เถ้าแก่ใหม่ ทำการตลาดออนไลน์อย่างไรให้เติบโตอย่างมีกำไร สัมภาษณ์เอสเอ็มอี ผู้ประยุกต์ใช้การตลาดออนไลน์แบบเจาะลึก

วันนี้ใครไม่เอาธุรกิจตัวเองเข้าโลกออนไลน์จะอยู่ยาก! ร้านค้าปลีกในอเมริกาปิดสาขามากมาย ร้านหนังสือยักษ์ใหญ่และเก่งแก่อย่าง Barnes and Noble ต้องหันมาสร้างร้านอีบุ๊คออนไลน์ ในขณะที่ The Borders Group ร้านหนังสืออายุครึ่งศตวรรษปิดกิจการทั่วโลกเพราะปรับตัวขึ้นออนไลน์ไม่ทัน

แต่น่าตกใจที่วันนี้ เอสเอ็มอี จำนวนไม่น้อยยังไม่เข้าใจการตลาดออนไลน์อย่างเต็มที่ เจ้าของธุรกิจเอสเอ็มอี หลายรายยังเข้าใจว่าโพสต์ Facebook คือการตลาดออนไลน์แล้ว — โพสต์ Facebook เป็นเพียงกิจกรรมเล็ก ๆ ในจักรวาลการตลาดออนไลน์ทั้งหมด

วันนี้ CEOblog จะพาคุณไปเรียนรู้ แนวคิด และ วิธี ทำการตลาดออนไลน์ จากหนึ่งในเจ้าของเอสเอ็มอีที่ใช้การตลาดออนไลน์แบบจัดเต็มเป็นกลุ่มแรก ๆ และหลังจากธุรกิจอยู่ตัวแล้ว ปัจจุบันเขาหันมาโฟกัสที่การเป็นเจ้าของชุมชนที่ให้ความรู้ด้าน การตลาดออนไลน์ แก่ เอสเอ็มอี

เขาคือ คุณเกียรติรัตน์ จินดามณี ผู้ร่วมก่อตั้ง เครื่องสำอางแบรนด์ ปันสวย และผู้ก่อตั้ง ชุมชนความรู้สำหรับเอสเอ็มอี แบรนด์ เถ้าแก่ใหม่  เราไปเริ่มกันเลยครับ!

เว็บไซต์ ปันสวย
เว็บไซต์ เถ้าแก่ใหม่

บทความสัมภาษณ์

CEOblog: 2 ปีที่ผ่านมา Startup และ Ecommerce มาแรง…

คนรุ่นใหม่กลายเป็นนักธุรกิจเงินล้านกัน ในขณะที่ SMEs บางรายมีมาก่อนหลายปีแต่การเติบโตยังไม่เร็วเท่าทันคลื่นลูกใหม่ จากที่คุณเกียรติมีกรณีศึกษา SME เยอะมาก คิดว่าปัญหาหรืออุปสรรคเกิดจากอะไรครับ?

Taokaemai:

ต้องบอกว่าหลากหลายครับ เอาเป็นว่าผมแบบเป็น 3 ช่วงใหญ่ ๆ สำหรับคนคิดจะเริ่มทำธุรกิจไปจนถึงทำธุรกิจได้ 3-5 ปีนะครับ

คนที่คิดจะเริ่มทำ ปัญหาหลักคือเรื่องของวิธีคิดหรือ Mind Set เสียเป็นส่วนใหญ่ กล้า ๆ กลัว ๆ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไรมากมายครับ ที่แต่ละคนก็เป็นแบบนี้ แต่พอเริ่มแล้วเราจะมาใช้วิธีการแบบกล้า ๆ กลัว ๆ ในการทำธุรกิจไม่ได้ เพราะมันจะทำให้ธุรกิจมันล้มลงไปได้ง่าย สำหรับปัญหานี้ผมแนะนำให้หาความรู้ใส่ตัวให้พอสมควรที่จะทำให้เรากล้าตัดสินใจอะไรให้มากขึ้น “ความรู้จะช่วยลดความเสี่ยง” ให้เราได้มากครับ

