ในขณะที่ผู้ประกอบการในประเทศจีนแข่งขันกันพัฒนา Cashless society หรือ สังคมไร้เงิน และ การชำระเงินผ่านอุปกรณ์มือถือ อย่างเข้มข้น นำโดยยักษ์ใหญ่สองค่าย ได้แก่ Alibaba ผู้เป็นเจ้าของ Ant financial กับแอปพลิเคชั่น Alipay และ Tencent กับแอปพลิเคชั่น Wechat Pay
ทั้งสองค่ายร่วมกันผลักดันจนวันนี้ประเทศจีนมีพัฒนาการในความเป็น Cashless society หรือ สังคมไร้เงินสด แต่เมื่อตรวจสอบกลับพบว่ามีประชากรเพียง 1 ใน 3 ของประเทศเท่านั้นที่มีประวัติเครดิตในระบบธนาคาร และที่เหลือไม่มีข้อมูลเครดิตอยู่เลย ทำให้ไม่สามารถขอสินเชื่อหรือบัตรเครดิตได้
สถานการณ์นี้ทำให้ร้านค้าและเว็บไซต์ค้าปลีกออนไลน์อย่าง Alibaba ไม่สามารถกระตุ้นยอดขายได้เท่าที่ควรเนื่องจากประชากรอีกจำนวนมากไม่มีบัตรเครดิต (ไม่สามารถนำเงินอนาคตมาจับจ่ายได้) วิธีการที่จะกระตุ้นการใช้จ่ายของ Alibaba และ Tencent ก็คือ สร้างระบบเครดิตส่วนบุคคลจากข้อมูลในโซเชียลนั่นเอง
โดย Alibaba นั้นมีระบบที่ชื่อว่า Sesame Credit ที่จะรวบรวมข้อมูลการใช้จ่ายผ่าน Alipay ทั้งหมดของคน ๆ นั้น หรือเงินคงเหลือในบัญชี, ปริมาณการซื้อสินค้าในแต่ละเดือน, การชำระเงินกู้ และเพียงข้อมูลจากเว็บไซต์ Alibaba ก็เป็น Big Data ที่มีข้อมูลมหาศาลแล้ว ยังไม่รวมข้อมูลจากร้านค้า หรือห้างสรรพสินค้า ในเครือ Alibaba อีกทั้งการแสกนใบหน้าเพื่อจ่ายเงิน ข้อมูลต่าง ๆ เหล่านี้จะถูกนำมาประมวลผลเพื่อให้คะแนน และกำหนดวงเงินสินเชื่อส่วนบุคคลได้
แต่ Tecent มีวิธีการวิเคราะห์ที่แตกต่างออกไป
Tencent ได้เปิดตัว Tencent Credit ให้แก่ชาวจีนทุกคนที่ใช้ Wechat หรือ QQ ที่มีผู้ใช้รวม 800 ล้านรายต่อเดือน โดยหลักการคิดค่าคะแนนของ Tencent Credit นั้น นอกจากจะดูจากข้อมูลการใช้จ่ายผ่าน Wechat Pay หรือ QQ Wallet แล้ว ยังติดตามข้อมูลต่าง ๆ จาก Wechat อีกด้วย
เนื่องจาก Tencent ไม่มีแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเป็นของตัวเอง (ที่ใหญ่พอจะเทียบเท่า Alibaba ได้) แต่ Alibaba ก็ไม่มี แอปพลิเคชั่นแชท ที่ใหญ่เท่า Wechat เช่นกัน ด้วยเหตุนี้ Tencent จึงใช้ข้อมูลทางสังคมโซเชียลในการชี้วัดเครดิตของบุคคล ออกมาเป็นค่าคะแนน
โดย Tencent ใช้หลัก 5 ข้อ ได้แก่
- การให้เกียรติ
- การรักษาความปลอดภัย
- ความมั่งคั่ง
- การบริโภค
- สังคม
ซึ่ง Tencent มีหลักเกณฑ์ในเรื่องของสังคมว่า ‘หากเพื่อของคุณมีคุณธรรมสูงเครดิตของคุณก็จะดีเช่นกัน’ หมายความว่า Tencent เชื่อว่า คนดีย่อมดึงดูดคนดี และ Tencent สามารถตรวจสอบเพื่อนทุกคนบน Wechat ของคุณได้ ทั้งยังรู้อีกว่า คุณสนิทกับใครมากที่สุด (ดูจากพฤติกรรมทางโซเชียล เช่น การพูดคุย, การแท็ก, การคอมเม้นท์ เป็นต้น) ซึ่งหากเพื่อของคุณมีเครดิตที่ดี คุณก็จะได้รับเครดิตที่ดีไปด้วยเช่นกัน
ซึ่งกล่าวให้เห็นภาพง่ายขึ้นก็คือ ระบบนี้คล้ายกับอัลกอริทึ่มของ Google ที่ใช้ในการจัดอันดับหน้าผลการค้นหา หรือ SEO ที่ว่า หากเว็บไซต์ใดมีการอ้างอิงจากเว็บที่มีคุณภาพจำนวนมาก หน้าเว็บนั้นก็ถือได้ว่าเป็นเว็บที่มีคุณภาพเช่นกัน
โดย Tencent นั้นมีธนาคารของตนเอง ที่เป็น Internet Banking ชื่อว่า WeBank และหากใครมีค่าคะแนน Tencent Credit ตั้งแต่ 300-850 คะแนนขึ้นไป ก็จะได้รับสิทธิพิเศษมากมาย ตั้งแต่ การยกเว้นค่ามัดจำในการเช่าที่อยู่อาศัยเมื่อจ่ายผ่าน Wechat หรือ นั่งรถไฟใต้ดินและเช่าจักรยาน Mobike ฟรีเป็นเวลา 1 เดือน โดยไม่ต้องวางมัดจำ และ Weilidai บริษัท microloan ภายใต้การสนับสนุนของ WeBank จะยังให้วงเงินเครดิตสูงถึง 47,600 เหรียญสหรัฐฯ
แม้ว่า Sesame Credit ของ Alibaba จะมีผู้ใช้ 520 ล้านคนแล้วก็ตาม แต่การเปิดตัวระบบ Tencent Credit นี้จะช่วยให้ผู้คนอีกประมาณกว่า 60% ที่เหลือของประชากรจีนทั้งหมดได้มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบได้ และความเร็วในการพัฒนาระบบเครดิตนี้ของ Tencent ก็ถือได้ว่าเร็วมาก และในที่สุดอาจวิ่งไล่ทัน หรือวิ่งแซง Sesame Credit จริง ๆ ก็เป็นได้
*หมายเหตุ
ในประเทศไทยเองก็กำลังจะมีระบบเช่นเดียวกับ Alibaba และ Tencent ได้แก่ Creden.co สตาร์ทอัพที่ก่อตั้งโดย ภาวุธ พงษ์วิทยภานุ จาก Tarad.com ซึ่ง Creden.co จะเป็นระบบยืนยันตัวตนอิเล็กทรอนิกส์ (eKYC) และการประเมินลูกค้าออนไลน์ (Online Credit Scoring) โดยจะเปิดให้บริการเร็ว ๆ นี้
Source: