นแสดงว่า หากใครสามารถที่จะเลียนแบบวิธีคิด เลียนแบบอุปนิสัย ของคนรวยเหล่านี้ ไม่ว่าใครก็มีโอกาสสร้างฐานะขึ้นมาได้ด้วยตนเองอย่างแน่นอน

หมายเหตุ: จากบทความรีวิวหนังสือต่อไปนี้ เป็นการเขียนผสมกันระหว่างเนื้อหาจากหนังสือและเนื้อหาที่ผู้เขียนได้เรียนรู้จากหนังสือ เพื่อให้งานเขียนได้อรรถรสในสไตล์ ของ CEO Blog

เคล็ดลับข้อที่ 1 ฝันให้ใหญ่

หากตัดคำว่าเป็นไปไม่ได้ออกไป ความฝันที่ยิ่งใหญ่สำหรับคุณคืออะไร ไหน ๆ ก็เกิดมาทั้งทีแล้ว เวลาชีวิตมีเท่าเดิม จะฝันเล็กหรือฝันใหญ่ก็ใช้เวลาพอ ๆ กัน เหนื่อยพอ ๆ กัน ให้คุณลองเขียนสิ่งที่อยากได้ อยากมี อยากทำ หากถามตัวเองตอนอายุ 80 ปีว่า ก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ มีอะไรบ้างที่คุณอยากทำแต่ไม่ได้ทำ อยากมีแต่ยังไม่มี อยากเป็นแต่ยังไม่ได้เป็น แล้วจากนั้นให้จดทุกสิ่งทุกอย่างลงในกระดาษ อย่าพึ่งคิดว่ามันเป็นไปไม่ได้ มันไม่มีอะไรเสียหายเลยสักนิด แต่มันจะเสียหายทันทีหากคุณไม่แม้แต่จะกล้าคิดกล้าเขียนมันลงไป

เคล็ดลับข้อที่ 2 กำหนดจุดมุ่งหมายให้ชัดเจน

“You Are What You Think” คุณจะเป็นในสิ่งที่คุณคิดอยู่เสมอ ครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา คนที่ประสบความสำเร็จพวกเขาจะคิดถึงเป้าหมายเกือบตลอดเวลา จงเขียนเป้าหมายในทุก ๆ ด้านของชีวิตลงบนกระดาษ

  • ด้านการเงิน
  • ด้านสุขภาพ
  • ด้านความคิด
  • ด้านความรัก
  • ด้านอารมณ์
  • ด้านอาชีพการงาน
  • ด้านครอบครัว
  • ด้านเพื่อนฝูง

จากนั้นจะต้องระบุเอาไว้ด้วยว่า Dead Line ที่เป้าหมายจะเป็นจริงคือวันและเวลาเท่าไหร่ ระบุลงไปให้ชัดเจน อย่าสั้นจนเกินไปและอย่านานจนเกินไป ลองคิดว่าถ้าเป้าหมายของคุณคือ การวิ่งเข้าเส้นชัย 100 เมตร ตอนนี้คุณวิ่งได้เร็วเท่าไหร่ถึงจะเข้าเส้นชัย คุณสามารถวิ่งได้เร็วขึ้นมากกว่านี้หรือไม่ และเพราะอะไรทำให้คุณถึงไม่สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยได้ แล้วมีวิธีแก้ไขปัญหาเหล่านั้นอย่างไรเพื่อให้คุณเข้าเส้นชัย ลองตั้วเป้าหมายอย่าง่ายหรือยากจนเกินไป ให้ตั้งสูงกว่ามีตัวคุณคาดหวังเอาไว้สักเล็กน้อย จากนั้นให้เขียนลงไปว่า ในแต่ละวันจะลงมือทำอะไรบ้างเพื่อให้เข้าใกล้เส้นชัยในทุก ๆ วัน

เคล็ดลับข้อที่ 3 มองตัวเองว่าไม่ได้เป็นลูกจ้าง

คุณย่อมเป็นนายตัวคุณเองเสมอ ไม่ว่าคุณจะทำงานแบบใดหรือทำงานที่ใดก็ตาม จงรับผิดชอบในตัวคุณ รับผิดชอบในความคิดของคุณ รับผิดชอบในการกระทำของตัวคุณเอง เลิกโทษ เลิกบ่น เลิกแก้ตัวให้กับตนเอง ลองเริ่มจากการถามคำถามกับตัวเองว่า “หากในวันนี้คุณได้เป็นประธานของบริษัทที่คุณทำอยู่ สิ่งแรกที่คุณจะเปลี่ยนแปลงทันทีคืออะไร?”

เคล็ดลับข้อที่ 4 ทำในสิ่งที่คุณรัก

“If you do what you love, you’ll never work a day in your life.” หากคุณได้ทำในสิ่งที่คุณรัก เมื่อนั้นคุณก็จะไม่ต้องทำงานอีกเลยไปตลอดชีวิตนี้

คำถามที่น่าสนใจก็คือ “หากพรุ่งนี้ตื่นขึ้นมาแล้วพบว่ามีเงินแบบถูกต้องตามกฎหมายอยู่ในบัญชีของคุณ 100 ล้านบาท คุณจะยังทำในสิ่งที่คุณทำอยู่ต่อไปอีกหรือไม่?”

เพราะหากเหล่าบรรดาเศรษฐีที่สร้างฐานะขึ้นมาด้วยตนเอง เป็นเช่นนั้น พวกเขาก็ยังคงทำงานและทำในสิ่งที่พวกเขารักอยู่ และอาจจะทำได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย

หรืออีกวิธีหนึ่งก็คือ ลองนึกถึงงานที่สิ่งที่คุณได้ทำมาตลอดทั้งชีวิตที่ผ่านมาว่า อะไรที่คุณทำแล้วมีความสุข ต่อให้ไม่ได้เงินเป็นค่าตอบแทนคุณก็ยังคงทำมันอยู่ดี และยิ่งถ้าหากมันสามารถสร้างรายได้ให้กับคุณได้แล้วด้วย ยิ่งดีเข้าไปใหญ่ เพราะนั่นมันคือสิ่งที่คุณหลงรักมันจริง ๆ และมักจะทำมันได้ดีกว่าใคร ๆ

เคล็ดลับข้อที่ 5 มุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศ

จากคำกล่าวที่ว่า “คุณจะร่ำรวยได้เท่ากับที่คุณได้เติบโต” ลองถามคำถามกับตัวคุณเองว่า มีทักษะใดบ้างที่หากตัวเราฝึกฝนและพัฒนามันจนถึงขีดสุด มันจะส่งกระทบในด้านบวกแก่ชีวิตมากที่สุด หากคุณใช้กฎ 10,000 ชั่วโมงคุณจะพบว่า ไม่ว่าใครที่ตั้งใจพยายามทำอะไรสักอย่างได้ดีแล้วฝึกฝนมันจนครบ 10,000 ชั่วโมง เมื่อนั้นคุณจะกลายเป็นตัวท็อป ๆ ในวงการนั้นได้ ไม่ว่าใครก็ตาม

เคล็ดลับข้อที่ 6 ทำงานให้นานขึ้นและหนักขึ้น

เวลาของแต่ละคนใน 1 วันมีเท่ากันคือ 24 ชั่วโมง ใช้ในการนอนไปแล้ว 8 ชั่วโมง ทำงานประจำอีก 8 ชั่วโมง ยังเหลืออีก 8 ชั่วโมง ซึ่งเศรษฐีที่สร้างตัวขึ้นมาด้วยตนเองใช้เวลา 8 ชั่วโมงนี้ในแต่ละวันอย่างคุ้มค่า โดยไม่ปล่อยให้เวลาสูญเปล่าในแต่ละวัน พวกเขาจะใช้ 8 ชั่วโมงในแต่ละวันเหล่านี้ หมดไปกับการพัฒนาตนเอง เรียนรู้งานอื่น ๆ ที่จะทำให้ตัวเองก้าวหน้าขึ้น เก่งขึ้น

