6 สิ่งที่ควรปฏิเสธ หากคุณต้องการให้ชีวิตและธุรกิจของคุณดีขึ้น

ในการบริหารเวลา 24 ชั่วโมงในแต่ละวัน ถือเป็นทักษะที่สำคัญที่สุดสำหรับการเป็นผู้ประกอบการ ซึ่งหากใครสามารถบริหารเวลาได้อย่างมีประสิทธิภาพก็จะสามารถประสบความสำเร็จได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ในวัยเด็กคุณเคยเห็นเพื่อน ๆ ที่ทำการบ้านเสร็จก่อนคนอื่นหรือไม่ คนที่มักจะทำรายงานเสร็จมาส่งครูก่อนใคร ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จก่อนจะกลับบ้านด้วยซ้ำ จนโตมาทำงานในบริษัท คุณเคยเห็นคนที่ไม่ต้องทำโอที ทำงานที่ได้รับมอบหมายเสร็จได้ด้วยความเรียบร้อย และเสร็จก่อนเวลาอีกด้วย  

ในขณะที่ตัวคุณเอง แม้จะต่อเวลาให้หลายครั้งแล้วก็ยังทำไม่เสร็จอยู่ดี อะไรคือความแตกต่างระหว่างคุณกับเพื่อน? สิ่งที่แตกต่างกันคือ คนที่ทำเสร็จก่อน คนที่บริหารเวลาได้ดีกว่า เขาต้องแลกอะไรบางอย่าง เพื่อให้ได้เวลาไปทำในสิ่งที่ “ต้องทำ” ให้เสร็จก่อน แล้วจึงเอาเวลา “ที่เหลือ” ไปทำในสิ่งที่ “อยากทำ”

และความลับที่ใช้อะไรบางอย่างแลกมานั้น ก็คือการรู้จัก “ปฏิเสธ” ให้เป็นนั่นเอง ต่อไปนี้คือ 6 สิ่งที่คุณควรปฏิเสธ ถ้าต้องการให้ชีวิตและธุรกิจของคุณดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด

ภาระของคนอื่น

ชีวิตเป็นเรื่องยากของเราทุกคน และทุก ๆ คนต่างก็มีภาระเป็นของตนเอง แค่คุณแบกภาระของตัวเองก็จะแย่อยู่แล้ว ดังนั้นอย่าไปหาภาระของคนอื่นมาแบกเพิ่มอีก เมื่อไหร่ก็ตามที่ดูเหมือนว่ามีคนพยายามจะยกภาระของเขาเอามาให้คุณดูแล ควรปฏิเสธมันซะ ไม่ว่าจะเป็น การยืมเงิน ญาติป่วย สุนัขตาย อกหัก แฟนทิ้ง ฯลฯ นี่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่ต้องมีสังคม ไม่ต้องคบใคร แต่หากคุณไม่ได้มีเวลาว่างมากพอ ที่จะมานั่งฟังเพื่อนเล่าถึงความเจ้าชู้ของแฟนเขา และงานที่สำคัญที่ต้องทำก็ยังไม่เสร็จ คุณควรรู้จักที่จะปฏิเสธ และรีบไปทำงานให้เสร็จเสียก่อน แล้วค่อยกลับมานั่งฟังเพื่อนคุณระบายก็ยังไม่สาย

ทั้งนี้รวมถึงการสนใจสอดรู้สอดเห็นเรื่องชาวบ้านบนโลกโซเชียลด้วยเช่นกัน คนที่เขาทำงานได้มีประสิทธิภาพ และเสร็จก่อนคุณ เขาจะไม่มานั่งจ้อง Facebook หรือ IG ทั้งวันหรอกนะ

สถานการณ์ที่ทำให้รู้สึกโกรธ

โกรธคือโง่ โมโหคือบ้า และถ้ารู้อยู่แล้วว่าการรับรู้เรื่องใดเรื่องหนึ่งจะทำให้โกรธ แต่ก็ยังจะอยากรู้ นี่เรียกว่ายิ่งกว่าบ้าเสียอีก แต่หลายคนก็ยังชอบและสนใจในเรื่องเหล่านี้ ติดตามเพจดราม่า เพจที่เป็นกระแส เรื่องราวที่ทำให้เกิดประเด็นทะเลาะเบาะแว้ง ด่าทอกันไปมา ซึ่งทั้งหมดนั้นไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับตัวคุณเลยแม้แต่น้อย ลองพิจารณา แล้วถอยห่างออกมาซักสองก้าว แล้วมองกลับเข้าไป คุณจะเห็นว่า เรื่องนี้แม้จะไม่มีตัวเราเข้าไปวิพากษ์วิจารณ์หรือมีส่วนร่วมเลย มันก็จะดำเนินของมันต่อไปจนจบขั้นตอนตามที่มันควรจะเป็นอยู่ดี และเวลาที่เสียไปกับเรื่องเหล่านั้น เราไม่สามารถเอามันกลับคืนมาได้ แน่นอนมันสูญเปล่าและไร้ค่า หมดไปอีกวัน สำหรับอะไรก็ไม่รู้ และงานก็ไม่เดิน ที่คุณต้องทำคือ ปฏิเสธเรื่องเหล่านี้อย่างจริงจัง เพราะนอกจากมันจะทำให้อารมณ์เสีย หงุดหงิดแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือ คุณจะเสียเวลาไปโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย

งานที่ทำแล้วไม่มีความสุข

ไม่ได้หมายความว่างานที่ทำแล้วเฉย ๆ ไม่ทุกข์ไม่สุข แต่หมายถึงงานที่ต้องกล้ำกลืนฝืนทำ (เพราะถ้าไม่ทำก็ไม่รู้จะไปทำอะไรแล้ว) แต่การที่ต้องเป็นทุกข์ในทุก ๆ วันที่ตื่นมาทำงาน แทบไม่อยากลุกจากที่นอน แบบนี้เหมือนตกนรกอยู่ทุกวัน สิ่งเดียวที่ผิดพลาดคือการที่ปล่อยให้ตัวเองมาอยู่ในจุดนี้ จุดที่จะเปลี่ยนงานก็ไม่ได้ จะเลิกก็ไม่ได้ จะหาใหม่ก็ไม่กล้าหรือไม่รู้จะไปหาที่ไหน แต่ทุก ๆ อย่างแก้ไขได้ และเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ ถ้างานหรือธุรกิจที่ทำ มันทำให้มีความทุกข์ขนาดนั้น ควรจะเอาเวลาส่วนหนึ่งไปลองทำอะไรที่ทำแล้วมีความสุขดูบ้าง โดยการเริ่มบริหารเวลา รีบทำงานที่ไม่ชอบให้เสร็จ แล้วเอาเวลาที่เหลือ ไปทำงานที่ทำแล้วมีความสุข และลองหาทางทำเงินให้ได้ แล้วคุณจะยิ่งมีความสุขมากขึ้นถ้างานที่ทำแล้วให้ความสุขและทำให้มีกินด้วย เมื่อถึงเวลานั้นก็บอกลางานที่ทำให้เป็นทุกข์ได้เลย

พฤติกรรมที่บั่นทอนต่อสุขภาพ

การนั่งทำงานหลังขดหลังแข็งวันละ 10 กว่าชั่วโมง อาจทำให้คุณดูเป็นคนขยัน แต่ในบรรดาคนที่ประสบความสำเร็จ เขาจะมองว่าคุณเป็นคนที่ทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพ และบริหารเวลาไม่เป็น เพราะคนเหล่านั้น ส่วนใหญ่ใช้เวลาทำงานน้อยมาก บางคนใช้เวลาแค่ไม่ถึง 4 ชั่วโมงต่อวัน ทำให้เขามีเวลาเหลือมากพอที่จะไปดูแลสุขภาพตัวเอง และดูแลคนที่เขารัก เขาจะมีเวลามาโฟกัสเรื่องอาหารการกินที่มีประโยชน์ และการออกกำลังกาย การทำสมาธิเพื่อผ่อนคลาย ซึ่งทั้งหมดดีต่อสุขภาพและมีความจำเป็นในระยะยาว ถ้าในตอนนี้คุณยังทำทุกสิ่งในทางตรงกันข้ามคือ ใช้เวลาทำงานในแต่ละวันมากกว่า 10 ชั่วโมง กินข้าวไม่เป็นเวลา นอนน้อย ไม่ได้ออกกำลังกาย กินแต่อาหารกล่องหรืออาหารฟาสต์ฟู้ด ชีวิตของคุณก็จะค่อย ๆ ย่ำแย่ลง ซึ่งแน่นอนมันส่งผลกระทบกับงาน และมันจะมีผลเป็นลูกโซ่ต่อไปเรื่อย ๆ

ความสัมพันธ์ที่ติดลบ

ไม่ว่าจะเป็นเพื่อน แฟนเก่า แฟนปัจจุบัน เพื่อนเก่า เพื่อนใหม่ เพื่อนในเฟซบุ๊ค หรือแค่คนรู้จักก็ตาม หากเป็นความสัมพันธ์ที่ทำให้คุณไม่สบายใจ อึดอัด หรือเป็นทุกข์ ให้รีบยุติความสัมพันธ์นั้นซะ หากบนโลกออนไลน์ มีคนมาติดตามคุณและเอาแต่คอยแซะ คอยถากถาง พูดจาเยาะเย้ย หรือมาด่ากันตรง ๆ ที่หน้าเฟซบุ๊ค คุณสามารถบล็อกคน ๆ นั้นออกไปได้ ซึ่งถ้าคุณไม่ทำ และยังเก็บเขาไว้ให้ติดตามและมาคอยแซะอยู่เรื่อย ๆ นั่นเท่ากับคุณยินยอมให้เขาเข้ามาทำร้ายคุณ ซึ่งก็เท่ากับคุณทำร้ายตัวเอง ชีวิตของคุณจะดีขึ้นอีกมาก หากรู้จักปฏิเสธความสัมพันธ์แย่ ๆ แบบนี้

การยึดติดกับอดีต

ไม่ว่าอดีตนั้นจะโหดร้าย หรือเจ็บปวด หรือสวยหรูอย่างไรก็แล้วแต่ คุณควรปล่อยมันไปได้แล้ว ไม่ควรเอามากอดมาถือไว้ แค่รับรู้ระลึกถึงไว้ว่า เรื่องราวในอดีต หล่อหลอมให้คุณเป็นอย่างในปัจจุบันนี้ก็พอ เพราะสิ่งที่คุณทำในวันนี้ต่างหากที่สำคัญและจะพาคุณไปสู่อนาคต ส่วนเรื่องอดีตก็ปล่อยให้มันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้วก็พอ ปฏิเสธการยึดถืออดีตแล้วเดินหน้าต่อไป


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้

หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ รับรองได้เลยว่ามันเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใครceo premium content

Resource :