3 วิธีสร้างรายได้ Passive Income จากการขาย ‘ความรู้’ ที่คุณมีอยู่แล้ว

รู้หรือไม่ว่า ‘ความรู้ที่คุณมีอยู่แล้ว’ ไม่ว่าจะได้มาจากการศึกษา ค้นคว้า และวิจัยด้วยตนเอง หรือได้มาจากประสบการณ์การทำงานและลงมือปฏิบัติจริง สามารถนำมาสร้างรายได้ในรูปแบบของ Information products และทำเงินในรูปแบบ Passive income ได้อีกด้วย

หลายคนอาจเคยได้ยินประโยค ‘หนังสือ ดนตรี และภาพยนต์ เป็นทรัพย์สินทางปัญญา’ หรือ Intellectual property ผู้ใดเป็นเจ้าของทรัพย์ทางปัญญา ผู้นั้นขึ้นชื่อว่ามีรายได้นานตราบเท่าที่มีคนนำ ทรัพย์สินทางปัญญา ของเขาไปใช้ประโยชน์ โดยผลตอบแทนที่เจ้าของผลงานได้กลับมา คือ เงินค่า ลิขสิทธิ์ หรือ Copy Right และที่สำคัญเงินส่วนนี้ได้มาแบบ Passive income โดยบางครั้งเจ้าของผลงานอาจไม่ต้องทำการตลาดหรือการขายใด ๆ เพราะบริษัทที่ซื้อหรือเช่าลิขสิทธิ์นั้นเป็นผู้นำไปต่อยอดทางธุรกิจเอง

หลักการดังกล่าวให้ผลลัพธ์เดียวกันกับ ทรัพย์สินทางปัญญา ประเภท ข้อมูลความรู้ หรือ Knowledge and Information โดยคุณสามารถนำความรู้ที่คุณมีอยู่แล้วในตัวเองมาแปรรูปเพื่อขาย โมเดลทำเงินนี้เรียกว่า Information business และสินค้าความรู้เรียกว่า Information products

บทความนี้จะพาคุณลงรายละเอียดวิธีนำ Intellectual property หรือ ทรัพย์สินทางปัญญา อันได้แก่ ความรู้ที่คุณมีอยู่แล้ว มาแปรรูปเป็น Information products เพื่อขายให้เกิดรายได้แบบ Passive income โดยรูปแบบสินค้าที่เราจะเล่าถึงมีด้วยกัร 3 รูปแบบหลัก ๆ ได้แก่ หนังสือ, ออดิโอบุ๊ค, และวีดีโอคอร์ส — เราไปดูกันทีละตัว

1. หนังสือ

หนังสือ เป็นทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual property) และเป็นสินค้าความรู้ (Information products) ขั้นพื้นฐานและทำได้ง่ายที่สุดในกลุ่ม หนังสือยังสามารถทำออกมาได้อีก 3 กระบวนการย่อย ได้แก่

หนังสือเล่ม ผ่านระบบสำนักพิมพ์: เป็นกระบวนการที่คนคุ้นเคยมากที่สุด คือการเขียนหนังสือและนำไปเสนอสำนักพิมพ์เพื่อตีพิมพ์และนำไปจัดจำหน่ายผ่านร้านหนังสือ กระบวนการนี้นักเขียนมีหน้าที่หลักคือเขียนหนังสือ และบางคนอาจมีการทำการตลาดผ่านสื่อต่าง ๆ เสริมด้วยก็จะช่วยกระตุ้นยอดขายได้เช่นกัน ราคาขายของหนังสือผ่านระบบสำนักพิมพ์เฉลี่ย 200 – 400 บาท เจ้าของงานเขียนได้รับส่วนแบ่งระหว่าง 5 – 15% จากราคาปก โดยสำนักพิมพ์ส่วนมากจะให้ส่วนแบ่งคุณที่ 10%

หมายเหตุ ค่าการตลาดและค่าโฆษณาใด ๆ ที่คุณทำขึ้นเองเป็นการส่วนตัว อาทิ ออกสื่อ หรือยิงโฆษณา Facebook ad จะต้องใช้เงินจากส่วนแบ่ง 10% นี้

หนังสือเล่ม Self-publishing: เป็นกระบวนการที่คุณเขียนเอง, เป็นธุระออกแบบและจัดพิมพ์รูปเล่มเอง รวมไปถึงทำการตลาด, การขาย, และจัดส่งด้วยตนเองทั้งหมด หากคุณเป็นนักเขียนที่เชี่ยวชาญการตลาดและสร้างฐานแฟนคลับได้เอง กระบวนนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย เพราะต้นทุนในการผลิตหนังสือ, ค่าซอง, และค่าจัดส่งจะอยู่ที่ประมาณ 30 – 40% และคุณจะได้กำไรอยู่ที่ประมาณ 60 – 70% เหลือเฟือสำหรับเป็นค่าการตลาดและการโฆษณาต่อไป

ผู้ให้บริการจัดทำและสั่งพิมพ์หนังสือ On-demand สำหรับนักเขียนแบบ Self-publishing ได้แก่ Fast Books

หนังสืออิเลคทรอนิกส์: เรียกสั้น ๆ ว่า E-Book ซึ่งจะตัดกระบวนการผลิตออกไปเกือบทั้งหมด และเหลือเพียงขั้นตอนเดียว คือ การเขียน โดยคุณสามารถเขียน E-Book ลงบนไฟล์ Microsoft Word จัดรูปหน้ากระดาษ และนำไปขายบน E-Book Store อาทิ เว็บไซต์ Ookbee.com

ข้อดีของการขายบน E-Book Store คือ ทางเว็บไซต์จะมีระบบ ร้านหนังสือออนไลน์, ระบบแอปพลิเคชั่นการอ่านที่ป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์, และระบบการชำระเงินออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพ เหลือเพียงคุณทำการตลาดให้ดี ๆ และรอรับเงินค่าลิขสิทธิ์อย่างเดียว

ราคาขาย E-Book ไม่จำเป็นต้องถูกกว่าหนังสือเล่มเสมอไป เพราะคุณค่าของ E-Book คือ เนื้อหา คุณสามารถตั้งราคาขาย E-Book ให้อยู่ที่หลักร้อยบาทได้เลย โดย CEOblog ตั้งราคาขาย E-Book ไม่น้อยกว่า 300 บาทต่อปก โดย E-Book Store จะหักค่าธรรมเนียมการใช้งานระบบจำนวนหนึ่งจากคุณ หรือโดยเบ็ดเสร็จแล้วคุณจะได้รับค่าลิขสิทธิ์ประมาณ 60% จากยอดขาย

ตัวอย่าง E-Book ของ CEOblog บน Ookbee

Tips ในการเขียนหนังสือให้จบเร็ว

เขียนทั้งทีเขียนให้คุ้ม

เนื้อหาที่คุณร่างขึ้นเป็นหนังสือสามารถแปรรูปต่อไปเป็น ออดิโอบุ๊ค และ วีดีโอคอร์ส ได้ ดังนั้นจงวางแผนเขียนหนังสือเพื่อใช้เป็น Script ไปสู่รูปแบบผลิตภัณฑ์ดังกล่าวด้วย กล่าวคือเขียนทั้งทีเขียนให้คุ้ม ได้ผลผลิตออกมาหลาย ๆ ผลิตภัณฑ์เพื่อขายกันยาว ๆ

หนังสือไม่ได้เขียนนานอย่างที่คิด

หลายคนรู้สึกตกใจเมื่อได้ยินว่าหนังสือหนึ่งเล่มขนาด 100 หน้าพ็อกเกตบุ๊ค หรือประมาณ 30,000 – 40,000 คำ (แบบเนื้อหาแน่นเต็มหน้า) สามารถเขียนให้จบได้ภายใน 24 ชั่วโมง หากคุณเขียน 1,500 คำต่อชั่วโมง เขียน 2 ชั่วโมงต่อวัน คุณจะเขียนจบภายใน 10 วัน ถ้าคุณเขียน 4 ชั่วโมงต่อวัน ระยะเวลาก็จะลดเหลือเพียง 5 วันเท่านั้น!

