Sea IPO

การีน่า [Garena] เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก IPO วันแรกระดมทุนได้กว่า 884 ล้านดอลล่าร์ หรือราว ๆ 3 หมื่นล้านบาท

Sea Group หรือชื่อเดิมคือ การีน่า (Garena) Startup ที่เติบโตเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ สัญชาติสิงคโปร์ ได้เข้าระดมทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก หรือ NYSE (The New York Stock Exchange) ในวันที่ 20 ตุลาคม 2017 ที่ผ่านมา สามารถระดมทุนได้สูงถึง 884 ล้านเหรียญ

ในการเปิดให้มีการซื้อขายวันแรกนั้น Sea Plc. (Sea Public Company Limited) ได้ตัวย่อเป็นสัญลักษณ์ในตลาดหุ้นคือ SE ซึ่งเสนอขาย IPO มูลค่า $15 ดอลลาร์ ต่อหุ้น จำนวน 59 ล้านหุ้น (คิดเป็น 25.5% ของหุ้นในบริษัททั้งหมด) รวมมูลค่า 884 ล้านดอลลาร์ โดยทันทีที่เปิดตลาดซื้อขายราคาก็ขยับขึ้นไปที่  $16.25 ดอลลาร์สหรัฐ และทำจุดสูงสุดขึ้นไปเกือบถึง $17 ดอลลาร์อย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะปรับตัวลดลงมาเหลือ $14 ดอลลาร์ ในหนึ่งชั่วโมงถัดมา หลังจากนั้นก็ปรับตัวขึ้นสูงขึ้นที่ $15 ดอลลาร์ และทรงตัวอยู่เกือบตลอดทั้งวัน ก่อนจะกลับมาบวกขึ้นไปปิดตลาดที่ $16.08 ดอลลาร์

sea ipo graph
Image credit: techinasia

แม้ว่า Sea จะเคยตั้งเป้าในการระดมทุนครั้งนี้ไว้ที่ 1,000 ล้านดอลลาร์ ในการยื่นขออนุญาตเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา แต่ในวันเปิดตัววันแรกก็ทำได้เพียง 884 ล้านดอลลาร์เท่านั้น แต่หนทางสู่ 1,000 ล้านเหรียญก็ยังมีอยู่ เนื่องจาก Sea มีแผนที่จะเลือกใช้ IPO หุ้นส่วนเกิน (greenshoe option) เพื่อให้ได้จำนวนหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 7.45 ล้านหุ้น ซึ่งหากรวมเข้าไปก็จะทำให้สามารถระดมทุนได้ 1 พันล้านดอลลาร์ตามที่ตั้งเป้าไว้พอดี โดยสิทธิ์ในการซื้อ IPO หุ้นส่วนเกินนี้จะเป็นของบริษัทผู้จำหน่ายหลักทรัพย์

โดย Tencent Holdings Ltd. บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีน ผู้ที่ลงทุนมากที่สุดใน Garena ซึ่งถือหุ้นเดิมอยู่ที่ประมาณ 40% ต้องการจะซื้อหุ้นเพิ่มอีก 100 ล้านดอลลาร์ เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่เอาไว้ โดยหลังเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์สัดส่วนหุ้นของ Tencent จะลดลงเหลือ 25.5% โดยTencent จะมีหุ้นอยู่ที่ 59 ล้านหุ้นจากเดิมที่มี 49.7 ล้านหุ้น หากคิดมูลค่าหุ้นที่ $16 ดอลลาร์ต่อหุ้น หุ้นที่ Tencent ถือรวมกันทั้งหมดจะมีมูลค่าสูงถึง เกือบ 1 พันล้านดอลลาร์ จากเงินลงทุนเพียง 275 ล้านดอลลาร์ เมื่อครั้งที่ Garena ระดมทุนเข้าสู่ Series E เมื่อเดือน พฤษภาคมที่ผ่านมา ก่อนที่ Garena จะเปลี่ยนชื่อเป็น Sea แม้สัดส่วนการถือหุ้นจะลดลงหลังจากที่บริษัทเข่าสู่ตลาดหลักทรัพย์แต่มูลค่าหลักทรัพย์จากเงินที่ลงทุนไปก็เพิ่มขึ้นสูงมาเกือบ 4 เท่าตัว ในระยะเวลาเพียงแค่ 6 เดือนเท่านั้น

Sea listing
Image credit: techinasia

– จากซ้าย คุณนก มณีรัตน์ อนุโลมสมบัติ CEO ประจำประเทศไทย , Gang Ye COO , Forrest Li ผู้ก่อตั้ง, ประธานบริษัทและ CEO, ส่วนขวาสุดคือ Nick Nash ประธานบริหาร

สู่ฝันใหญ่เป็นบริษัทมูลค่า 1 แสนล้านเหรียญ

ภายใต้ร่มเงาของ Sea มีธุรกิจอยู่ 3 แบรนด์อันได้แก่ Garena (การีน่า) ธุรกิจเกมออนไลน์, Shopee ธุรกิจ อีคอมเมิรซ์, และ AirPay ธุรกิจรับชำระเงินออนไลน์ โดยในเดือน พฤษภาคม 2017 ที่ผ่านมา มีการประเมินมูลค่าของบริษัทไว้ที่ 3.75 พันล้านเหรียญ ซึ่งขณะนี้มูลค่ารวมก็พุ่งไปเกิน 4 พันล้านเหรียญสหรัฐแล้ว

Nick Nash – Group president ของ Sea ได้เคยให้สัมภาษณ์ กับ Tech in Asia ว่า “นี่เป็นแนวคิดอย่างนึงที่จะอธิบายเรื่องนี้ คือ เรามีความคล้ายคลึงกับ Tencent บริษัทในประเทศจีนแผ่นดินใหญ่เป็นอย่างมาก ซึ่ง Tencent มีมูลค่ารวมประมาณ 270 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งทำธุรกิจหลักคือเกมออนไลน์ เราเปรียบเหมือนตัวแทนของ Tencent ในอาเซียน เช่นกัน Alibaba มีมูลค่าประมาณ 270 พันล้านดอลลาร์ ธุรกิจหลักคือ อีคอมเมิร์ซ และ ธุรกิจจ่ายเงินอย่าง Alipay ในนามของบริษัท Ant Financial เราก็มีธุรกิจอีคอมเมิร์ซและธุรกิจจ่ายเงินเช่นเดียวกัน ซึ่งทั้ง 3 ธุรกิจหลักของเราสามารถเติบโตไปได้อีก ซึ่งหากรวมมูลค่าของตลาดอาเซียนในตอนนี้น่าจะอยู่ราว ๆ 75 พันล้านดอลลาร์”

“หากเทียบอัตราส่วนของ GDP ระหว่างประเทศจีน จะมากกว่าทุกประเทศในภูมิภาคอาเซียนรวมกันประมาณ 4:1 ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น มูลค่าของตลาดจะสูงกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ และภายใต้ธุรกิจของเราทั้ง 3 นี้ เป้าหมายนี้ก็มีความเป็นไปได้”

ภารกิจหลักคือเรียกความเชื่อมั่นของนักลงทุน

Sea จะต้องพบกับความท้าทายใหม่หลังจากเสนอขายหุ้นสู่สาธารณะชน ซึ่งผู้ถือหุ้นต้องการเห็นความหลากหลายของธุรกิจที่จะนำไปสู่การเติบโตและความสามารถในการทำกำไรในที่สุด เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทยังไม่มีกำไรตั้งแต่ปี 2014 มีรายได้ $160.8 ล้านดอลลาร์ และขาดทุนอยู่ $90.9 ล้านดอลลาร์ และในปี 2016 ที่ผ่านมา มีรายได้อยู่ที่ $345.7 ล้านดอลลาร์ แต่ขาดทุน  $225 ล้านดอลลาร์ และในปี 2017 นี้เพียงครึ่งปีแรกก็ขาดทุนไปแล้วกว่า $154 ล้านดอลลาร์ คิดเป็น 2 เท่าของช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ในขณะที่รายได้เพิ่มเพียงเล็กน้อยเป็น $200 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 17% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรกของปี 2016  โดยสิ่งที่ทำให้ขาดทุนติดลบมากเกิดจากการลงทุนใน Shopee ที่ต้องทำตลาดอย่างหนักเพื่อต่อสู้กับคู่แข่งอย่าง Lazada ของ Alibaba ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดอีคอมเมิร์ซในอาเซียน ซึ่งตลาดอีคอมเมิร์ซของอาเซียนนี้มีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นจากในปี 2015 มูลค่า $5.5 พันล้านดอลลาร์ เป็น $87.8 พันล้านดอลลาร์ในปี 2025 ตามการคาดการณ์ของ Google 

Sea revenue and losses
Image credit: techinasia

ในตอนนี้รายได้หลักของบริษัทยังคงมาจากธุรกิจเกม ซึ่งแม้ในอนาคตจะคาดการณ์ว่า ตลาดอีคอมเมิร์ซในภูมิภาคอาเซียนจะเติบโตอย่างมาก แต่ในปัจจุบันตลาดเกมกลับมีมูลค่าและเป็นรายได้หลักที่หล่อเลี้ยงบริษัท ซึ่งนักลงทุนต่างกำลังจับตามองกันว่า การที่บริษัททุ่มเทให้กับตลาดอีคอมเมิร์ซที่แข่งขันกันสูงมาก จนทำให้ผลประกอบการติดลบ จะคุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ หรือหากเลือกลงทุนและขยายตลาดเกมออนไลน์ออกไปยังภูมิภาคอื่นจะเป็นทางเลือกที่ดีกว่า สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องรอให้ Sea เป็นผู้พิสูจน์ว่าจะสามารถขยายธุรกิจ Shopee และ AirPay แย่งส่วนแบ่งการตลาดมาจาก Alibaba ที่มี Lazada และ Alipay ได้หรือไม่

Resources :