โรเบิร์ต เฮอจาเวก (Robert Herjavec) เศรษฐีหมื่นล้าน ที่สร้างฐานะขึ้นมาด้วยลำแข้งของตนเอง เชื้อสายชาวโครเอเชียและแคนนาดา ได้ให้คำแนะนำสำหรับผู้ประกอบการรุ่นใหม่ ที่กำลังเริ่มต้นทำธุรกิจ ให้อยู่รอดและประสบความสำเร็จในระยะยาว กล่าวคือ จากสถิติของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จนั้น มีเพียง 10 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่มีโอกาสสำเร็จ ซึ่งใน 7 ข้อนี้ จะช่วยให้ธุรกิจของคุณมีโอกาสในการประสบความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
1. จงเชื่อมั่นในธุรกิจของคุณและเชื่อมั่นในตัวเอง
เมื่อคุณมีไอเดียในการเริ่มต้นทำธุรกิจอะไรสักอย่าง ผู้คนมักจะคอยขัดแข้งขัดขาอยู่ร่ำไป ไม่ว่าจะเป็น “มันไม่น่าจะทำได้จริงหรอก” “มันเป็นไปได้ไม่หรอก” “ความคิดนั้นบ้าบอสิ้นดี” แต่ไม่ว่าคนอื่นจะพูดอย่างไรเกี่ยวกับไอเดียของคุณ ธุรกิจของคุณ แต่สิ่งหนึ่งที่คุณจะต้องยึดมั่นอย่างแรงกล้าก็คือ “ความเชื่อมั่น” ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นในตัวของธุรกิจของคุณเอง ว่ามันเป็นไปได้ มันสามารถช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาให้กับผู้คนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น และที่สำคัญคือ “คุณต้องเชื่อมั่นในตนเอง” เพราะถ้าแม้ขนาดคุณยังไม่เชื่อมั่นในธุรกิจของคุณ แล้วใครจะเชื่อมั่นกันล่ะ?
จำเอาไว้ว่า ในระหว่างที่คุณเริ่มต้นทำธุรกิจ จะมีคนมากมายให้คำแนะนำอย่างนู้นอย่างนี้ แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า ในช่วงที่เรากำลังตั้งตัวนั้น ต้องผ่านเหตุการณ์อะไรมาบ้างกว่าที่จะทำให้ธุรกิจอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ คำพูดเหล่านั้นมันไม่มีค่าอะไรมากนักหรอก เพราะสิ่งที่มีค่าที่สุดก็คือ “การลงมือทำ” จงลงมือทำให้มากกว่าพูด จำเอาไว้
2. จงทดสอบธุรกิจก่อนที่จะกระโดดเข้ามาทำอย่างเต็มตัว
การเริ่มต้นทำธุรกิจ คุณจะต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่า มีคนซื้อสินค้าหรือบริการของคุณจริง ๆ หรือไม่ จงอย่าได้ถามจาก พ่อแม่ พี่น้อง เพื่อนสนิท มิตรสหาย หรือแม้แต่ช่างเสริมสวย ว่าพวกเขาจะซื้อสินค้าจากคุณหรือไม่ เพราะแน่นอนว่า ถ้าคุณไปถามพวกเขาเหล่านั้น คุณก็จะได้ประโยคแบบอวย ๆ ว่า น่าสนใจดีนะ จะซื้อแน่นอน เพียงเพราะเขาอยากให้คุณรู้สึกดี ณ เวลานั้น เท่านั้นเอง
