ก้าวคนละก้าว

แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจาก ก้าว เล็ก ๆ ตูน บอดี้แสลม

โครงการ ก้าวคนละก้าว ของ อาทิวราห์ คงมาลัย หรือ ตูน บอดี้สแลม เป็นแรงกระเพิ่มให้สังคมหันมาตื่นตัวกับความเดือดร้อนของประชาชนในด้านการสาธารณสุข หลังจากที่เคยจัดทำโครงการก้าวคนละก้าวครั้งแรก เพื่อระดมทุนบริจาคให้กับโรงพยาบาลบางสะพานมาแล้ว และครั้งนั้นระดมทุนไปได้ทั้งหมด 85 ล้านบาท มากกว่าที่ตั้งเป้าไว้ที่ 70 ล้านบาท

แต่ในครั้งนั้นเป็นการวิ่งจากกรุงเทพฯ ถึงบางสะพานจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ระยะทางรวมกว่า 400 กิโลเมตร ซึ่งตูนใช้เวลาไป 10 วัน และในครั้งนี้ เป็นก้าวที่ท้าทายกว่านั้น เป็นการวิ่งที่ระยะทาง 2,191 กิโลเมตร ผ่าน 20 จังหวัด จากใต้สุดอำเภอเบตงจังหวัดยะลา ถึงเหนือสุดที่อำเภอแม่สายจังหวัดเชียงราย ซึ่งรวมระยะทางมากกว่าครั้งที่แล้วถึง 5.5 เท่า ดังนั้นระยะเวลาที่คาดการณ์ไว้คือ 55 วัน

อุปสรรคมากมายตั้งแต่เริ่มคิดจะทำ

แน่นอนว่าหากใครสักคนหนึ่งต้องการทำในสิ่งที่ยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คนธรรมดาทั่วไปคิดจะทำได้นั้น เขาจะต้องพบเจอกับอุปสรรคและแรงเสียดทาน ต่าง ๆ นานา ที่จะถาโถมเข้ามาเพื่อทดสอบว่า มีความแข็งแกร่งพอหรือไม่ ตูน ก็เช่นกัน เพราะตั้งแต่ที่แถลงข่าวไปว่า จะวิ่งอีกครั้ง เพื่อระดมทุนให้ได้ 700 ล้านบาท ช่วยเหลือ 11 โรงพยาบาล ก็พบกับทั้งเสียงชมและเสียงต่อต้าน ทั้งดูถูกและด่า และถูกโยงเข้าไปสู่เรื่องการเมือง แต่เมื่อตูนคิดแล้วว่าเขาทำเพื่อคนที่เดือดร้อน ดังนั้นสิ่งเหล่านี้ ที่เข้ามาทดสอบจึงถือเป็นเรื่องเล็กน้อย ที่เขาจะต้องรวบรวมความกล้า ก้าว ออกมา แล้วฝ่ามันไปให้ได้

– “ทำดีเอาหน้า… ผมกลัวคำ ๆ นี้มาตลอด แต่เราต้อง ก้าว ข้ามความกลัว และมองที่ผลลัพธ์ปลายทาง” –

ตูน บอดี้สแลม ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะใจ

แบบอย่างของการพึ่งพาตนเอง

ถึงแม้จะเป็นการออกวิ่งเพื่อขอบริจาคจากคนไทยทุกคน แต่จุดเริ่มต้นที่ตูนทำก็คือการพึ่งพาตนเอง ไม่ต้องเดือดร้อนใคร มองไปที่ปัญหาแล้วคิดว่าเราจะสามารถแก้ปัญหานี้ด้วยตัวของเราเองอย่างไรบ้าง จุดเริ่มต้นของ ก้าวคนละก้าวเพื่อโรงพยาบาลบางสะพาน มาจากการที่ตูนได้ซื้อบ้านให้คุณแม่ที่ อ.บางสะพาน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ และตูนได้มีโอกาสไปพักที่นั่นบ่อยครั้งจนได้รู้จักสนิทสนมกับคนในพื้นที่ รวมถึงรู้จักกับ ผอ.โรงพยาบาลบางสะพาน ซึ่งท่านได้มาขอความช่วยเหลือจากตูน ให้ช่วยจัดงานวิ่งการกุศลหาเงินซื้อเครื่องมือแพทย์ให้กับโรงพยาบาล เนื่องจากอุปกรณ์มีจำกัด ซึ่งตูน ก็ยินดีที่จะช่วยจัดงานให้ แต่เมื่อคำนวณต้นทุนการจัดงานและงบประมารที่ทางโรงพยาบาลต้องการแล้ว หากหักค่าดำเนินการออก จะเหลือเงินเพียงน้อยนิดซึ่งไม่เพียงพอต่อการจัดซื้อเครื่องมือแพทย์ ตูน จึงคิดว่า เขาจะใช้ตัวเองเป็นจุดเริ่มต้น เป็นการวิ่งด้วยตัวคนเดียว เพื่อลดต้นทุนและจะได้นำเงินทุกบาททุกสตางค์มาช่วยเหลือโรงพยาบาลได้อย่างเต็มที่

และจากจุดนี้เอง กลายเป็น ก้าว ที่ยิ่งใหญ่ เป็นแบบอย่างของการเริ่มต้นคิดและทำด้วยการพึ่งพาตนเอง ก่อนที่จะเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากคนอื่น ซึ่งตูนตระหนักเสมอว่า ไม่อยากรบกวนประชาชน หรือทำให้ใครต้องเดือดร้อน เพราะจุดประสงค์คือ ช่วยบรรเทาความเดือดร้อน ไม่ใช่สร้างเพิ่ม

– “ถ้าทุกคนช่วยกันทำดีในส่วนเล็ก ๆ ที่แต่ละคนทำได้มันจะสมทบกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่” –

ตูน บอดี้สแลม ให้สัมภาษณ์ในรายการเจาะใจ

แค่คนละ 10 บาท

ตูน ขอระดมทุนบริจาค จากทุกคนทั่วประเทศ เพียงคนละ 10 บาท เท่านั้น แต่ถ้าใครจะให้มากกว่านั้นก็ไม่ขัดศรัทธา เนื่องจากทุกคนมีกำลังทรัพย์และกำลังศรัทธาไม่เท่ากัน ตูนขอเบื้องต้นเพียง คนละ 10 บาท เพื่อไม่ให้กระทบกับความเป็นอยู่จนทำให้ใครต้องเดือดร้อน

– “ผมอยากได้เงิน 10 บาท จากทุกคน… 10 บาท ที่ทุกคนคิดว่ามันจะไปช่วยชีวิตใครได้ ลองเอามากองรวมกัน… มันช่วยได้เป็นพันเป็นหมื่นชีวิตเลย” –

สิ่งที่ให้ไปคือชีวิต

เงินบริจาคส่วนใหญ่จะถูกนำไปซื้อเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ยังขาดแคลน ซึ่งจะสามารถช่วยต่อชีวิตให้กับอีกหลายพันหลายหมื่นชีวิตได้ ช่วยให้ประชาชนได้เข้าถึงการบริการด้านสาธารณะสุขได้ดียิ่งขึ้น

– “หัวหน้าครอบครัวบางคน มีชีวิตอยู่ต่อได้ ด้วยเครื่องมือที่เราหาไป ทำให้ลูกของเขาสี่ห้าคนไม่ต้องกำพร้าพ่อ ทำให้พ่อเขาเลี้ยงลูกได้อย่างมีคุณภาพ – ผมว่ามันเป็นผลกระทบเป็นห่วงโซ่ต่อเนื่องนะครับ จากการมีหรือไม่มีเครื่องมือแพทย์ แค่ชิ้นเดียว” –

ก้าวที่ยากยิ่งกว่าเดิม

จากการระดมทุนบริจาคเพื่อ 1 โรงพยาบาล กลายเป็นเพื่อ 11 โรงพยาบาล ต้องลงพื้นที่รับฟังข้อมูลปัญหาต่าง ๆ ต่างพื้นที่ ปัญหาย่อมแตกต่างกัน ปัญหามีมากมายที่ต้องได้รับการแก้ไข และหลายอย่างไม่ได้มีปัญหาที่เงินอย่างเดียว แต่สิ่งที่ตูนพอจะทำได้ก็คือ การรับฟังและช่วยเหลือตามกำลังเท่าที่จะทำได้ แม้เป้าหมาย 700 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปัญหา และความขาดแคลนด้านสาธารณสุขของภาพรวมทั้งประเทศจะเทียบกันไม่ได้ แต่การก้าวครั้งนี้ จะเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่และส่งต่อเป็นแรงกระเพื่อมให้สังคมได้ตื่นตัว และตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องคนไทยอีกจำนวนมาก การก้าว ครั้งนี้จึงต้องการพลังจากทุก ๆ คน

– “เราอยากจะ ก้าว ไปให้ถึงที่สุด เท่าที่พลังของเราและทุก ๆ คนจะมี เพื่อแสดงให้ทุกคนเห็นว่า.. แค่ ก้าว เล็ก ๆ จากทุกคน เมื่อรวมกันแล้ว… มันจะสามารถกลายเป็น “ก้าวยาว ๆ “ ขึ้นมาได้จริง ๆ “ –

แรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ เริ่มจาก ก้าว เล็ก ๆ

ในวันนี้ ตูนได้เริ่ม ก้าว ออกไปแล้ว ระยะทางที่ก้าวจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ยอดเงินบริจาคก็เช่นกัน แต่ระหว่างทางนั้น ตูน ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่ ให้กับประชาชนมากมาย ให้มีความหวังและกำลังใจ มีประชาชนมากมายมารอต้อนรับ ตลอดสองข้างทางที่ตูนก้าวผ่าน ผู้ป่วยมารอรับเพื่ออยากเห็นศิลปินที่เขาชื่นชอบ เพื่อขอกำลังใจในการต่อสู้กับความเจ็บป่วยที่เผชิญอยู่ แม้แต่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ ต่างก็เข้ามารับกำลังใจและให้กำลังใจกับตูน พื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เคยมีปัญหา ตอนนี้ประชาชนต่างออกมายืนรอรับ ศิลปินผู้ที่เสียสละเพื่อชุมชนของพวกเขา และเชื่อว่ากลังจากนี้ ในทุก ๆ ก้าว ที่ตูนวิ่งผ่าน ก็จะสร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้คนได้อีกมากมาย