สำหรับคนที่ทำธุรกิจสัก 1-3 ปีที่ไปแบบร่อแร่…

ปัญหาคือการไม่รู้จักที่ปรับตัวหรือประเภทปรับตัวไม่ทันนี่เรื่องใหญ่เลยครับ เพราะเดี๋ยวนี้เทคโนโลยีมัน Dynamic เป็นพลวัฒน์กันเลยทีเดียวหากเจ้าของกิจการยังทำตัว Static หรือหยุดนิ่งไม่ไหวติง โดยส่วนใหญ่ก็จะโดนพายุเทคโนโลยีลูกแล้วลูกเล่าพัดธุรกิจให้ค่อยๆ ทรุดตัวลงสุดท้ายก็ต้องปิดกิจการลงไปครับ คำแนะนำสำหรับคนกลุ่มนี้คือ ก้าวออกจากความสำเร็จเดิมๆ ครับ ทิ้งเรื่องเก่า ๆ ความสำเร็จแบบเดิมที่ว่าเคยทำได้ไปครับ เอามาประยุกต์ใช้กับอะไรใหม่ที่มีเข้ามา พาตัวเองออกไปแตะขอบฟ้าเทคโนโลยีใหม่ ๆ สังคมใหม่ๆ สม่ำเสมอ ครับ

สำหรับกลุ่มที่ทำธุรกิจ 3-5 ปีที่ผ่านช่วงแรกมาได้แบบร่ำรวยก็มี…

แต่ถ้าเป็นแบบที่สะบักสะบอม ปัญหาหลักก็มักจะอยู่ที่เรื่องของเงินทุนสำรองและเงินทุนเพื่อที่จะขยายธุรกิจให้เติบโตยิ่งขึ้น ถามว่าไม่ขยายได้ไหมคำตอบคือไม่ขยายไม่ได้ครับ เพราะคู่แข่งหน้าใหม่ ๆ เข้ามาตลาด เพราะฉะนั้นทางที่จะรอดก็ต้องขยาย พอถึงขั้นนี้เรื่องทุนและทีมงานเป็นสิ่งจำเป็น ถ้าเป็นธุรกิจแบบครอบครัวก็จะยิ่งมีปัญหาเรื่องทีมงานเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย ซึ่งเรียกว่าพันกันอีรุงตุงนังเลยทีเดียวครับ สำหรับคำแนะนำสำหรับกลุ่มนี้คือ ให้เราทำเรื่องระบบภายในเราให้ดีครับไม่ว่าจะเป็นเรื่องของบัญชี การเงิน ภาษี เพราะหากส่วนนี้วางแผนดีทำดีเราสามารถที่จะหาทุนได้ง่ายขึ้นครับ สำหรับเรื่องของทีมงานในธุรกิจควรเริ่มที่แบ่งงานบริหารมืออาชีพเข้ามาช่วย จัดงานให้เหมาะกับคน เลิกทำแบบเกื้อหนุนแบบญาติพี่น้องใครทำอะไรก็ได้อย่างนี้ไม่เป็นประโยชน์ครับ

สำหรับกลุ่มที่เยอะกว่า 5 ปีไปแล้ว…

ผมคงไม่พูดถึง เพราะโดยส่วนใหญ่ผมคลุกคลีกับกลุ่มเพิ่งเริ่มธุรกิจ – 5 ปี ส่วนคนที่ผ่าน 5 ปีแรกไปได้แล้วเขาค่อนข้างมีภูมิคุ้มกันในหลาย ๆ เรื่องและช่วยเหลือตัวเองได้มาก แถมยังมาช่วยผมและน้อง ๆ เถ้าแก่ใหม่ได้อีกด้วยครับ

CEOblog: คิดว่า SME จะนำแนวคิดและแนวทางการทำงานแบบ Startup มาปรับใช้อย่างไรได้บ้าง?

Taokaemai:

ปัญหาหนึ่งของ SMEs ก็คือการคิดเองทำเองคนเดียวหรือไม่ก็กับคู่สามีภรรยาเสียส่วนใหญ่…

สิ่งที่ถนัดที่สุดคือทำสินค้าอะไรสักอย่างออกมาเพื่อที่จะขาย แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดเพราะขาดปัญจัยอีก 3 ด้านนะครับ มันเหมือนเก้าอีกขาเดียวหละครับ ที่นั่งอย่างไรมันก็ล้ม

ผมชอบ Model การตั้งธุรกิจของกลุ่ม Start up นะครับที่เริ่มต้นธุรกิจโดยส่วนใหญ่จะมี คนที่มีความถนัดทางด้านเทคโนโลยี (Developer) ถ้าเปรียบกับ SMEs ก็เป็นคน ๆ นี้หละครับฝ่ายผลิต คนที่มีความรู้ด้านการตลาด (Marketing) คนที่มีด้านธุรกิจนั้น ๆ เป็นอย่างดี และยังมีอีกขาที่เข้ามาเสริมทัพคือ นักลงทุนที่เห็นโอกาสการเติบโตของ Startup รายนั้น ๆ

สิ่งสำคัญที่ Startup มีตั้งแต่ต้นแต่ SMEs ไม่มีคือความเป็น Team ครับ ซึ่งจุดนี้เองทำให้ SMEs ไม่สามารถที่จะขยายธุรกิจได้อย่างรวดเร็ว ขาดทีมงานที่จะมาคอยช่วยคิด ช่วยทำ ช่วยขยายธุรกิจ พอไม่มี “ทีม” ก็ทำให้ไม่มี “ทุน” สุดท้ายก็ต้องมาหัวหมุนกันอยู่คนเดียวครับ

SMEs ยุคใหม่ตั้งต้นใหม่ต้องพยายามหา เสาด้านการตลาด และด้านการเงิน เข้ามาช่วย support และผลักดันธุรกิจนะครับ ผมเชื่อว่าสินค้าเราหลายๆ ตัวโตได้มากกว่านี้ถ้ามีทีมที่ดีและมีคุณภาพ

CEOblog: การตลาดออนไลน์เป็นสิ่งสำคัญ…

แต่ดูเหมือน SME บางส่วนยังมีปัญหาในการประยุกต์ใช้ร่วมในธุรกิจ อะไรคืออุปสรรคของ SME ที่ทำให้นำเทคโนโลยีและการตลาดออนไลน์มาใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ?

Taokaemai:

ผมว่ามันเป็นช่วงการเปลี่ยนผ่านของธุรกิจนะครับ หลายธุรกิจไม่สามารถเปลี่ยนผ่านก้าวสู่ตลาดออนไลน์ได้เพราะอาจจะเป็นธุรกิจรุ่นพ่อรุ่นแม่ที่ลูกหลานไม่เอาด้วยไม่เล่นด้วยแล้ว ธุรกิจแบบนี้ก็ถือว่าจบไปนะครับ

อีกส่วนก็คือการที่พยายามจะกระโดดเข้ามาในโลกออนไลน์แต่ปัญหาคือความเข้าใจเพียงแค่ว่าตลาดออนไลน์เป็นตลาดนัดที่ใครต่อใครก็สามารถที่จะมาขายได้เปิดเพจ หรือ สร้างแค่เว็บไซต์แล้วสามารถขายสินค้าได้เลย ส่วนนี้ติดที่ความเข้าใจภาพรวม และ การเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะกับตลาดครับ

ข้อฉุกคิดระหว่างการสัมภาษณ์: อย่าเอาแต่ขายอย่างเดียว…

มีไม่น้อยครับที่โฟกัสผิดจุด จากประสบการณ์ผมซึ่งก็เคยผิดพลาดในการทำตลาดออนไลน์คือผมสนใจแค่ “เครื่องมือ” อย่างเช่น การมีเว็บ ,การสร้างแฟนเพจ,การโฆษณา ฯ

สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องมือที่ทำให้เราขายสินค้าได้จริงครับ แต่ใช้ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดไม่ได้ หรือไม่ก็ประยุกต์ใช้อะไรใหม่ ๆ ไม่ได้ โดยส่วนตัวแล้วผมเริ่มจับจุดว่าทำธุรกิจออนไลน์ไม่ใช่แค่ขายอย่างเดียว ก็ตอนช่วงปี 54 เห็นจะได้ครับเพราะที่บ้านโดนน้ำท่วม รวมถึง เว็บไซต์โดนคลื่น google algorithm ซัดจนแทบไม่เหลืออะไรเลยและมาโดน Facebook Algorithm อีกครั้งมันเก็บแฟนเพจผมไปกว่า 50 เพจมูลค่าธุรกิจรวม 7 หลักต่อเดือนเรียกว่าแทบล้มทั้งยืน

Key สำคัญในการทำการตลาดออนไลน์ คือ…

การที่เราต้องมีความรู้ และพัฒนาให้ชำนาญเรื่อง Content Marketing รวมถึงการเลือกใช้เครื่องมือต่าง ๆ ให้เหมาะสมกับกลุ่มลูกค้าครับ ถ้า SMEs เข้าใจตรงจุดนี้ โอกาสที่จะทำธุรกิจออนไลน์ขายได้แบบยั่งยืนมีสูงเลยทีเดียว

CEOblog: คุณเกียรติช่วยเล่า กลยุทธ์ และ ประโยชน์ ที่ SME จะได้รับจาการทำ Content marketing บนโลกออนไลน์ครับ

Taokaemai:

คุณพอลน่าจะเคยนั่งรถไฟฟ้า BTS หรือไฟฟ้าใต้ดิน MRT พอลงจากสถานีแล้วมักจะเห็น คนยืนแจกเอกสารข่าว หรือ ใบรับสมัคงาน โปรโมชั่นสินค้าห้างโน่นนี่นั่น ให้เราบ้างหรือเปล่าครับ?…

ถ้าสังเกตุดีๆผ่านร้อยคน อาจรับเอกสารสักสิบคน ไอ้ที่รับสิบคนก็ทิ้งถังขยะไปแล้ว 8 คน ส่วนที่เหลือ 2 คนก็นำไปทิ้งไว้ในห้องน้ำอีก เหลือ 1 คนก็ไม่แน่ใจว่ามันอ่านหรือสนใจมากน้อยขนาดไหนเพราะ ไม่สามารถวัดผลอะไรได้

สิ่งที่ผมสนใจในเรื่องนี้ถ้าสิ่งที่เขาแจกกันในใบปลิวนั้นมันเป็นสินค้าหรือบริการของเราหละ เราได้ตำน้ำพริกละลายแม่น้ำไปเท่าไหร่ต่อเท่าไหร่แล้ว

ตัว Content หรือ สาระ ข่าวสาร เหล่านั้นมันคือ “ตัวแทน” สินค้าและบริการของเรา ผมถามตัวเองว่าผมปลื้มไหมหากผมเห็นใบปลิวนั้นโดนขยำทิ้งไว้ในถังขยะ คำตอบคือไม่เลย !!! แล้วเพื่อน ๆ SMEs หละครับปลื้มไหม คุณพอลโอเคกับสถานการณ์แบบนี้หรือเปล่า

ข้อฉุกคิดระหว่างการสัมภาษณ์: เอาแต่ขาย ๆ ๆ โดยไม่สร้างคุณค่า
ก็คล้ายการแจกใบปลิวให้คนแปลกหน้า…

จริง ๆ มันก็เป็นเรื่องเดียวกันนะกับเรื่องบนออนไลน์ เพียงแต่เราไม่ได้ยืนไล่แจกใบปลิวตามสถานีรถไฟฟ้า รถเมล์ฯ แต่สิ่งที่เราทำคือการ “ไล่แจกใบปลิว” โดยการจ้าง Facebook บ้างหละ จ้าง Google บ้างหละ โฆษณาขายสินค้ากันแบบให้ตายกันไปข้างหนึ่ง ถามว่าได้ผลไหม ถ้า 100 คนสำเร็จด้วยวิธีนี้ 10 คนผมว่ามันมากแล้วครับ เพราะการทำเช่นนี้มันเป็นการต่อสู้กันที่เรื่องของ “เงินทุน” และความชำนาญ

กลับมาที่ SMEs ที่เริ่มตั้งต้นข้อจำกัดเรื่องเงินทุน…

ผมบอกได้เลยถ้าใช้วิธีเดียวกันกับเจ้าใหญ่ๆ ยังไงก็ไปไม่รอด (เจ้าใหญ่ ๆ หลายคนก็ตายเพราะใช้เงินทุ่มจนหมดตัว) สิ่งที่ SMEs ควรคิดและวางแผนก่อนที่ทำสินค้า ตลอดไปจนการวางแผนขายสินค้า นั่นคือ เราจะใช้ “Content” แบบไหน ส่งไปช่องทางไหน เพื่อให้โดนใจกลุ่มเป้าหมาย หล่อเลี้ยงสาระความบันเทิงกับพวกเขาจนสามารถสร้างความเชื่อให้เขามาเป็นลูกค้าได้

ในกระบวนการทำธุรกิจเรื่องคุณภาพของสินค้าเป็นเรื่องสำคัญ ผมมั่นใจว่า SMEs เข้าใจตรงจุดนี้ดีแน่นอน แต่ในกระบวนการทำการตลาดไม่ว่าจะเป็นออนไลน์หรือออฟไลน์ “คุณภาพของ Content” กลับเป็นเรื่องสำคัญประเด็นแรกในการเข้าตลาด สร้างการรับรู้ สร้างแบรนด์ สร้างความจงรักภักดี ให้กับแบรนด์ให้กับสินค้าและบริการของแต่ละท่านครับ

เพราะฉะนั้นครับ เราต้องมาวางแผนเรื่องการทำ Content Marketing กันมากยิ่งขึ้นครับ ผมแนะนำขั้นตอนเบื้องต้นให้ดังนี้นะครับ

5 Content marketing pre-planning By Taokaemai

1.ถามตัวเองทุกครั้งก่อนสร้าง Content อะไรสักอย่างขึ้นมาว่า “Content” นี่เราส่งให้ใคร

2.เราจะใช้ช่องทางไหนบ้างเพื่อที่จะส่งสาร เนื้อหาสาระบันเทิงนี้ให้ถึงมือกลุ่มเป้าหมาย

3.เมื่อเขาได้รับแล้วเขาจะได้ ประโยชน์ (Benefit) และ คุณค่า (Value) อะไรจาก Content ที่เราสร้างขึ้นมา

4.เมื่อเขารู้ว่าเขาได้ประโยชน์และเห็นคุณค่าแล้วสิ่งที่เขาต้องทำต่อไปคืออะไร (Action) เช่น บอกต่อ (แชร์) หรือหันกลับมาดูแลตัวเองโดยการเริ่มที่จะเลือกสินค้าที่ช่วยเขาแก้ปัญหา (ซึ่งอาจจะยังไม่ใช่สินค้าหรือบริการเราก็ได้)

5.ภาพลักษณ์ของเราในสายตาของผู้ที่ได้รับ Content เหล่านั้นเขาเห็นเป็นอย่างไร หากอยากได้เขาเป็นมิตร เราเองก็ต้องหยิบยื่นความเป็นมิตรให้เขาก่อน หากต้องการให้เขาเป็นลูกค้า เราก็ต้องหยิบยื่นความคุ้มค่าให้กับเขาเป็นตัวเลือก สุดท้ายเขาจะเลือกเราเป็นอันดับแรก

ลองสำรวจตัวเราเองดูนะครับว่าวันนี้เราทำแผ่นพับโปรชัวร์แบบไหน แล้วยังไล่แจกให้คนหยิบไปแล้วทิ้งถังขยะอยู่หรือเปล่า

CEOblog: Taokaemai มีบทบาทในการสนับสนุน SME ให้เติบโตตามทันโลกธุรกิจที่เดินหน้าเร็วขึ้นเรื่อย ๆ ได้อย่างไร?

Taokaemai:

ตลอดที่สร้างเว็บ Taokaemai.com มาร่วม ๆ 3 ปีสิ่งที่ทางผมทำมาตลอดคือการให้ความรู้กับผู้เจ้าของกิจการตั้งแต่ระดับเริ่มต้นจนถึงสัก 5 ปี โดยประมาณ เปรียบ Taokaemai เหมือนโรงเรียนอนุบาล โรงเรียนประถมให้กับคนทำธุรกิจ คนเข้ามาเรียนมาศึกษาหาความรู้ที่นี่นำไปปรับใช้แก้ไขปัญหาได้เยอะเลยครับ

อีกส่วนที่ทำมาแบบเงียบ ๆ และทำต่อเนื่องคือการช่วย PR ธุรกิจให้กับ SMEs ที่พร้อมจะเติบโตหลายท่านมีโอกาสเข้ามาให้ทางผมช่วย PR ปัจจุบันเติบโตไปไปสิบล้านร้อยแล้ว ที่เป็นพันล้านก็เห็นมีอยู่คนหนึ่งด้วยครับ ต้องบอกว่าส่วนนี้เป็นเหมือนสะพานก้าวข้ามโอกาสที่ใหญ่ยิ่งขึ้น เถ้าแก่ใหม่เป็นไฟฉายดวงน้อย ๆ ที่ส่องไปยังเจ้าของกิจการที่มีศักยภาพ เพื่อที่จะให้สปอร์ไลน์ดวงที่ใหญ่กว่าได้มองเห็นและมาช่วยกันผลักดันส่งเสริมให้ SMEs เหล่านี้ได้โดยมากยิ่งขึ้น

และที่ผมให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในตอนนี้คือการเข้าไปช่วยสนับสนุน SMEs ช่วยวางกลยุทธ์ด้าน Content Marketing สร้างความเข้าใจให้กับเจ้าของกิจการ จับมือทำเป็นพี่เลี้ยงบ่มเพาะประมาณ 3-6 เดือนต่อธุรกิจ เป้าหมายคือเข้าไปช่วยเพื่อให้แต่ละธุรกิจสามารถยืนและเดินด้วยขาของตัวเองให้ได้ และมีความเข้าใจทั้งภายใหญ่และภาพเล็กของการทำการตลาดออนไลน์ครับ

ผมเชื่อว่าหากฐานความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องจะส่งผลให้การลงมือทำถูกต้องเช่นกัน การจับมือทำจะช่วยคลายความกังวลให้กับเจ้าของกิจการ เมื่อเขามั่นใจมากขึ้น มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมากขึ้น วันหนึ่งเขาสามารถที่จะทำธุรกิจออนไลน์ของเขาเองได้ โดยมี Taokaemai เป็นคนคอยยืนให้กำลังใจ และภูมิใจที่ได้ส่งให้พวกเขาได้เติบโตไปอีกขั้นครับ

สรุป

มีความจัดเต็มมาก ๆ บทความนี้ทีมงาน CEOblog ไม่ต้องเสริมอะไร เพราะไม่เหลืออะไรให้เสริมแล้ว ใครชอบความรู้ดี ๆ จากชมรมเถ้าแก่ใหม่ สามารถไปติดตามกันยาว ๆ ได้ที่

เว็บไซต์: https://www.taokaemai.com/
เฟสบุ๊คเพจ: https://www.facebook.com/TaoKaeMaiCom/