ประวัติ ครูชัย M.I.B เจ้าของธุรกิจการศึกษาเติบโตเร็วแห่งปี และนักการตลาดออนไลน์

หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำศัพท์ในธุรกิจสตาร์ทอัพ เช่น การทำ Minimum viable product, การทำ Growth hacking, การทำ Crowd funding ฯลฯ เหล่านี้เป็นหลักการทำธุรกิจในสถานการณ์ที่มีความไม่แน่ไม่นอนสูง และมีทรัพยากรจำกัดอันเป็นที่นิยมในกลุ่มธุรกิจสตาร์ทอัพ แต่เชื่อหรือไม่ว่าอันที่จริงแล้วหลักการนี้ก็ใช้ได้กับทุกรูปแบบธุรกิจรวมไปถึง SME หรือ E-Commerce

หนึ่งในบุคคลที่ประสบผลลัพธ์ในการปั้นธุรกิจแบบ ออฟไลน์ หรือ ธุรกิจที่มีหน้าร้าน โดยการประยุกต์ใช้แนวคิดแบบ สตาร์ทอัพ และ การตลาดออนไลน์ มาผสมผสานกันจดเกิดธุรกิจสอนภาษาที่เติบโตเร็วราวกับ Growth hacking ที่สามารถคืนทุนได้ภายใน 14 วัน และ ขยายสาขาด้วยระบบแฟรนไชน์จนมีมูลค่าสินทรัพย์แตะหลักร้อยล้านบาทในไม่ถึง 2 ปี!

วันนี้ CEOblog ได้พาบุคคลดังกล่าวมาบอกเล่าแบ่งปันประสบการณ์จริงอันมีค่าและน่านำไปปรับใช้แก่ตัวของท่านเอง เขาคนนั้นคือ ครูชัย ชัยพนธ์ ชวาลวณิชชัย อดีตผู้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสอนภาษา Mind English ที่มีผู้ติดตามบน Facebook business page นับล้าน และยังผู้ก่อตั้งเว็บไซต์และแฟนเพจ Marketing in Black ที่มีผู้ติดตามหลายแสนคนในวันนี้

ประวัติ ครูชัย M.I.B เจ้าของธุรกิจการศึกษาเงินล้าน และนักการตลาดออนไลน์

ชัยพนธ์ ชวาลวณิชชัย หรือ ครูชัย เป็นนักธุรกิจในอุตสาหกรรม Education business หรือ ธุรกิจการศึกษา ตัวเขาสามารถสร้างกระแสเงินได้หลักแสนบาทเข้าหน่วยงานที่ตนรับผิดชอบในโรงเรียนตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมปลาย และสร้างรายได้เดือนละหลักแสนเป็นของตัวเองผ่านธุรกิจติวเตอร์ตั้งแต่อายุ 18-19 ปี

ธุรกิจที่ทำให้ครูชัยเป็นที่รู้จักในฐานะของคนที่ทำธุรกิจ SME ด้วยอารมณ์สตาร์ทอัพคือ Mind English สถาบันสอนภาษาสร้างฐานผู้สนใจผ่าน Facebook business page จนกระทั่งเกิดความต้องการเรียนจริงขึ้นมาเป็นสัญญาณให้เริ่มต้นสร้างห้องเรียน Mind English ด้วยเงินทุนประมาณ 500,000 บาท และสามารถคืนทุนภายใน 14 วัน

Mind English มียอดขายประมาณ 70 ล้านบาทในปีแรก และเติบโตจาก ศูนย์สู่ 29 สาขาภายในไม่ถึง 2 ปี โดยการนำโมเดลแฟรนไชน์เข้ามาช่วยขยายกิจการ และเป็นธุรกิจออฟไลน์ที่ไม่มีพนักงานขายแต่เน้นใช้การตลาดออนไลน์ในการส่งคนเข้าไปสมัครเรียนที่หน้างาน

ปัจจุบัน ครูชัย ในวัย 28 ปี มีธุรกิจหลัก ๆ ในมือ (ยังไม่นับการลงทุนในธุรกิจอื่น ๆ) ได้แก่ Big Brain, Sky Touch, Mind English, และ Marketing in Black ซึ่งล้วนอยู่ในกลุ่มธุรกิจด้านการศึกษา

บทความสัมภาษณ์

Q. ครูชัย อายุ 27 ปีมีธุรกิจถึง 4 หน่วย ยังไม่นับการลงทุนในฐานะ Investor แต่ะอันเรียกว่าปัง ๆ ทั้งสิ้น อะไรคือต้นสายปลายเหตุให้ประสบผลลัพธ์รรวดเร็วขนาดนี้