เพราะในขณะที่คนทั่ว ๆ ไป ใช้เวลา 8 ชั่วโมงที่ว่านี้ ไปกับการพักผ่อนหย่อนใจ ทำกิจกรรมบันเทิงต่าง ๆ เที่ยวเตรดเตร่ไปวัน ๆ เมื่อเวลาผ่านพ้นไป 1 ปี ก็จะพบว่า พวกเขาได้ตามหลังคุณที่ทุ่มเทและซุ่มพัฒนาตนเองไปแล้วกว่า 2,920 ชั่วโมง หรือ 121 วัน หรือ 4 เดือน เลยทีเดียว

เคล็ดลับข้อที่ 7 อุทิศตนให้กับการเรียนรู้ตลอดชีวิต

ร่างกายจะแข็งแรงได้นั้นจำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายอยู่เสมอ และเฉกเช่นเดียวกัน หากต้องการให้สมองแข็งแรงและพัฒนา เราก็จำเป็นที่จะต้องออกกำลังกายให้สมองเช่นกัน โดยการอ่านถือได้ว่าเป็นการฝึกสมองได้เป็นอย่างดี เพราะยิ่งคุณเรียนรู้มากเท่าไหร่ คุณจะยิ่งเรียนรู้ได้มากขึ้นเท่านั้น เพราะในวันที่คุณยังมีความรู้น้อย คุณอ่านหนังสือแล้วอาจคิดตาม คิดต่อยอดได้ไม่มากนัก แต่เมื่อคุณมีความรู้มากยิ่งขึ้น แล้วกลับมาอ่านหนังสือเล่มเดิม คุณจะพบว่าคุณได้ข้อคิดอะไรจากหนังสือเยอะมากขึ้นกว่าตอนสมัยแรก ๆ ที่คุณได้อ่านมัน เพราะหากคุณเพียงเริ่มต้นอ่านหนังสือวันละ 1 ชั่วโมง มันจะเทียบเท่ากับการอ่านหนังสือสัปดาห์ละ 1 เล่ม หรือเทียบเท่ากับการอ่านหนังสือปีละ 50 เล่ม ดังนั้นเพียงระยะเวลาแค่ 10 ปี ก็เปรียบเสมือนคุณอ่านหนังสือไปแล้วมากกว่า 500 เล่ม และแน่นอนว่า คุณจะกลายเป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดคนหนึ่งในสายอาชีพของคุณอย่างแน่นอน แต่ในขณะเดียวกันกับคุณที่ไม่ยอมอ่านและไม่ยอมเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ สักเท่าไหร่นัก หรือคิดว่าตัวเองรู้มากพอแล้ว เพียงแค่หยุดการเรียนรู้เอาไว้เท่านั้น ก็เท่ากับว่าคน ๆ นั้นกำลังล้าหลังคนก่อนหน้านี้ไปแล้วเรียบร้อย

เคล็ดลับข้อที่ 8 จ่ายเงินให้ตัวเองก่อน

จากกฎของพาร์คินสัน กล่าวเอาไว้ว่า “รายจ่ายจะโตขึ้นตามรายได้อยู่เสมอ” หมายถึงว่า ไม่ว่าคุณจะมีรายได้เท่าไหร่ก็ตาม มันก็จะหมดไม่เหลือหลออะไร ซ้ำร้ายมันมักจะติดลบด้วยซ้ำไป ดังนั้นเศรษฐีส่วนใหญ่จะเก็บออมเงินเข้ากระเป๋าเพื่อตัวเองทันที 10 เปอร์เซ็นต์ ไม่ว่าจะนำไปออมหรือลงทุนก็ตามแล้วอย่าไปแตะเงินก้อนนั้น จงใช้จ่ายในส่วนที่เหลืออีก 90 เปอร์เซ็นต์

