วันที่ 13 กันยายน 2562 นาย นริศ สถาผลเดชา ผู้บริหาร TMB Analytics เผยเงินบาทแข็งค่าแตะ 30.39 บาทต่อดอลล่าสหรัฐฯ คาดมาจากการลดดอกเบี้ยธนาคารกลางยุโรป หรือ ECB ทำให้นักลงทุนมองหาตลาดเกิดใหม่ที่มีดอกเบี้ยถูกกว่า โดยไทยก็เป็นหนึ่งในนั้น ทำให้มีเม็ดเงินไหลเข้ามาและยังส่งผลให้ไทยเป็นประเทศที่มีค่าเงินแข็งสุดในภูมิภาค
นาย นริศ สถาผลเดชา สัมภาษณ์กับสื่อ The Standard ว่า :
“ที่ผ่านมายังไม่ได้ฝุ่นตลบขนาดนี้ หากตั้งแต่เมื่อคืนที่เริ่มไหลเข้ามา วันเดียวเกือบ 8,600 ล้านบาท ไหลเข้าสู่ตลาดพันธบัตร แบ่งเป็นเงินระยะสั้น 4,600 ล้านบาท และเงินระยะยาวอีก 4,000 ล้านบาท โดยเงินจำนวนนี้มากกว่าเงินที่ไหลออกทั้งเดือน 6,600 ล้านบาทเสียอีก”
การที่เงินบาทแข็งค่าอย่างมากและรวดเร็วแบบนี้จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ประกอบการที่มุ่งเน้นการส่งออกมากที่สุด อาทิ ผู้ประกอบการอาหารและเครื่องดื่ม โดยเฉพาะอาหารทะเล ยางพารา และเครื่องประดับ
ส่วนในระยะยาวทิศทางดอกเบี้ยอยู่ในขาลง และหากไม่มีมาตราการควบคุมจากภาครัฐ ค่าเงินก็อาจทะลุไปแตะที่ 30 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
อย่างไรก็ดี นาย อุตตม สาวนายน ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการติดตามสถานการณ์เงินบาทแข็งค่าอย่างใกล้ชิด และบริหารจัดการตามข้อเท็จจริง ส่วนผลกระทบต่อการส่งออกมองว่าไทยยังอยู่ในภาวะที่แข่งขันได้ และทุกประเทศก็ได้รับผลกระทบเช่นเดียวกันหมด
ภาพรวมเงินบาท
เงินบาทแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมารวม 7.3% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สิงคโปร์, 7.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ไต้หวัน, 12.5% เมื่อเทียบกับเงินวอน และ 9% เมื่อเทียบกับเงินหยวน
และเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของโลก ซึ่งเป็นคู่ค้าหลัก แข็งค่าขึ้น 6.6% เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ, 9.7% เทียบกับสกุลยูโร, 9.2% เมื่อเทียบกับสกุลปอนด์ และ 5.2% เมื่อเทียบกับสกุลเยน