A. อันนี้ต้องขอท้าวความกลับไปสมัยเด็ก ๆ คือผมเกิดในครอบครัวกลาง ๆ แต่รักการเรียนรู้ อ่านหนังสืออะไรที่เด็กทั่ว ๆ ไปในสมัยเดียวกันอาจจะไม่ค่อยอ่าน เช่น เพื่อนอ่านการ์ตูน แต่ผมดันไปอ่านพวก หนังสือธุรกิจ จิตวิทยา พัฒนาตัวเอง และอื่น ๆ อีกมากมาย อย่าง Rich Dad Poor Dad ของ โรเบิร์ต คิโยซากิ ผมก็สอยมาเป็นซีรีย์ตั้งแต่อายุ 12 ปี ซึ่งรุ่นผมแทบไม่มีใครอ่านกันเลย ส่วนนี้ผมคิดว่าน่าจะเป็นตัวช่วยขยาย Mind-set ให้คิดใหญ่ เห็นไกล และโตเร็วกว่าเพื่อนรุ่นเดียวกัน

Q. ทำไมถึงอ่านหนังสือ Non-fiction มากมายขนาดนั้นตั้งแต่เด็ก ๆ

A. อันนี้ขอเรียกขำ ๆ ว่าเป็นปมแล้วกัน แต่เป็นปม Positive นะครับ คือผมเป็นเด็กเรียน ต่อมาสอบเข้าโรงเรียนสาธิตปทุมวันได้ และข้างใจเป็นสังคมคนรวย แต่ละคนสนทนาเรื่องไปต่างประเทศ ใช้ของดี อันที่ผมจำติดใจคือการใช้กระเป๋านักเรียนจาค็อป ซึ่งถือว่าเป็นกระเป๋ามีคลาสในกลุ่มในเรียนในตอนนั้น ส่วนผมสะพายเป้เก่า ๆ คือไม่ใช่ว่าอินดี้หรืออะไร แต่เรียกร้องอยากได้กระเป๋าจาค็อป แล้วที่บ้านไม่ให้เขาบอกมันแพง ทั้งห้องมีเด็ก 50 คน ผมเป็นหนึ่งในสามที่ต้องสะพายเป้โง่ ๆ แล้วรู้สึกแย่กับตัวเอง

ผมจึงตั้งเป้าหมายกับตัวเองว่า “กูต้องรวยด้วยตัวเองให้ได้” — ซึ่งรวยแค่ไหนคือรวยก็ไม่รู้หรอก แต่ฟันธงแล้วว่าต้องรวย ก็เริ่มทำทุกอย่างที่จะทำให้ตัวเองรวย เริ่มต้นจากการรักการเรียนรู้ก่อนเลย อ่านหนังสือ ศึกษาคนสำเร็จอะไรต่าง ๆ มากมายไปหมด

Q. ครูชัย ทำอะไรและทำอย่างไรถึงได้มีรายได้เป็นแสนตั้งแต่อายุ 18-19 ปีกันเลยทีเดียว

A. พอเรามีเป้าว่า กูต้องรวย ก็เริ่มศึกษาหาความรู้จากการอ่าน และจากการลงมือปฏิบัติ แต่ด้วยความที่ยังเด็กก็หาประสบการณ์ผ่านกิจกรรมในโรงเรียน เรียกว่าเป็นนักกิจกรรมตัวพ่อเพื่อเอาประสบการณ์ ขึ้นเป็นรองประธานชมรม และในที่สุดก็รองประธานนักเรียน ซึ่งอำนาจเราก็จะมากขึ้น ก็เริ่มเสนอโครงการต่าง ๆ แก่คณะอาจารย์ โดยผมมุ่งไปที่กิจกรรมในการหารายได้ โดยสมัยที่ผมเป็นรองประธานนักเรียน สามารถหารายได้เข้าหน่วยงานที่ดูแลได้มากกว่าจำนวนเงินในช่วง 10 ปีีรวมกัน นอกจากนั้นยังรับจัดหาผู้ประกอบการมาตั้งโต๊ะ ออกบูธอาหารในพื้นที่กิจกรรมของโรงเรียน ก็เป็นประสบการณ์ทำให้เราโตเร็วยิ่งขึ้นไปอีก

ทีนี้พอจบมัธยม ได้วุฒิมาแล้วผมก็เริ่มทำงานหาเงินโดยการไปสมัครเป็นเด็กเสิร์ฟที่ McDonald ครับ คุณพระ ใครจะเชื่อ เห็นแบบนี้เคยเป็นเด็กเสิร์ฟ แต่ด้วยความที่เราเคยถูกรับรู้ด้านผลการเรียนดี ผู้ปกครองของรุ่นน้องที่รู้จักเราก็มาทาบทามให้ไปสอนพิเศษลูกหลานเขาให้หน่อย และนั่นคือจุดเปลี่ยนสำคัญ