หลายคนอาจบ่นว่า ทุกวันนี้ก็ไม่พอใช้อยู่แล้ว จะเอาที่ไหนไปเก็บออม ดังนั้นให้คุณเก็บออมทันทีที่มีรายรับเข้ามา หักเอาไว้ก่อนเลย เพราะด้วยกฎของพาร์คินสันแล้ว จะทำให้คุณอยู่รอดได้ด้วยเงิน 90 เปอร์เซ็นต์ที่เหลือเองโดยธรรมชาติ

เคล็ดลับข้อที่ 9 เรียนรู้ทุกแง่มุมในธุรกิจของคุณ

ผู้ที่เก่งที่สุดในสายอาชีพคือคุณที่ทำผิดพลาดมากกว่าใคร ๆ มาแล้วทั้งสิ้น ความผิดพลาดไม่ได้หมายถึงคุณเป็นคนโง่หรือคนไม่เก่ง แต่คุณยินดีที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ที่คุณอาจไม่คุ้นชิน จนกระทั่งคุณสามารถทำมันได้ดีกว่าใคร ๆ จากคำพูดของโทมัส เอดิสัน ที่ว่า “ผมไม่ได้ล้มเหลว 10,000 ครั้ง แต่ผมค้นพบวิธีที่ใช้ผลิตหลอดไฟไม่ได้ 10,000 วิธีต่างหาก” และนั่นก็ทำให้ โทมัส เอดิสัน กลายเป็นเจ้าของสิทธิบัตรการผลิตหลอดไฟฟ้าทั่วโลก และส่งผลให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีในเวลาต่อมา

เคล็ดลับข้อที่ 10 อุทิศตนให้กับการช่วยเหลือผู้อื่น

จะว่าไปแล้วมหาเศรษฐีส่วนใหญ่ล้วนแล้วแต่เป็นผู้ที่ช่วยเหลือผู้อื่นอยู่เสมอ เพราะพวกเขามักจะโฟกัสที่การช่วยลูกค้าในการแก้ไขปัญหาให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเมื่อวันเวลาผ่านไป พวกเขาก็ยิ่งช่วยเหลือลูกค้าได้ดีขึ้น ด้วยวิธีการที่ดีขึ้น

Jack Ma มหาเศรษฐีชาวจีนผู้ก่อตั้ง Alibaba.com กล่าวว่า คนคือองค์ประกอบที่สำคัญในการนำพาองค์กรไปสู่ความสำเร็จ โดยบุคคลที่มีความสำคัญต่อธุรกิจคือ ลูกค้า, พนักงานและนายทุน ซึ่งเรียงลำดับจากความสำคัญมากที่สุดไปน้อยที่สุดตามลำดับ

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณสามารถทำได้มากกว่าที่ลูกค้าคาดหวังเอาไว้อยู่สม่ำเสมอ ลูกค้าก็จะจงรักภักดีต่อแบรนด์ของคุณอย่างยาวนาน

เคล็ดลับข้อที่ 11 จงซื่อสัตย์ต่อตนเองและผู้อื่นอย่างเต็มที่

คำถามที่น่าสนใจก็คือ “หากคนทั้งโลกนี้เป็นคนเช่นเดียวกับคุณ โลกจะเป็นอย่างไร” ความซื่อสัตย์ต่อตนเองหมายถึงการให้เกียรติตัวเองในวันที่ลั่นวาจาเอาไว้ว่าจะต้องทำให้ได้ จะมุ่งมั่น จะเอาจริงเอาจัง และในขณะที่การซื่อสัตย์ต่อคนอื่นแปลความหมายอีกนัยนึงก็คือ การได้รับเครดิตและความเชื่อมั่นจากผู้อื่น ซึ่งก่อให้เกิดความไว้เนื้อเชื่อใจ อยากลงทุนด้วย อยากทำธุรกิจด้วย ให้เครดิตทางการค้า ถ้าเป็นลูกค้าก็ยินดีทำงานด้วยความเต็มใจ ลูกค้าช่วยอุดหนุนสินค้า และจะมีแต่คนเข้ามาช่วยเหลือในยามที่คุณลำบาก

เคล็ดลับข้อที่ 12 ค้นหาว่าสิ่งใดมีความสำคัญสูงสุดสำหรับคุณและจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นอย่างแน่วแน่

การจัดลำดับความสำคัญของงานเป็นสิ่งที่ทำได้ค่อนข้างยาก แต่หากสามารถทำได้ ก็จะส่งผลกระทบต่อชีวิตได้เป็นอย่างมากเช่นกัน ให้คุณลองเขียนและเรียงลำดับความสำคัญของงาน ว่าสิ่งใดที่ทำให้สำเร็จก่อนจะส่งผลกระทบต่อชีวิตในด้านบวกมากที่สุด เพราะเมื่อสามารถทำงานที่สำคัญที่สุดได้สำเร็จ งานที่เหลือก็ไม่เหลือบ่ากว่าแรงของคุณแล้ว จงโฟกัสงานที่คุณสามารถทำได้ดีที่สุดและไม่มีใครสามารถทำแทนคุณได้

เคล็ดลับข้อที่ 13 สร้างชื่อเสียงขึ้นมาในฐานะคนที่มีความฉับไวและพึ่งพาได้

“ทำทันที” คือคาถาที่คนประสบความสำเร็จมักท่องติดตัวเอาไว้เสมอ พวกเขาจะไม่ผัดวันประกันพรุ่ง และหากลูกค้าร้องขอ ก็จะรีบเร่งทำให้เร็วที่สุดชนิดที่ว่าเร็วกว่าที่ลูกค้าคาดเอาไว้ซะอีก เพราะในโลกปัจจุบันทันด่วน ผู้คนมักมีความอดกลั้นอดทนในการรอคอยน้อยลง หากคุณตอบสนองลูกค้าช้าไปเพียงแม้ไม่กี่วินาที ลูกค้าก็อาจเปลี่ยนใจไปอุดนหนุนสินค้าของคู่แข่งแทน

เคล็ดลับข้อที่ 14 เตรียมพร้อมที่จะปีนจากยอดเขาลูกหนึ่งไปยังยอดเขาอีกลูกหนึ่ง

จงวางแผนทั้งระยะสั้นและระยะยาว อย่าชะล่าใจในความสำเร็จในวันนี้ เพราะธุรกิจมีทั้งขาขึ้นและขาลง จงเตรียมพร้อมรับมือกับทุก ๆ สถานการณ์ แม้ในตอนที่เกิดวิกฤตที่ร้ายแรงที่สุดก็จะช่วยให้ผ่อนหนักกลายเป็นเบาได้

เคล็ดลับข้อที่ 15 ฝึกฝนการมีวินัยในตนเองในทุกด้าน

การมีวินัยเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อการประสบความสำเร็จ คุณควรฝึกวินัยตนเองในทุก ๆ ด้าน สิ่งที่คนประสบความสำเร็จสนใจก็คือ ผลลัพธ์ ไม่ใช่วิธีการ แม้ว่าจะเจองานยาก งานที่ไม่ค่อยอยากทำ แต่รู้อยู่แก่ใจว่า หากลงมือทำสิ่งนั้นแล้ว จะได้ผลลัพธ์ออกมาอย่างที่ต้องการ การเปลี่ยนนิสัยด้วยการมีวินัยในเรื่องใดสักเรื่องหนึ่ง จะเปลี่ยนด้านอื่น ๆ ของคุณไปตลอดกาลอีกด้วย เช่น หากคุณมีวินัยในการออกกำลังกายทุก ๆ วัน สิ่งที่คุณจะได้โดยอัตโนมัติก็คือ ร่างกายที่แข็งแรง ที่พร้อมจะลุยงานทุกรูปแบบ แค่เพียงคุณมีวินัยการออกกำลังกายทุกวัน จะทำให้นิสัยการกินคุณเปลี่ยน การดูแลสุขภาพตัวเองเปลี่ยนไป การเลือกอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย การใส่ใจการแต่งกายให้ดูดี การพบปะสมาคมกับนักธุรกิจด้วยกัน

เคล็ดลับข้อที่ 16 ปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ในตัวคุณ

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ เคยกล่าวเอาไว้ว่า “จินตนาการ สำคัญกว่าความรู้” เนื่องจากความรู้ของมนุษย์เรานั้น ยังมีขอบเขตในการเรียนรู้ และมนุษย์ยังไม่รู้อะไรอีกเยอะแยะมากมายในจักรวาลแห่งนี้ แต่จินตนาการ จะเป็นตัวที่ทำลายกรอบกำแพงความคิด สามารถคิดในสิ่งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ให้เป็นไปได้ เพราะหากมีความคิดแล้ว วิธีการจะตามมาเอง ยกตัวอย่างเช่น คุณทำงานหรือทำธุรกิจมาตลอด 10 ปี แต่รายได้ก็ยังไม่ขยับไปไหน เพราะคุณคิดว่ามันไม่น่ามีทางเป็นไปได้ที่จะเพิ่มรายได้ให้เป็น 2 เท่า ภายใน 1 ปี แต่หากคุณลองคิดนอกกรอบ สมมติว่ามันเป็นไปได้เอาไว้ก่อนว่า “ทำอย่างไรรายได้ของคุณจะเพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า ภายใน 1 ปี นับจากนี้” จากนั้นสมองจะพยายามประมวลผลเพื่อหาวิธีการต่าง ๆ ที่จะทำให้คุณบรรลุได้ในที่สุด

เคล็ดลับข้อที่ 17 คลุกคลีกับคนที่เหมาะสม

มีคำกล่าวว่า “คุณคือค่าเฉลี่ยของคนอีก 5 คนที่คุณคบค้าสมาคมด้วยบ่อยที่สุด” หมายถึงว่า คนที่คุณมักจะคลุกคลี พูดุย หรือมีกิจกรรมอยู่ด้วยเป็นประจำมากที่สุดอันดับแรกจำนวน 5 คน คุณจะมีค่าเฉลี่ยพอ ๆ กับอีก 5 คนเหล่านั้นโดยอัตโนมัติ ไม่ว่าจะเป็น ไลฟ์สไตล์ รายได้ สุขภาพ ความคิดความอ่าน ฐานะ ซึ่งหมายถึงว่า หากคุณคลุกคลีกับคนที่ร่ำรวย มีความคิดความอ่านที่ดี มีสุขภาพดี ในไม่ช้าคุณจะกลายเป็นค่าเฉลี่ยของพวกเขา

เคล็ดลับข้อที่ 18 ดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้ดี

คุณคงเคยได้ยินว่า ต่อให้มีเงินทองมากมายก่ายกองสักแค่ไหนก็ตาม คุณก็ไม่สามารถซื้อสุขภาพที่แข็งแรงของตัวคุณได้ หากคุณเจ็บป่วยขั้นรุนแรง ลองถามคำถามกับตัวคุณเองว่า “ถ้าหากคุณต้องการมีชีวิตที่แข็งแรงจวบจนอายุ 80 ปี รูปแบบการใช้ชีวิตในปัจจุบันของคุณนั้นจะทำให้คุณแข็งแรงจนถึงอายุ 80 ปี หรือไม่?”