สิ่งที่คุณจะต้องทำก็คือ โทรหาหรือติดต่อใครสักคนที่คุณไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกันมาก่อน แต่เป็นกลุ่มคนที่มีการจับจ่ายใช้สอยในอุตสาหกรรมเดียวกับธุรกิจคุณอยู่แล้ว แล้วลองสอบถามดูเลยว่า พวกเขามักจะซื้ออะไรกันอยู่แล้วบ้าง ยกตัวอย่างเช่น หากคุณทำธุรกิจเกี่ยวกับอุปกรณ์การกีฬา ก็ให้คุณถามคนที่มักจะเข้าช็อปปิ้งที่ร้านกีฬาเป็นประจำเลยว่า ปกติแล้ว พวกเขาซื้ออะไรกันบ้าง
3. อย่าเชื่อเพียงแค่คำพูดลอย ๆ
ไม่ว่าคุณจะได้ยินอะไรมาในระหว่างที่กำลังจะเริ่มต้นธุรกิจหรือกำลังเริ่มไปได้สักพักแล้วก็ตาม ทุกสิ่งที่คุณได้ยิน ทุกอย่างที่คุณได้รับฟัง จงอย่าเชื่อในทันที แต่จงพิสูจน์ด้วยว่า คำพูดเหล่านั้นเป็นจริงหรือไม่ ยกตัวอย่างเช่น ลูกน้องคุณบอกว่า วันนี้มีออเดอร์จากลูกค้าเข้าตั้ง 50 ออเดอร์ (ปกติจะอยู่ที่ 20 ออเดอร์) จู่ ๆ ลูกน้องคุณ อาจรวมถึงคุณก็พากันดีใจว่า ยอดขายเพิ่มขึ้นตั้งเท่าตัว และสิ่งที่คุณจะต้องทำ ไม่ใช่การที่รีบยินดีกับข่าวนั้น แต่จงโทรไปหาลูกค้าเองเลยว่า มีการสั่งออเดอร์เข้ามาจริง ๆ หรือไม่ ถ้าสั่งเข้ามาจริง ๆ ก็ถามลูกค้าไปเลยว่า จะชำระค่าสินค้าเข้ามาวันไหน เวลาใด และจงถามในการโทรครั้งต่อไปว่า ลูกค้าได้ชำระเงินเข้ามาจริง ๆ แล้วหรือยัง เมื่อนั้น คุณถึงจะมั่นใจได้ว่า คุณได้รับเงินจากออเดอร์เหล่านั้นจริง ๆ ไม่ใช่แค่คำกล่าวอ้างจากคนอื่น เพียงเพราะอยากโชว์ผลงานให้คุณพอใจ
4. จงเตรียมตัวให้พร้อมรับมือกับทุกสถานการณ์
หลาย ๆ คน มองว่า แค่เริ่มต้นจะทำธุรกิจก็ว่ายากแล้ว เพราะกว่าจะตัดสินใจเริ่มต้นธุรกิจแรกได้นั้น อายุก็ปาไป 30 40 ปีเข้าให้แล้ว แต่รับประกันได้เลยว่า ในระหว่างที่คุณทำธุรกิจอยู่ คุณจะต้องเจอกับการทำงานอย่างหนักและปัญหาที่มากมาย มากเกินกว่าที่คุณเคยจินตนาการเอาไว้ซะอีก และเมื่อคุณคิดว่าคุณคงมาถึงจุดที่ต่ำสุดแล้ว มันยังสามารถแย่กว่านั้นได้อีก เชื่อผมเถอะ เพราะนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงแทบทุกคนล้วนแล้วแต่ผ่านวิกฤตกันมาแล้วทั้งสิ้น
ดังนั้นสิ่งที่คุณสามารถทำได้ในตอนนี้ก็คือ คิดวิธีการเอาไว้ล่วงหน้าเลยว่า หากเกิดกรณีเหตุการณ์ที่เลวร้ายที่สุดกับธุรกิจของคุณ คุณจะแก้ไขปัญหาเหล่านั้นยังไงได้บ้าง
5. หมดยุคปลาใหญ่กินปลาเล็ก นี่คือยุคของปลาเร็วชนะปลาช้า จริงหรือ?
ในฐานะที่คุณพึ่งเริ่มต้นทำธุรกิจและเป็นหน้าใหม่ในวงการอุตสาหกรรมนั้น ๆ สิ่งที่คุณจะต้องมีเหนือกว่าคู่แข่งเจ้าถิ่นที่อยู่ในท้องตลาดอยู่แล้วก็คือ “ความรวดเร็ว” เพราะบริษัทใหญ่ แม้ว่าจะมีทรัพยากรที่เหลือเฟือ แต่ก็เคลื่อนที่ได้ช้า กว่าที่จะตัดสินใจทำอะไรแต่ละอย่าง ก็ต้องผ่านหลายขั้นตอนกว่าจะอนุมัติ แต่ในขณะที่บริษัทของคุณ มีขนาดเล็ก และสามารถตัดสินใจได้อย่างทันท่วงที มันจะทำให้ธุรกิจของคุณก้าวขึ้นมาโดดเด่นได้
คุณจงเรียนรู้จากลูกค้าของคุณ ว่าพวกเขาต้องการอะไร และอะไรบ้างที่คู่แข่งของคุณยังไม่สามารถตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเหล่านั้นได้ดีพอ คุณก็สามารถใช้ช่องว่างตรงนั้น ทำให้ดีกว่าคู่แข่งของคุณ
แต่อย่าลืมว่า แม้ว่าช้างจะไม่สามารถวิ่งไล่จับหนูตัวเล็ก ๆ ที่กำลังวิ่งอยู่ได้ แต่หากเมื่อไหร่ที่หนูไม่วิ่งและยืนอยู่กับที่ เมื่อนั้นช้างก็สามารถเหยียบหนูตัวเล็ก ๆ ให้แบนแต๊ดแต๋ได้ในพริบตา
6. จงอย่าหยุดอยู่กับที่
มันไม่สำคัญหรอกว่า ในวันนี้ธุรกิจของคุณจะทำเงินได้เท่าไหร่ ไปได้ดีแค่ไหน หรือพอใจในที่ที่เป็นอยู่ ณ ปัจจุบัน แต่อย่าลืมว่า คู่แข่งของคุณไม่ได้คิดแบบนั้น เพราะในขณะที่คุณกำลังฉลองและสำราญไปกับความสำเร็จในระดับหนึ่งแล้ว คุณอาจจะคิดว่า พอแค่นี้ ไม่ต้องการอะไรไปมากกว่านี้ แต่อย่าลืมว่า ธุรกิจคือการแข่งขัน เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณหยุดพัฒนา หยุดอยู่กับที่ มันก็เท่ากับว่า คุณได้เดินถอยหลังลงคลองไปเรียบร้อยแล้ว เพราะคู่แข่งของคุณ ก็กำลังจี้เข้ามาติด ๆ และเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาตามคุณทัน เมื่อนั้น คุณไม่เพียงตกเป็นรอง แต่นั่นอาจหมายถึง ธุรกิจเจ๊งเลยก็ได้
7. ความสำเร็จขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณใช้
หากเปรียบธุรกิจเป็นดั่งเกม การเล่นเกมในครั้งนี้ในท้ายที่สุดคุณก็ต้องการที่จะเป็นผู้ชนะ ดังนั้นมันขึ้นอยู่กับวิธีการที่คุณใช้ในการพาคุณให้ไปสู่เป้าหมาย ไม่ว่าจะเป็นการทุ่มเททำงานอย่างหนัก สนุกไปกับสิ่งที่คุณทำ เป็นคนที่ดีมีศีลธรรม เล่นเกมแบบแฟร์ ๆ และฝันให้ใหญ่เข้าไว้ เพราะไหน ๆ คุณก็มีโอกาสได้เกิดมาทั้งที จะฝันเล็กฝันใหญ่ คุณก็มีเวลาชีวิตเท่าเดิม ดังนั้น ฝันให้ใหญ่เข้าไว้ แล้วลงมือทำเพื่อคว้ามันมา
ที่มา: entrepreneur.com