เมื่อผมมีโอกาสได้เป็นติวเตอร์เด็ก ๆ เพื่อเตรียมสอบเข้าโรงเรีียนสาธิตปทุมวัน ผมค้นพบตัวเองว่าชอบการสอนมาก ๆ ทำแล้วฟินสุด ๆ รายได้ตอนแรกชั่วโมงละ 150 บาท ยิ่งสอนยิ่งฮ็อต งานล้นมือ สอนแม่งทุกวัน จากชั่วโมงละ 150 บาทก็ขึ้นเป็นชั่วโมงละ 300 บาท ช่วงปี 1 นี่เดือน ๆ ทำได้เดือนละ 2-3 หมื่นบาท แต่มันก็ยังไม่รวยถูกไหม? แต่ผมก็สอน ๆ ๆ สอนเพื่อเก็บเงินเป็นทุนแล้วพอจบปี 1 ปุ๊ปผมก็เปิดโรงเรียนติว ตั้งชื่อว่า Big Brain

Q. จาก Big Brain สู่ Sky Touch ได้อย่างไร?

A. พอเปิด Big Brain จึงกลายเป็นธุรกิจเต็มรูปแบบ เราไม่ได้สอนคนเดียว มีทีมอาจารย์ด้วย รายได้มันก็ทวีคูณจากทำคนเดียวเดือนละ 2 หมื่น คราวนี้กระโดดไปหลายแสนต่อเดือน แต่ก็เรียกว่าทำงานหัวไหม้เลย แล้วก็เรียนไปด้วย โดยผมเรียนวิศวะการบินที่ ม.เกษตร เรียนเพราะอยากทำธุรกิจสายการบิน ฝันใหญ่เว่อวังอลังกาลมาก กะว่าเป็นเจ้าของสายการบินนี่รวยสุด ๆ แต่พอเข้าไปสัมผัสจริงถึงได้รู้ว่าธุรกิจสายการบินไม่ได้รวยอย่างที่คิด ท็อปลิสต์คนรวยในโลกแม่งไม่มีเจ้าของสายการบินที่ทำสายการบินเพียว ๆ ติดโผเลย ไอ้เราก็ชิบหายแล้ว เอาไงดี ก็ตัดสินใจกลับมาโฟกัสที่ธุรกิจต่อ

แต่ด้วยความที่เราอินกับการศึกษาเรื่องการบินมาก ทำให้มีความรู้เรื่องนี้เยอะก็เลยเอาความรู้ตรงนี้มาเปิดโรงเรียนแนะแนวการบินตั้งชื่อว่า Sky Touch ภารกิจคือให้คำปรึกษา แนะแนว และเป็นนายหน้าสนคนไปเรียนการบินที่อเมริกา ถามว่าทำไมต้องอเมริกา เพราะอเมริกาเป็นศูนย์การเรียน มีศูนย์ฝึกกว่า 2,000 แห่ง เที่ยบกับประเทศไทยที่มี 6 แห่ง มีขีดจำกัดมาก ๆ อีกทั้งข้อดีหลาย ๆ อย่างในอเมริกาที่รวม ๆ แล้วทำให้ต้นทุนในการเรียนไม่ต่างจากไทยแต่ได้กำไรคือภาษา นี่คือคุณค่าที่ Sky Touch อยากส่งมอบให้นักเรียน — ตอนทำ Sky Touch ผมอยู่ประมาณมหาวิทยาลัยปี 3 ปี 4

Q. แล้วจุดกำเนิดของ Mind English เป็นอย่างไร?

A. Mind English นี่พีคมาก พีคนี่หมายถึงทำธุรกิจสอนภาษาโดยตัวเองก็ไม่ได้เก่งภาษา ทำไปได้ยังไงคุณพระ แต่แค่รู้ว่าธุรกิจภาษานี่มาแรงสุด ๆ ช่วงนั้น AEC ฟีเว่อร์ด้วย อะไร ๆ ก็เออีซี ๆ งั้นผมเล่นตลาดนี้ด้วยคน โดยเอา ปัญหา หรือ Pain point ในธุรกิจภาษาคือที่ผ่านมาสอนแต่ท่องแกรมม่า แต่ชีวิตจริงจำแต่แกรมม่าเวลาพูดภาษาอังกฤษแต่ละทีถ้าแบบท่องจำนี่ต้องมาแปลงสารจากอังกฤษเป็นไทย แปลงไทยเป็นอังกฤษแล้วค่อยพูดตอบกลับไป ซับซ้อนวุ่นวายมาก

Mind English จึงพัฒนาหลักสูตรบนแนวคิด เรียนภาษาเหมือนเด็กหัดพูด ถ้าคุณสังเกตเด็กพูดเป็นก่อนจะท่อง ก ข ค ถูกไหม หลักการเดียวกันคือเน้นการเรียนรู้และสามารถพูดหรือสื่อสารภาษาอังกฤษออกมาจากใจ จึงตั้งชื่อว่า MIND English

Q. ผมเป็นเพื่อนใน Facebook กับครูชัย ตอนนั้นเห็นโพสต์อยู่เหมือนกันว่าขยายสาขารัว ๆ เลย ช่วยเล่าวิธีขยายธุรกิจอย่างรวดเร็วให้ฟังที

Mind English ใช้การตลาดออนไลน์เป็นหลัก โดยการเปิด Facebook page แล้วให้ Value content คือ คอนเทนต์ที่มีประโยชน์ ของผมเป็นโพสต์วิธีใช้ภาษาอังกฤษและคนสามารถเอาความรู้จากเพจไปใช้ได้จริงเอามาเสิร์ฟแทบทุกวัน จนคนจำได้ว่าเพจนี้เชี่ยวชาญเรื่องอะไร ก่อนที่จะเริ่มเกิด Demand จริงขึ้นมา นั่นคือคนส่งข้อความมาสอบถามเรื่องคอร์สเรียนภาษาอังกฤษ นั่นคือสัญญาณบอกว่า เริ่มขายได้!

ผมก็ควักเงินก้อน 500,000 บาท เปิดห้องเรียนแล้วประกาศขายคอร์สสอนภาษาบนแฟนเพจ ผลตอบรับดีมากและคืนทุนภายใน 14 วัน ยอดขายปีแรก 70 ล้านบาท ก็นำเงินมาขยายสาขา แต่การจะไปได้เร็วก็ต้อง Leverage ผมก็ Leverage โดยการเปิดให้มีการแฟรนไชน์ออกไป มันเลยกลายเป็น 29 สาขาภายในไม่ถึง 2 ปี

Q. หากให้กระเทาะออกมาเป็น Key Success สำเร็จรูปของธุรกิจทั้งสาม อะไรคือ Key Success ในมุมมองของครูชัย

A. ผมขอฝาก 7 ข้อดังนี้เลย..

1. Clear goal

เป้าหมายชัดเจนคือสิ่งสำคัญ อะไรที่เป็นเป้าหมายคือ “ต้องได้.. ไม่ได้ไม่ได้” เมื่อผมมีเป้าหมายคือ ต้องรวย ไม่รวยไม่ได้ ก็ลงมือทำทุกอย่างให้ตัวเองไปถึงจุดที่มีรายได้มาก ๆ

2. Know you passion

ต่อมาคือรู้ตัวเองชอบหรือถนัดอะไรอย่างรวดเร็วช่วยเพิ่มพลังทวีได้ เพราะคุณจะทำในสิ่งที่คุณรักได้ดีเสมอ ถามว่าทำไงถึงรู้ตัวเองเร็ว คำตอบคือ ลงมือทำ! คิดอะไรได้ ออกไปทำ อย่านั่งมโนอยู่คนเดียว การออกไปทำเท่านั้นที่จะทำให้คุณรู้ว่าคุณชอบอะไร พอผมมีโอกาสได้ลองสอนเด็ก ผมฟินมาก รู้เลยว่าเราชอบบอกเล่า แบ่งปัน และสอนคน ก็จับมาเป็นอาชีพและธุรกิจการสอน

3. Fail and learn and keep learning

ความเก่งเกิดจากการสะสมความล้มเหลวครับ นักธุรกิจระดับโลกทุกคนไม่ได้เป็นระดับโลกเพราะโครตเก่งและประสบความสำเร็จตลอดเวลา ไม่ใช่! พวกเขาเก่งเพราะเคยล้มและล้มหนักมาก ผมเคยล้มเหลวเป็นหนี้ 5-6 ล้าน แต่ระดับประเทศและระดับโลกเขาล้มกันเป็นร้อยล้านล้านพันล้าน ฉะนั้นอย่ากลัวที่เริ่มสิ่งใหม่ ๆ เพราะกลัวล้มเหลว ความล้มเหลวเป็นกระบวนการของการเรียนรู้ ล้มแล้วลุกให้ไว และเรียนรู้จากมันเพื่อไปต่อ