หลักการดูแลสุขภาพอย่างง่าย ๆ มีเพียง 2 สิ่งก็คือ “การกินและการออกกำลังกาย” โดยการกินมีผลต่อร่างกายร้อยละ 80 และการออกกำลังกายมีผลต่อร่างกายอีกร้อยละ 20

เคล็ดลับข้อที่ 19 ตัดสินใจให้เด็ดขาดและเน้นที่การลงมือทำ

การลงมือทำ คือหัวใจของการไปสู่การประสบความสำเร็จ ลองถามคำถามกับตัวคุณดูว่า “อะไรคือสิ่งที่ถ้าลงมือทำทันทีในวันนี้ จะส่งผลกระทบอย่างมหาศาลต่อตัวคุณเอง” อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาด อย่ากลัวที่จะทำแล้วล้มเหลว เพราะคนล้มเหลวไม่กล้าแม้แต่จะทำอะไรเลย

เคล็ดลับข้อที่ 20 อย่าปล่อยให้ความล้มเหลวกลายเป็นทางเลือก

คุณคงเคยได้ยินประโยคที่ว่า “คุณแพ้ได้ แต่คุณยอมแพ้ไม่ได้” ระหว่างคำว่าคุณแพ้ กับคุณยอมแพ้ แม้เขียนคล้ายกัน แต่ความหมายนั้นแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณลงแข่งขันกีฬาวิ่ง 10 กิโลเมตร ในช่วงแรก ๆ คุณอาจจะไม่ได้รับเหรียญรางวัลใด ๆ เลย เนื่องจากไม่เคยฝึกซ้อมมาก่อน แต่ท้ายที่สุดคุณก็ยังวิ่งเข้าเส้นชัยอยู่ดีแม้ว่าจะได้อันดับท้าย ๆ ก็ตาม แต่หากคุณยอมแพ้การแข่งขันเมื่อไหร่ แม้แต่การวิ่งเข้าเส้นชัยคุณก็ไปไม่ถึง คุณถอดใจ คุณล้มเลิก อย่าว่าแต่เหรียญรางวัลเลย แค่เข้าเส้นชัยอันดับสุดท้ายคุณก็ยังไม่มีโอกาสที่จะได้ ถ้าคุณยังไม่ยอมแพ้ คุณย่อมมีโอกาสที่จะชนะอยู่เสมอ แต่หากคุณยอมแพ้ไปแล้ว ก็เท่ากับว่าโอกาสชนะของคุณจะกลายเป็นศูนย์ในทันที

เคล็ดลับข้อที่ 21 ผ่าน “บททดสอบความเพียรพยายาม”

คนที่ร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีล้วนแล้วแต่ผ่านอุปสรรคและขวากหนามมาแล้วนับไม่ถ้วน คนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง คือคนที่ผ่านการล้มเหลวมามากกว่าใคร ๆ เขารู้ว่าอะไรที่ทำแล้วล้มเหลว อะไรที่ทำแล้วนำทางไปสู่ความสำเร็จ

การทำธุรกิจ ไม่ได้โรยทางด้วยกลีบกุหลาบ มันจะมีปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ เข้ามาท้าทายคุณอยู่เสมอ และคุณก็ต้องผ่านมันไปให้ได้ เพราะยิ่งคุณเจอปัญหาที่หนักหน่วงมากเท่าไหร่ ครั้งต่อไป คุณจะแข็งแกร่งขึ้น แก้ไขปัญหาได้รวดเร็วขึ้น ปัญหาที่ดูใหญ่โตในวันนี้ จะกลายเป็นเพียงปัญหาเล็ก ๆ ในวันข้างหน้า เพราะความสำเร็จมักรอคอยคุณอยู่ที่ปลายทางของอุปสรรคอยู่เสมอ

สำหรับแอดมินแล้ว หนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสืออีกเล่มหนึ่งที่ทุกบ้านควรมี สามารถอ่านได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอดชีวิต อ่านจนซึมซับจนเป็นนิสัยที่ติดตัว แล้วในที่สุดอย่างน้อยคุณก็จะมีฐานะความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว จากประโยคที่ว่า “Fake It Till You Make It” แกล้งเป็นจนกว่ามันจะเป็นจริงขึ้นมา ในความหมายก็คือ อย่าเลียนแบบอย่างผิวเผิน แต่ให้เลียนแบบให้ถึงระดับแก่นของรากความคิดของคนที่ประสบความสำเร็จ