ofo and mobike

Mobike และ Ofo สตาร์ทอัพ Bike Sharing เมินการควบรวมกิจการ แม้จะถูกกดดันจากนักลงทุนก็ตาม

แม้จะเริ่มมีข่าวลือมากมายเกี่ยวกับการควบรวมกิจการระหว่าง Mobike และ Ofo แต่ Davis Wang CEO และผู้ร่วมก่อตั้ง Mobike ก็ยังคงกล่าวย้ำอย่างชัดเจน ในงานประชุม TheYearAhead Summit ว่า “การควบรวมกิจการไม่ใช่ทางเลือกของบริษัทเรา”

ในขณะเดียวกัน Dai Wei CEO และผู้ก่อตั้ง Ofo ก็แสดงออกชัดเจนและกล่าวว่า จะไม่มีการพิจารณาการควบรวมกิจการกับ Mobike อย่างเด็ดขาด

ข่าวลือเกี่ยวกับการควบรวมของ Mobike และ Ofo นั้นได้เกิดขึ้นมาเรื่อย ๆ ซึ่งสาเหตุหนึ่งน่าจะมาจากข่าวในวัน April Fool’s Day ซึ่งปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นจากทั้ง 2 บริษัท กลับทำให้เกิดการคาดการณ์เกี่ยวกับความเชื่อมั่นภายในบริษัท

แต่ผ่านไปครึ่งปี สถานการณ์กลับทำให้การควบรวมดูเป็นไปได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีหลายบริษัทที่ปิดกิจการในช่วงระยะเวลาเพียง 5 เดือน และนักลงทุนต่างมีความกังวลและกำลังหาทางออก

โดยนักลงทุนต่างมองว่า บริษัททั้งสองจะมีการเติบโตที่ดีขึ้นจากการควบรวมกิจการ เพราะจะสามารถลดค่าใช้จ่ายในการแข่งขันลงได้ เนื่องจากจะเหลือผู้เล่นรายใหญ่เพียงรายเดียวเหมือนกรณีการควบรวมกิจการของ Didi และ Kuaidi จากนั้นก็ควบรวมกับ Uber China จนเหลือเพียง Didi Shuxing เพียงรายเดียว

Zhu Xiaohu นักลงทุนใน Ofo ตั้งแต่เริ่มแรก กล่าวว่า ในเดือนกันยายน ที่ผ่านมา Mobike และ Ofo มีส่วนแบ่งการตลาดรวมกันถึง 95% ซึ่งทั้งสองบริษัทยังคงต้องการเงินลงทุนอีกเป็นจำนวนมาก และการควบรวมกิจการเป็นเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่อาจจะทำให้บริษัทเหล่านี้มีกำไร คำแถลงนี้ยิ่งทำให้ข่าวการควบรวมมีน้ำหนักมากยิ่งขึ้น โดย Bloomberg ยังรายงานว่า นักลงทุนจากทั้งสองบริษัทกำลังเจรจากันอยู่

ซึ่งเรายังคงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า อนาคตของสองคู่แข่งนี้จะรวมเป็นหนึ่งเดียวกันได้หรือไม่ เมื่อผู้ประกอบการต้องการความเป็นอิสระ และไม่มีใครอยากยุบแบรนด์ที่ตนเองสร้างมากับมือ ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหากเกิดการควบรวมกิจการ จากสองบริษัท จะมีเพียงหนึ่งบริษัทเท่านั้นที่ยังอยู่รอด ซึ่งผู้ก่อตั้งทั้งสองบริษัทล้วนอยากให้เหลือเพียงบริษัทของตนเอง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ ตัวอย่าง เมื่อ Didi Dache ควบรวมกับ Kuaidi Dache ผู้บริหารเก่าของ Kuaidi ต้องลาออกทั้งหมด และสุดท้ายเหลือเพียง Didi เท่านั้น โดยเจ้าของ Kuaidi เดิมกลายเป็นเพียงผู้ถือหุ้น

ในขณะที่ฝั่งของนักลงทุนต้องการผลกำไรสูงสุด และเร็วที่สุดด้วย ดังนั้นต้องติดตามดูว่า ผู้ก่อตั้งทั้งสองบริษัทจะสามารถต้านทานอำนาจของนักลงทุนได้หรือไม่ และหากไม่ยอมทำตาม จะโดนถอดออกจาก CEO เหมือนที่ Uber เคยเปลี่ยน CEO หรือไม่ เพราะผู้ที่มีอำนาจมากที่สุดในบริษัท ไม่ใช่ CEO หรือผู้ก่อตั้ง แต่เป็นผู้ที่ถือหุ้นใหญ่ที่สุดต่างหาก หากผู้ถือหุ้นใหญ่ให้ควบรวมก็ต้องควบรวมในที่สุด


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ทาง CEO Blog ของเรานั้น ได้เปิดโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content แบบพรีเมี่ยมด้านการค้าปลีกออนไลน์ ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมแล้ววันนี้

หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใคร รับรองได้เลยว่าเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใคร

ceo premium content

Resource: