จินตนาการสำคัญกว่าความรู้: Yunha Kim ลูกจ้างสถานบันการเงินสู่เจ้าของ Android App อายุ 25 ขวบ!

Yunha K 02

ความคิดดีๆมักเกิดขึ้นอย่างคิดไม่ถึง การค้นพบนวัตกรรมยิ่งใหญ่เกิดขึ้นบนความบังเอิญ เราได้ยินกรณีศึกษาของสินค้าและบริการเปลี่ยนชีวิตเจ้าของจากยาจกเป็นเศรษฐีเกิดขึ้นจากเรื่องเล่นๆหรืองานอดิเรกที่ทำด้วยใจรัก ไอสไตน์จึงบอกว่า จินตนาการสำคัญกว่าความรู้ รวมไปถึงสาวน้อยหน้าหวานวัย 25 ปี Yunha Kim กับไอเดีย Android Application เปลี่ยนชีวิตที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีที่คาดไม่ถึง

Yunha Kim เจ้าของ Android application นามว่า Locket เป็น Application ประเภท Mobile advertising ที่แสดงผลเป็นภาพโฆษณาสวยๆ ด้วย High quality image ปรากฏบนหน้าจอ Lock screen ของ Android smartphone กล่าวคือ โดยปกติเมื่อคุณ Activate สมาร์ทโฟนแล้วจะต้องสไลด์หน้าจอไปทางขวาเพื่อ Unlock screen ซึ่งปกติจะมีภาพพักหน้าจอเป็น Default ที่ติดมากับเครื่อง ซึ่งหน้าที่ของ Locket คือจะเข้ามาแทนที่รูป Default ด้วยรูปภาพสวยๆแฝงโฆษณาจากเจ้าของสินค้าและบริการที่เข้าร่วมรายการกับ Locket เป็นการทำให้แบรนด์เข้าถึงลูกค้ามากขึ้น ในขณะที่ลูกค้าก็มีโอกาสได้รับข่าวสารและร่วมลุ้นรับเล่นโปรโมทชั่นจากแบรนด์โปรดของตนเอง โดยปัจจุบันมีแบรนด์ชั้นนำทีเข้าร่วมแคมเปญกับ Locket อาทิ Hershey’s, Sunny D, Sears, ZipCar, eBay, Amazon, และ Spotify เป็นต้น

ไอเดีย App เด็ดเกิดในห้องน้ำ!

หลังจากเรียนจบชั้นมหาวิทยาลัยในอเมริกา Yunha ก็สมัครเข้าทำงานกับบริษัท Jefferies ในตำแหน่งนักวิเคราะห์วานิชธนกิจ (Investment Banking Analysis) หลังจากทำงานไปไม่ถึงปีเธอรู้สึกว่าแต่ละวันในการทำงานมันแสนน่าเบื่อ และวันๆเธอได้แต่เช็คหน้าจอสมาร์ทโฟน เธอสไลด์เพื่อ Unlock หน้าจอวันละเป็นร้อยครั้ง ทุกหน ทุกแห่ง ทุกที่ ทุกเวลา และแม้แต่ในขณะเข้าห้องน้ำ จนเธอได้สติและถามตัวเองว่า

“ฉันสไลด์หน้าจอบ่อยขนาดนี้แต่ละทีก็เจอแต่ไอ้ดอกเดซี่ๆ (Default screen ของ Android smartphone) ทำไมไม่มีใครทำ Lock screen ที่มีเนื้อหน้าที่ตื่นเต้นกว่านี้มาให้ดูบ้าง

เท่านั้นล่ะครับเธอก็ปิ๊งไอเดียว่ามันยังไม่มีใครทำนี่หว่า ถ้าอย่างนั้นเราก็เป็นคนทำ มันจะต้องเป็นปรากฏการณ์สะเทือนวงการครั้งใหญ่แน่ๆเลย! — และเมื่อเธอคิดได้ เธอก็ไปยื่นใบลาออกในสัปดาห์เดียวกันซึ่งตรงกับเดือนมีนาคม ปี 2013 และชักชวนเพื่อนซี้ของเธออีกสามคนที่เก่งในสาขาเฉพาะของตนเอง ได้แก่ Digital advertising expert (หรือ Internet marketer ในบ้านเรา) Advertising sales, และ Software developer แล้วย้ายไปเช่าอพาร์ทเมนต์ปักหลักใช้เป็นที่พักและที่พัฒนาโปรเจ็คร่วมกันในแห่งเดียว

Yunha และทีมงานที่เป็นเพื่อนสนิททำงานกันแบบหามรุ่งหามค่ำในการพัฒนา App. ไปพร้อมกับการออกพรีเซนต์โปรเจ็คเพื่อหาและระดมเงินทุนจากนักลงทุน Angel investor และ Venture capitalist มาร่วมลงทุนเพื่อทำ Startup ให้กับ Locket และจวบจนวันนี้ผ่านมาแล้ว 1 ปี Locket เปิดตัวในรูปของ Beta ที่กำลังอยู่ในความสนใจของตลาด แปลงห้องเช่าในคอนโดให้เป็นทั้งออฟฟิศและที่นอน, และทีมงานที่เพิ่มขึ้นจากวันแรกอีกหลายคน

Locket 01

1272465_10200569310942685_2105943653_o

แชร์ประสบการณ์การเป็น CEO หญิงคนเดียวในบริษัท

การเป็นผู้นำหญิงนั้นมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกันไป ความท้าทายในการเป็น CEO หญิงคือการวางตัวให้พอดี เพราะถ้าดุดันก็จะถูกมองว่าเป็น “นัง Bitch” หรือ เจ๊โหด, หากดราม่าก็จะถูกมองว่าประจำเดือนมาไม่ปกติ, หากอ่อนโยนก็จะถูกมองว่า ผู้หญิ๊งงงงผู้หญิง การเป็น CEO หญิงจึงวางตัวลำบากเพราะไม่ว่าจะเกิดอารมณ์ไหนก็จะถูกตัดสินด้วยความรู้สึกประมาณว่า ผู้หญิงก็อย่างนี้แหละว๊า เป็นต้น

ปัญหาอีกประการคือด้วยความเป็นผู้หญิงไม่พอแถมยังหน้าตาดีเวลาเธอติดต่อหาทีมงานในตำแหน่ง วิศวกร ซึ่งส่วนมากเป็นผู้ชาย บางครั้งเธอพบกับชายหื่นที่หวังจะเคลมเธอด้วยการตอบกลับอีเมล์ซึ่งแม้จะไม่ได้พูดตรงๆแต่แฝงนัยยะว่า ถ้าอยากให้ไปช่วยงานก็ต้องให้ฉันนอนกับเธอ อะไรประมาณนี้ซึ่งก็ทำเอาสะอึกไปเลยทีเดียว

แต่ในด้านที่ไม่ดีก็ยังมีด้านที่ดีอยู่และอาจดีมากกว่าการที่เป็น CEO ผู้ชายเสียอีก ได้แก่

1. มักได้รับความช่วยเหลือจาก CEO ทั้งชายหญิง กล่าวคือเพราะความเป็นผู้หญิงทำให้ CEO ชายอยากช่วย และเพราะความเป็นผู้หญิง ทำให้ CEO ผู้หญิงด้วยกันอยากสนับสนุนเพื่อนหญิงด้วยกันเองเช่นกัน เพราะเข้าใจหัวอกความเป็นผู้นำหญิงเหมือนกัน

2. การหานายทุนทำได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะจากกลุ่ม Funding ที่นำโดยผู้หญิง เพราะนายทุนหญิงส่วนมากมี Passion ที่จะเห็นผู้หญิงด้วยกันเข้ามามีบทบาทในเวทีผู้ประกอบการเคียงบ่าเคียงไหล่ผู้ชาย ทำให้นายทุนหญิงมีความกระตือรือร้นที่จะช่วย Startup ที่นำทีมโดยเพศหญิงเหมือนกัน

3. สามารถรับสมัครทีมงานผู้หญิงที่มีความสามารถมากเข้ามาร่วมงาน… ด้วยเหตุผลเดียวกันคือเพราะเป็นผู้หญิงเหมือนกันจึงเข้าใจกันมากกว่าและทำให้มองเห็นคุณสมบัติและความสามารถที่แท้จริงมากกว่าการให้ผู้ชายเป็นฝ่ายรับสมัครพนักงานผู้หญิง ทำให้เธอได้ทีมงานเก่งๆ ที่ทำงานได้เทียบเท่าหรืออาจจะเก่งกว่าผู้ชายเข้ามาร่วมงาน

ข้อคิดบทเรียนการทำธุรกิจจากเจ้าของธุรกิจวัยรุ่น

ข้อคิดต่างๆไม่ได้ถอดมาตรงๆ ผมรวบรวมและนำมาสังเคราะห์ให้เข้าใจง่ายเพราะบทสัมภาษณ์ของ Yunha เป็นภาษาพูดที่มีความกระจัดกระจายมากกว่านี้ ผมนำแนวคิดของเธอมาจัดสรรตัดแบ่งเป็นหัวข้อๆ ให้เหมาะกับภาษาเขียน

1265455_10200637514207724_664620404_o1. อย่าจ้างคนโดยเพียงยึดถือประวัติบน Resume เพราะมันไม่บอกอะไรเกี่ยวกับ Passion

Resume บอกประวัติการทำงาน แต่ไม่ได้บอก Passion ของคนทำงาน พนักงานที่มีคุณภาพที่จะผลิตผลงานดีๆนั้นต้องเป็นคนที่มี Passion หรือความรักความหลงใหลในสิ่งที่ตัวเองจะเข้าไปทำ ไม่ใช่เพียงแค่จะเอาเงินเยอะๆ คุยกับผู้สมัครเพื่อดูว่าเขามีหัวใจให้กับการทำงานหรือไม่เป็นสิ่งสำคัญกว่าประวัติอันยาวยืดในเอกสาร

2. จงขายวิสัยทัศน์ เพราะนักลงทุนเบื่อแล้วกับการนำเสนอแต่ Feature ของสินค้า

Yunha ใช้คำว่า Sell Your Vision หรือ วิสัยทัศน์ ในการเผชิญหน้ากับนักลงทุน พวกเขาพบเจอกับการเสนอไอเดียสินค้าซ้ำๆกัน คำพูดซ้ำๆ กันเกี่ยวกับการมีทีมงานผู้เชี่ยวชาญอย่างนั้นอย่างนี้ มีแผนการตลาดเลิศหรู แต่หัวใจที่เป็นรากฐานของธุรกิจนั่นคือ “Why do you do it” คุณทำ Startup นี้ขึ้นมาเพื่ออะไร อะไรคือ Story ที่จุด Passion ของคุณขึ้นมาทำสิ่งๆนี้

วิสัยทัศน์ ที่เกิดจาก Story + Passion + Why เป็นจิตวิญญาณของตัวผู้ประกอบการที่จะการันตีว่าเขามีพลังมากพอที่จะขับเคลื่อนไอเดียให้เกิดเป็นรูปธรรมอย่างไม่ท้อถอยไปง่ายๆ เป็นสิ่งที่ดึงดูดและน่าสนใจกว่าการพูดถึง Feature ของสินค้าและวุฒิการศึกษาของลูกทีมแต่ละคน

3. เริ่มต้นให้เร็วที่สุด อย่ารอช้า อย่าคิดเยอะ เพราะความสมบูรณ์แบบไม่มีจริง

ผมจะมีวลีติดปากอยู่ประโยคหนึ่งว่า “คิดได้ ทำเลย” ผมทำบล็อกด้วย WordPress นี้ก็หลักการเดียวกัน คิดไป ทำไป งมไป แก้ไป มีไอเดีย แต่โปรดักท์จะขายได้ไหมไม่รู้ แต่รู้งบประมาณว่ารับได้เท่านี้ๆ ก็อ่ะ! ทำสักตั้ง

Yunha บอกประมาณว่า หากมีไอเดียพร้อมกับรู้ใจตัวเองว่าอยากทำอะไรก็เริ่มทำเลย การได้ทำนั้นไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไรก็ยังเสียใจและเสียดายน้อยกว่าการไม่ได้ทำ ต่อให้ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรในสิ่งที่คุณจะทำแต่คุณจะได้เรียนรู้ไปตลอดทางจากการปฏิบัติจริง ยิ่งเริ่มต้นเร็ว ยิ่งถึงฝั่งฝันได้ก่อน

4. จงค้นหาและพูดคุยกับคนที่มีประสบการณ์จะเร่งกระบวนการความรู้ได้เร็วกว่าการอ่าน

อันนี้ถือเป็นคำแนะนำที่ทำเอาผมอึ้ง เมื่อผู้สัมภาษณ์ถามเธอว่า ให้แนะนำหนังสือ 3 เล่มสำหรับผู้สนใจจะเป็น Startup entrepreneur เธอตอบทันทีว่าไม่ต้องอ่าน แต่ให้หาตัวหรือหากลุ่ม Startup entrepreneur ให้ได้แล้วเข้าไป Join กับพวกเขาแบบตัวเป็นๆ เธอบอกว่าการได้นั่งคุยกับคนที่มีประสบการณ์เพียงหนึ่งชั่วโมงได้ความรู้ถึงกึ๋นแก่นกว่าการนั่งอ่านหนังสือในเรื่องเดียวกันหลายเท่าตัว

เป็นคำตอบที่เป็นตัวของตัวเองมากๆ ไม่บ่อยที่นักธุรกิจจะให้คำแนะนำว่า ไม่ต้องไปอ่งต้องอ่านมันหรอก! ผมเห็นด้วยในจุดหนึ่ง.. การอ่านหนังสือเป็นการเริ่มต้นเรียนรู้ที่ทำได้ง่ายที่สุด หนังสือช่วยอัดฉีดพลังความรู้เข้าสมองได้อย่างมหาศาล แต่การได้นั่งคุยกับผู้มีประสบการณ์บางครั้งได้แก่นสารสาระสุดเข้มกว่าการอ่านหนังสือทั้งเล่มก็เคยประสบ ที่สำคัญการได้คุยกับคนมีประสบการณ์จะได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจจากเขาซึ่งจะมีพลังผลักดันให้เราลงมือทำมากกว่าการอ่านหนังสือคนเดียวหลายเท่าตัว

สรุป

599432_3441376240595_1210105602_nYunha Kim และทีมงานได้รับโหวตโดยเว็บไซต์ Forbes.com ให้เป็น 30 The Most Creative in Advertising under 30’s ธุรกิจใหม่เกิดขึ้นได้จากเสี้ยวความคิดสร้างสรรค์ที่แว่บเข้ามาในหัวหรือแค่นึกสนุก…

มาร์ค ซักเกอร์เบิร์ค ทำ Facemash เพื่อเอาหน้านักศึกษาไปโพสต์ลงเว็บไซต์แล้วให้คนมากดโหวตว่าใครฮ็อตสุดจนพัฒนามาเป็น Facebook ในปัจจุบัน

App. Wongnai เกิดจากการที่เจ้าของไปเที่ยวแล้วหาร้านอาหารที่น่าสนใจยาก การบอกทางค้นหาก็ยากจึงทำ Application รีวิวร้านอาหาร แสดงแผนที่, เว็บไซต์, เบอร์โทร, และสถานที่ตั้ง ฯลฯ ขึ้นมา

App. LINE นี่ง่ายๆ เลยให้คนคุยกันผ่านข้อความสมาร์ทโฟนโดยผู้ส่งไม่ต้องโทรไปถามย้ำอีกครั้งว่าส่งข้อความไปได้รับหรือยังเพราะมันจะแสดงผลว่าอ่านแล้วหากปลายทางเปิดอ่าน

ธุรกิจเกิดจากบริการเล็กๆน้อยๆที่เข้ามาเติมเต็มช่องว่างที่ยังขาดอยู่ให้กับผู้คน ช่องว่างที่เป็นปัญหาเล็กๆน้อยๆที่คาดไม่ถึงอย่างการส่งข้อความและแค่อยากรู้ว่าปลายทางอ่านหรือยังอย่าง LINE หรือคนเราแค่อยากโชว์รูปภาพอวดเพื่อนๆให้มากด LIKE อย่าง Facebook จนกระทั่งแค่ภาพหน้าจอ Lock Screen สวยๆบนสมาร์ทโฟนทีสามารถคลิ๊กเข้าไปอ่านเนื้อหาได้อย่าง Locket นวัตกรรมเหล่านี้หากตอบโจทย์ความต้องการของคนกลุ่มหนึ่งซึ่งอาจเป็นหลักแสนหรือหลักล้านก็นำพาโอกาสทางธุรกิจเปลี่ยนชีวิตได้

MJ DeMarco ผู้เขียนหนังสือ The Millionaire Fastlane บอกว่า “To make a million, just create a business that touches a million people”