แต่ถามว่าเขียนมากกว่าวันละ 4 ชั่วโมงได้ไหม ก็ทำได้แต่คุณภาพของความละเอียดจะลดลงจนคุณภาพงานเขียนของคุณเสียหายและเสียชื่อ เพราะงานเขียนใช้กำลังสมองมาก ซึ่งต่างจากการใช้กำลังกายที่นอนพักสักครู่ก็หาย แต่กำลังสมองใช้เวลาฟิ้นตัวนานกว่านั้นมาก

ใช้เวลากับการเตรียมพร้อมข้อมูลให้มาก และระยะเวลาในการเขียนจะน้อยลง

ระยะเวลาในการเขียนใน Tips ด้านบนเกิดขึ้นภายใต้เงื่อนไข คือ คุณต้องมีข้อมูลพร้อมในหัวแบบแทบไม่ต้องค้นคว้าเพิ่ม เมื่อเปิด Microsoft Words ขึ้นมาก็ลงมือเขียนรวดเดียว แบบนี้คุณจะเขียนหนังสือจบได้เร็ว ดังนั้นหัวใจสำคัญของงานนี้ คือ การเตรียมความพร้อมด้านข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับเรื่องที่คุณจะเขียน ข้อมูลอ้างอิง แหล่งค้นคว้าวิจัย และ รายการสารบัญ หัวข้อใหญ่ของทุกบท และหัวข้อย่อยของแต่ละบท เมื่อสิ่งเหล่านี้พร้อม คุณจะเขียนหนังสือให้จบได้เร็วมาก

2. ออดิโอบุ๊ค

เป็นการบันทึกเป็นไฟล์เสียงแล้วบรรจุเป็นแผ่นลงซีดี หรือบรรจุลงแฟลชไดร์ฟ หรืออัพโหลดขึ้นเป็นออนไลน์ ก็ได้ ขั้นตอนทำ ออดิโอ้บุ๊ค นั้นไม่ยากอย่างที่คิด คุณสามารถอ่านจากหนังสือที่คุณเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์อยู่แล้ว หรือร่าง Script ขึ้นมาใหม่ทั้งหมดที่สั้นและกระชับกว่าในหนังสือของคุณก็ได้ โดยวิธีผลิตออดิโอบุ๊คสามารถทำได้ 3 วิธี

ทำเองทั้งหมด: โดยการซื้อ ไมโครโฟนคุณภาพดี ราคา 4,000 – 8,000 บาท และ Filter กรองเสียงลมกระแทกไมโครโฟนจากการออกเสียงอัคขระ บ. และ พ. ราคา 1,500 – 3,000 บาท

โปรแกรมบันทึกและตัดต่อเสียง อาทิ Wondershare Filmora ราคาประมาณ 2,200 บาท ใช้ได้ตลอดชีพ ในกรณีที่คุณมี Macbook คุณสามารถทำผ่านโปรแกรม iMovie Maker อุปกรณ์ดังกล่าวเป็นการลงทุนเบื้องต้นซึ่งจะได้ ออดิโอบุ๊ค คุณภาพเสียงปานกลาง แต่สามารถใช้ทำงานซ้ำ ๆ ได้อีกหลายปี แต่หากต้องการคุณภาพเสียงสูงสุด คุณอาจต้อง เอาต์ซอส

จ้างเอาต์ซอส: โดยการเช่าห้องอัดเสียงคุณภาพสูงที่มีอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมสมบูรณ์แบบสำหรับการบันทึกเสียง ค่าเช่าห้องอัดในกรุงเทพฯ ราคาประมาณ 500 – 1000 บาทต่อชั่วโมง หากต้องการจ้างทีมตัดต่อก็จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มแยกในส่วนนี้ แต่หากคุณจ้างคนพากษ์เสียงมาอ่านแทนคุณ ค่าใช้จ่ายก็จะสูงขึ้นมาก เพราะค่าพากษ์นั้นคิดเป็นนาที นาทีละ 500 – 1,000 บาท

ทำผ่าน Ookbee: Ookbee มี ออดิโอบุ๊ค ขายเช่นกัน คุณสามารถใช้บริการห้องอัดของ Ookbee เพื่อนำไฟล์เสียงขึ้นไปขายบน Ookbee Store

ราคาขาย ออดิโอบุ๊ค เฉลี่ย 200 – 1,000 บาท ขึ้นอยู่กับความยาว และรูปแบบบรรจุภัณฑ์ โดยคุณจะมีกำไรขั้นต้นไม่น้อยกว่า 50% หากขายออนไลน์บนแพลทฟอร์มของตัวเองก็อาจมีกำไรสูงถึง 90%

ตัวอย่าง ออดิโอบุ๊ค แบบจัดทำเป็นแผ่น CD Audio ที่ CEOblog เคยร่วมเป็น Project manager 

3. วีดีโอคอร์ส

วีดีโอคอร์สเป็น Information products ที่ให้ผลตอบแทนสูงที่สุดเพราะมีราคาขายเริ่มต้นที่ 1,000 บาท ไปจนถึงหลักหลายหมื่นบาท และหากทำเป็น คอร์สออนไลน์ ที่ไม่มีต้นทุนเรือง Packaging และ Shipping cost อัตรากำไรขั้นต้นของ คอร์สออนไลน์ ที่ขายผ่านระบบที่คุณสร้างเองก็อาจสูงถึง 90% อย่างไรก็ดี วีดีโอคอร์ส เป็นรูปแบบที่มีกระบวนการทำงานมากที่สุด ยากที่สุด ลงทุนสูงที่สุด โดยมีกระบวนการดังนี้

ร่างเนื้อหา ทำสไลด์ ซ้อม Script: การทำคอร์สออนไลน์ก็ไม่ต่างจากการบรรยายในงานสัมมนา คุณจึงต้องมีโครงร่างเนื้อหาที่จะบรรยาย และสไลด์ Presentation ที่จะนำเสนอประกอบการบรรยาย และเพื่อให้การบรรยายของคุณลื่นไหลเป็นธรรมชาติ คุณอาจต้องซ้อมเพื่อสร้างความคุ้นเคยก่อนถ่ายทำจริง ซึ่งการบรรยายเดี่ยวหน้ากล้องนั้นแตกต่างจากการบรรยายต่อหน้าคนจริง ๆ ซึ่งไม่ง่ายสำหรับคนที่ยังไม่คุ้นกล้อง

บันทึกการถ่ายทำเนื้อหา: นี่คือขั้นตอนที่ยุ่งยากที่สุดโดยเฉพาะหากคุณต้องการให้งานออกมาดีก็อาจต้องลงทุนกับอุปกรณ์ และสถานที่ในการถ่ายทำ หรือฉากหลังที่เหมาะสม แต่หากคุณไม่กังวลกับเรื่องเหล่านี้ก็สามารถเปิดกล้องจากคอมพิวเตอร์และบันทึกการบรรยายได้เลย โดยอาศัยอุปกรณ์ช่วยบันทึกเสียงเดียวกับออดิโอบุ๊ค

ตัดต่อและแปลงเนื้อหาเป็นไฟล์สำเร็จ: หลังบันทึกงานเสร็จก็จะเป็นกระบวนการตัดต่อและแปลงไฟล์เป็น MP.4 ภาษาเทคนิคเรียกว่าการ Export file หรือการ Render file จากโปรแกรมตัดต่อวีดีโอมาเป็นไฟล์ที่สามารถนำไปอัพโหลดขึ้นระบบคอมพิวเตอร์ เช่น เว็บไซต์, Facebook, Youtube, Vimedo เป็นต้น ฯลฯ

ค่าใช้จ่ายในการทำวีดีโอนั้นสูงมากโดยเฉพาะหากคุณเอาต์ซอสทั้งถ่ายทำและตัดต่อ ก็อาจมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่หลัก ‘แสนบาท’ สำหรับวีดีโอคอร์สความยาว 5 – 6 ชั่วโมง ดังนั้นหากคุณทำคอร์สออนไลน์บ่อย ก็ควรเรียนรู้และลงทุนกับอุปกรณ์จะคุ้มกว่า

ช่องทางการจัดจำหน่ายคอร์สออนไลน์

ขายผ่าน E-Learning Store: กรณีนี้ได้แก่ SkillLane ซึ่งเขาจะทำหน้าที่ทั้งบันทึกและตัดต่อเนื้อหาให้คุณโดยไม่มีค่าใช้จ่าย เพียงแต่คุณต้องลงขายคอร์สนั้น ๆ ที่เขาที่เดียว โดยคุณจะได้ค่าลิขสิทธิ์เนื้อหาประมาณ 55 – 60% จากทุก ๆ ยอดขาย

