10 ข้อคิดที่ Mark Zuckerberg กล่าวในพิธีรับปริญญาที่ Harvard ปี 2017

ทั่วโลกร่วมฉลองงานรับปริญญาของ Mark Zuckerberg ที่มหา’ลัย Havard หลังจากที่ทางมหา’ลัย ได้มอบปริญญาให้แก่ Mark

Mark Zuckerberg ได้สมัครเข้าเรียน มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ด้านวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ ในปี 2545 และ ได้ออกจากเรียนไปในปี 2548 ก่อนที่จะกลับมารับปริญญาในปี 2560 หรืออีก 12 ปีต่อมานั่นเอง

โดยปริญญาใบนี้เรียกว่า Honorary Doctorate Degree หรือ ปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ เป็นการที่สถาบันต้นสังกัดมอบให้บุคคล แม้บุคคลนั้นจะไม่ได้ผ่านการศึกษาภาคปกติของทางสถาบัน

1. ถ่อมตัว

ก่อนที่ Mark Zuckerberg จะเริ่มต้นการพูดในพิธีจบการศึกษาที่ Harvard เขาออกตัวก่อนเลยว่า เขาอาจจะไม่เหมาะสมสักเท่าไหร่นักที่จะมายืนพูด ณ จุดนี้ เพราะเป็นสิ่งที่ผมไม่เคยทำสำเร็จมาก่อนเลยในชีวิต นั่นก็คือ การรับปริญญา ซึ่งในขณะที่ทุกคนฟังผมพูดในวันนี้ ต่างก็ผ่านจุด ๆ นั้นกันมาแล้ว

2. เป็นมิตรกับผู้อื่นเข้าไว้

ผมมักจะไม่ค่อยมีคนคุยด้วยสักเท่าไหร่นัก เพราะผมในตอนนั้นค่อนข้างจะเด๋อ ๆ ด๋า ๆ แต่ก็ยังอุตส่าห์มีหนุ่มคนหนึ่งที่ชื่อ KX Jin ที่ยังอุตส่าห์มาเป็นเพื่อนผม และเขาในตอนนี้ก็เป็นคนสำคัญคนหนึ่งของ Facebook อีกด้วย

3. มหา’ลัย ทำให้ผมมีภรรยาเป็นตัวเป็นตน

และที่ Harvard นี่เอง ก็ทำให้ผมได้พบรักกับ Priscilla Chan ที่ผมได้แต่งงานด้วยเมื่อไม่นานมานี้ โดยประโยคแรกที่ผมได้บอกกับเธอก็คือ “ผมกำลังจะโดนไล่ออกจากมหา’ลัย ในเร็ว ๆ นี้ ดังนั้นผมว่าเราจะต้องรีบเดทกันแล้วล่ะ” เพราะในระหว่างที่ผมได้เจอเธอ ผมกำลังปล่อย Facemash ที่เป็นเหตุให้ระบบอินเตอร์เน็ตของมหา’ลัย ล่ม ซึ่งผมก็ไม่ได้โดนไล่ออก แต่กลับกลายเป็นว่าผมดันซะเอง เพื่อพัฒนาเป็น Facebook ในปัจจุบันนี่แหละ

4. การตระหนักถึงเป้าหมายในชีวิต

Mark Zuckerberg ได้เล่าเหตุการณ์หนึ่งที่ช่วงหนึ่ง John F Kennedy อดีตประธานาธิบดีของสหรัฐฯ ได้เดินทางไปเยี่ยมชมที่ NASA Space Center เขาก็ได้พบกับภารโรงคนหนึ่งที่กำลังเดินถือไม้กวาดอยู่ เขาจึงถามภารโรงคนนั้นไปว่า “คุณกำลังทำอะไรอยู่รึ?” ภารโรงคนนั้นสวนทันควันเลยว่า “ท่านประธานาธิบดี ผมกำลังช่วยให้มนุษญ์ขึ้นไปสู่ดวงจันทร์อยู่ ท่านไม่เห็นรึ?” และนั่นก็คือการตระหนักในเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าตัวเรา และตระหนักว่าเราก็เป็นฟันเฟืองสำคัญชิ้นหนึ่งที่จะนำพาไปสู่เป้าหมายนั่นเอง

5. หากคุณคิดจะเปลี่ยนโลก จงทำอะไรสักอย่างเดี๋ยวนี้เลย

ตอนที่ผมเปิดตัว Facebook ในคืนวันแรก ผมตื่นเต้นมากจะเชื่อมต่อคนทั้งมหา’ลัย ของ Harvard เข้าด้วยกัน และผมก็พูดเปรย ๆ เอาไว้ว่า สักวันหนึ่งคงมีใครสักคนที่จะเชื่อมต่อคนทั้งโลกเข้าด้วยกัน เพราะมีบริษัทยักษ์ใหญ่ ที่มีเงินทุนมหาศาล ก็คงจะเข้ามาทำเองนั่นแหละ แต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่มี ผมเลยหวนกลับไปคิดว่า แล้วทำไมพวกผมไม่ทำมันเองซะเลยล่ะ

6. Passion เป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจให้ยังคงเดินต่อไป

ส่วนตัวผมแล้ว ผมไม่เคยคิดที่จะสร้างบริษัทที่ใหญ่โต ร่ำรวยมหาศาล ผมเพียงแค่ต้องการที่จะสร้างอะไรบางสิ่งบางอย่าง ที่เปลี่ยนแปลงการเชื่อมต่อของคนทั้งโลก แต่สำหรับคนอื่น ๆ ที่พึ่งเข้ามาร่วมทีมกับผม อาจจะไม่ ซึ่งตอนแรกผมก็คิดเองเออเองว่าพวกเขาก็อยากเปลี่ยนแปลงโลกเหมือนกับผม แต่ไม่ใช่ซะทีเดียว เพราะมันเริ่มมีเรื่องของเงินเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

7. จงตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เพื่อเพื่อนร่วมโลก

ผมสังเกตเห็นบุคคลระดับโลกหลายคนที่เมื่อมาถึงจุด ๆ หนึ่ง ที่เกินความต้องการของการหาเงิน และการประสบความสำเร็จในชีวิตอย่างสูง คำถามต่อมาก็คือ “แล้วยังไงต่อ?” ผมจึงอยากให้ทุกคนช่วยกันเปลี่ยนแปลงโลกไปในทางที่ดีขึ้น ด้วยการร่วมกันตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ เพื่อเพื่อนมนุษย์ร่วมโลก เพราะในยุคที่ มีระบบหุ่นยนต์ เข้ามาทดแทนตำแหน่งงานกว่า 10 ล้านตำแหน่ง ดังนั้น มันถึงเวลาแล้วที่คุณจะต้องตั้งเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เฉพาะแต่ตนเอง จากเหตุการณ์ที่ผ่านมา มีคนกว่า 3 แสนคน ร่วมกันทำงานเพื่อพามนุษย์ไปสู่ดวงจันทร์ (ซึ่งรวมถึงภารโรงก่อนหน้านี้ด้วย) หรือไม่ก็ มีคนกว่าล้านคนร่วมอาสาเพื่อจะให้งัคซีนเด็กทั่วโลก

8. Idea ไม่สำคัญเท่า I do

มีไอเดียเป็นล้านล้านไอเดีย ที่หายสาบสูญไปในช่วงเวลาที่ผ่านมาของชีวิตคนเรา แต่มันกลับเกิดขึ้นเพียงไม่กี่อย่าง เพราะมันกลายเป็นเพียงแค่ Idea แต่ไอเดียเหล่านั้น จะมีคุณค่าก็ต่อเมื่อมีคนขับเคลื่อนด้วย I do หรือการ “ลงมือทำ” เพราะคุณไม่รู้หรอกว่า ไอเดียนั้น มันดีจริงหรือเปล่า มันใช้ได้ผลหรือไม่ หรือมันยังขาดอะไรไปอยู่ ซึ่งนั่นคุณจะพบคำตอบก็ต่อเมื่อคุณได้เริ่มลงมือทำอะไรบางอย่างให้คืบหน้าไปแล้ว และในระหว่างนั้นนั่นเอง ก็จะมีไอเดียผุดขึ้น เพื่อพาคุณไปยังจุดต่อ ๆ ไป

9. อย่ากลัวที่จะทำผิดพลาด

ในวันที่คุณยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน มันเป็นธรรมดามาก ๆ ที่มีแต่คนหาว่าคุณบ้าบอ มโน เพ้อฝัน ในสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แม้ในท้ายที่สุดคุณจะทำได้สำเร็จก็ตามที ซึ่งคนในสังคมส่วนใหญ่มักจะกลัวความผิดพลาด แต่ไม่ได้ตระหนักเลยว่า “ไอ้การที่ไม่ยอมลงมือทำอะไรนี่แหละ คือความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว”

10. คุณสามารถเปลี่ยนโลกได้ ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม

คุณเชื่อไหมว่า ครั้งหนึ่งผมได้มีโอกาสไปบรรยายเรื่อง ผู้ประกอบการ ที่ Local Boys and Girls Club แล้วมีเด็กคนหนึ่ง ซึ่งผมได้พูดคุยด้วยโดยเขาเล่าให้ผมฟังว่า “เพื่อน ๆ นักเรียนของเขา กำลังต่อสู้กับความยากลำบาก ที่ไม่ได้รับโอกาสในการเข้าเรียนมหา’ลัย ต่อ เพราะพวกเขาไม่มีเอกสารรองรับการเป็นพลเมือง” ผมเลยถามเขาไปว่าต้องการให้ผมช่วยอะไรไหม เขาตอบผมกลับมาว่า “มาร์ค คุณพอจะรู้ไหมครับว่า ถ้าผมต้องการหนังสือเกี่ยวกับความยุติธรรมทางสังคม ผมจะหาได้จากที่ไหน”

ผมฟังแล้วยังทึ่งเลยว่า เด็กหนุ่มคนนี้ ไม่ได้โอดครวญ ถึงความยากลำบากที่พวกเขาเผชิญอยู่เลย แต่พุ่งเป้าไปที่การหาวิธีเปลี่ยนแปลงโลกใบนี้ และไม่ใช่เพียงเพื่อตัวของเขาเอง แต่เพื่อเด็ก ๆ อีกหลาย ๆ คนที่ขาดโอกาสในการเรียนต่อตรงนี้ไป

——————————————————

ติดต่องานโฆษณาได้ที่ : contact@founder29.com

——————————————————

Resources