4. Make connections

“รู้อะไร ไม่สู้รู้จักใคร” Connections หรือการรู้จักคนจะทำให้คุณไปได้ไวขึ้น เพราะโอกาสดี ๆ มักอยู่ท่ามกลางคนเก่ง จงเอาตัวเข้าไปใกล้คนเก่ง ๆ แต่อย่าไปตัวเปล่าครับ คุณต้องพัฒนาตัวเองให้ดีพอที่จะไปอยู่ท่ามกลางคนเก่ง ถ้าวันนี้คุณยังไม่มีธุรกิจ คุณต้องพัฒนาความรู้และวิธีคิด และทักษะบางอย่างที่จะคุยกับเขารู้เรื่อง หรือช่วยงานเขาได้ เมื่อคุณเก่งขึ้น เงินเยอะขึ้น ธุรกิจโตขึ้น คุณจะยิ่งขึ้นไปสู่สังคมอีกระดับที่โอกาสมากมายมหาศาลมากขึ้น

5. Build your personal branding

ต่อเลยคือคราวนี้ “รู้จักใคร ไม่สู้ใครรู้จักคุณ” — ตั้งแต่งานติวเตอร์ชิ้นแรก จนมาถึงโรงเรียนสอนภาษาแห่งแรก จนมาถึง Mind English ที่ลูกค้าถล่มทลายตั้งแต่ยังสร้างห้องเรียนไม่เสร็จเกิดเพราะ คนรู้จักผม ผมทำ Personal branding ตั้งแต่เด็ก ๆ และต้องบอกว่า Personal branding ไม่ใช่ปริมาณในการเสนอหน้าของคุณ แต่เกิดเพราะปริมาณคุณค่าที่คุณส่งมอบให้ผู้อื่น

6. Create a system

ผมไม่มีทางมานั่งพูดนั่งคุยได้แบบนี้หากยังจำกัดตัวเองเป็นติวเตอร์ที่นั่งสอนด้วยตัวเอง ถ้าคุณทำทุกอย่างเองคุณจะไม่โต คุณต้องสร้างระบบธุรกิจที่มีสูตรในการทำซ้ำได้ เช่น หลักสูตรที่ครูของโรงเรียนผมสามารถนำไปสอนนักเรียนได้ อย่าง Mind English เคยมีจำนวนครูขึ้นไปพีคที่ 300 คน ถ้าผมยังมานั่งสอนคนเดียวอยู่ Mind English ไม่มีทางไปถึง 29 สาขาแน่นอน

อันนี้คนขายของออนไลน์ก็ต้องรู้นะครับ เพราะนักเรียนกลุ่มขายของออนไลน์ตอนผมมาทำ MIB หลายคนบอกว่า พอขายดีแล้วตอบลูกค้าไม่ทัน จะจ้างคนก็ไม่กล้าเพราะเขาขายไม่เก่งเท่าคุณ อันนั้นมันแน่นอน เขาไม่มีทางเก่งเท่าคุณ คุณได้ 100% ลูกจ้างอาจทำได้แค่ 40% ของคุณ แต่ถ้าคุณจ้าง Customer support มา 10 คน นั่นคือพลังทวี 400% ซึ่งคุณคนเดียวทำไม่ได้แน่ ๆ หน้าที่ของคุณคือสร้างระบบขาย สร้าง script สร้างระบบวัดผล และระบบเทรน Customer support ขึ้นมา ให้เขาทำงานแทนคุณ และคุณไปขยายกิจการอื่น ๆ ต่อไป

7. Create a successor

ทุกระบบต้องมีคนดู และคน ๆ นั้นต้องไม่ใช่คุณ! คุณต้องหา Successor หรือคนที่คุณปั้นจนสามารถทำงานแทนคุณมาดูแลระบบและภาพรวมทั้งหมด และคุณก้าวออกมายืนข้างนอก ดูรายงาน และบริหารผ่าน Successor ของคุณ เพื่ออะไรครับ? เพื่อคุณจะได้ไปพัฒนาธุรกิจอื่น ๆ และใช้กระบวนการทำซ้ำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดพลังทวีทางการเงินจนกลายเป็นคนรวย

สรุป

นี่คือเรื่องราวและแนวคิดที่นำมาฝากกันกับ ครูชัย ชัยพนธ์ ชวาลวณิชชัย โดยผลงานปัจจุบันที่มาแรงไม่แพ้กันและถูกติดตามโดยนักธุรกิจและคนทำอีคอมเมิร์ซจำนวนมาก คือ เว็บไซต์และแฟนเพจ M.I.B Marketing in Black การตลาดง่าย ๆ เพียงปลายนิ้ว