ตัวอย่าง คอร์สออนไลน์ ของ CEOblog บน SkillLane

 

ขายผ่าน ELS สำเร็จรูป: ELS ย่อมาจาก E-Learning Management Software มีผู้ให้บริการเป็นแพลทฟอร์มสำเร็จรูปทีมีระบบพร้อมให้คุณทุกอย่าง คุณเพียงนำไฟล์วีดีโอไปอัพโหลดลงในระบบก็สามารถขายได้ในนามของคุณเอง ระบบนี้มี Fixed cost ประมาณ 40,000 – 50,000 ต่อปี หรือมากกว่า โดยขึ้นอยู่กับ Package บริการที่คุณเลือก ยอดขายทั้งหมดหัก Fixed cost คือกำไรขั้นต้นของคุณ ดังนั้นหากคุณขายได้ 1,000,000 บาท กำไรขั้นต้นของคุณคือ 95%! — ระบบดังกล่าว อาทิ Teachable

ตัวอย่าง คอร์สออนไลน์ บน Teachable

 

สร้างระบบเอง: ในกรณีที่คุณสร้างระบบเอง คุณจะต้องลงทุนกับระบบที่เรียกว่า ELS หรือ E-Learning Management Software และบรรจุลงบนเว็บไซต์ส่วนตัวของคุณ ซึ่งเว็บไซต์ CEOblog ก็ใช้วิธีนี้ โดยจะมี Fixed cost อยู่ที่ปีละไม่เกิน 30,000 บาท ถูกกว่าแบบที่ 2 แต่อาศัยความเข้าใจทางเทคนิคในการเชื่อมระบบเข้าด้วยกัน

ตัวอย่าง คอร์สออนไลน์ ของ CEOblog บนเว็บไซต์ตนเอง

 

นี่คือ 3 วิธีสร้างรายได้ Passive Income จากการขาย ความรู้ ที่คุณมีอยู่แล้ว ซึ่งนำมาจากประสบการณ์จริงของผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ CEOblog ที่คุณสามารถนำไปเริ่มต้นทำตามได้

ห้ามพลาด หากคุณมีความฝันที่จะเป็นเจ้าของธุรกิจการสอนออนไลน์ และมีรายได้แบบ Passive Income!

CEOblog มีประสบการณ์ทำ Information business หรือ ธุรกิจผลิตและจำหน่ายข้อมูลและความรู้ มากกว่า 5 ปี โดยเป็นทั้งผู้ผลิตและโปรดิวเซอร์ผลิตภัณฑ์ความรู้เกือบทุกรูปแบบ  และในเร็ว ๆ นี้กำลังจะจัดทำคอร์สออนไลน์เกี่ยวกับ วิธีสร้างธุรกิจการสอนให้เป็นระบบ Automation เพื่อให้คุณสามารถเริ่มต้นก้าวแรกสร้างธุรกิจนี้เป็นของตัวเองอย่างมั่นคงและมั่นใจ ที่สำคัญ คุณไม่จำเป็นต้องมีความรู้ และ ไม่ต้องพื้นฐานใด ๆ ทั้งสิ้นก็สามารถทำได้!

นี่คือ ครั้งแรกในประเทศไทย ที่คุณจะได้เรียนรู้แบบเจาะลึกในระดับการเชื่อมต่อ E-Learning Software ให้คุณสร้างรายได้จาก ความรู้ แบบ Passive income โดยคุณ ไม่ต้องรู้เรื่อง Coding ใด ๆ เป็นเทคนิคการสอนเฉพาะของ CEOblog ที่เดียวเท่านั้น

หากคุณไม่อยากพลาดโอกาสสำคัญในการจองคอร์สออนไลน์ชุดนี้ ที่มาพร้อมส่วนลดถึง 80% สำหรับผู้สมัครจองเรียนในรอบ Pre-sales ซึ่งจะประกาศเฉพาะในกลุ่มสมาชิกเท่านั้น โปรดแอด LINE@CEOblog ด้านล่าง เพื่อเข้าร่วมเป็น Waiting List พร้อมกับผู้สนใจกว่า 1500 ท่านและรอรับประกาศจากเรา!