การเสียสละที่จะเป็นแบบอย่างให้กับผู้คนมากมาย

มีคำถามมากมายว่าทำไม ตูน ต้องทำอะไรขนาดนี้ การวิ่งในระยะทางไกล ๆ โดยมีวันพักน้อย ๆ เป็นอันตรายอย่างมาก และอาจจะอันตรายถึงชีวิตได้เลย ตูน ตอบว่า “ผมไม่เสียดายชีวิต ผมแค่คิดว่าทุกคนต้องตาย แต่สุดท้ายผมคิดว่า ถ้าผมต้องเสียชีวิตจากการทำอะไรแบบนี้ ก็แค่ไม่เป็นไร… ปลายทางถ้ามันจะช่วยชีวิต เด็กน้อยที่ต้องการเครื่องมือฉุกเฉิน หัวหน้าครอบครัวได้มีชีวิตต่อ แล้วไปเลี้ยงลูกอย่างมีคุณภาพ ผมมองว่ามันคุ้ม” ตูน ให้สัมภาษณ์ในรายการ Tonight’s The Night

แต่หลังจากที่ออกวิ่งมาไม่นาน ตูนก็เริ่มมีอาการบาดเจ็บ เนื่องจากลักษณะของการวิ่งระยะไกลนั้น ผู้วิ่งจะต้องมีร่างกายแข็งแรงและเตรียมพร้อมอย่างมาก แม้ตูนเข้าใจในข้อนี้ดี และฟิตซ้อมร่างกายมาแล้ว แต่ด้วยความที่เป็นที่รักและที่สนใจของประชาชนมากมาย และตูนไม่เคยปฏิเสธหากมีประชาชนขอให้หยุด เพื่อถ่ายรูป หรือเรียกหยุดเพื่อพูดคุย เหตุนี้เองจึงทำให้เกิดอาการบาดเจ็บของกล้ามเนื้อ และทำให้การวิ่งล่าช้าไปกว่ากำหนดเดิมอย่างมาก เนื่องจากเข้าวันที่ 5 แล้ว ระยะทางเพิ่งวิ่งได้เพียง 141.10 กิโลเมตร (อัพเดทระยะทางได้ที่เว็บไซต์ก้าวคนละก้าว) ดังนั้นทางทีมงานจึงขอความร่วมมือจากประชาชน ไม่ดักหรือหยุดการวิ่งของ ตูน หาก ตูน วิ่งผ่านจุดใด เพียงยื่นมือให้แตะเพื่อให้กำลังใจก็เพียงพอแล้ว ทั้งนี้เพื่อความปลอดภัยกับร่างกายของ ตูน เป็นสำคัญ และต้องคำนึงถึงเป้าหมายของการวิ่ง คือวิ่งให้ถึงปลายทางตามกำหนดเวลาเดิม เพราะตอนนี้ เนื่องจากล่าช้ากว่ากำหนด ตูนจึงต้องงดวันพัก และมาวิ่งชดเชยในวันพักแทน เท่ากับว่าต่อจากนี้จนกว่าจะกลับเขาสู่ระยะตามเป้าหมายปกติ ตูน อาจจะวิ่งโดยไม่มีวันหยุดพักเลย ซึ่งเสี่ยงอันตรายต่อชีวิตเป็นอย่างมาก

ถึงเวลาที่คนไทยต้องปรับทัศนคติในการให้

จากการเสียสละของ ตูน เพื่อเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้คนมากมาย ถึงเวลาที่เราต้องตระหนักว่า การบริจาคของเรานั้น ควรส่งให้ถึงมือใคร เพื่อแก้ปัญหา หรือบรรเทาความเดือดร้อนอะไรบ้าง เพราะคนไทยนั้น มีจิตใจโอบอ้อมอารี และนิยมบริจาคเพื่อการกุศลมากเป็นอันดับ 5 ของโลก(เทียบตามสัดส่วนผู้บริจาค) แต่หากเรามองให้ลึกลงไปถึงเบื้องหลังการบริจาคเหล่านั้น เงินบริจาคจำนวนมหาศาลกลับถูกกระจุกรวมอยู่ในที่ที่มีความต้องการน้อย กล่าวคือ เป็นการบริจาคเพื่อสร้างกุศลให้กับตนเอง เช่น บริจาคทำบุญ สะเดาะเคราะห์ ต่อดวงชะตา ปล่อยนก ปล่อยปลา สร้างโบสถ์ สร้างวิหาร สร้างศาสนสถาน ประเทศไทยจึงมีเทวรูปองค์ใหญ่ วัดวาอารามขนาดใหญ่ งดงาม ไม่ได้หมายความว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ดี ไม่ควรสร้าง แต่หากเราตระหนักว่า ยังมีอีกหลายภาคส่วน ต้องการเงินจำนวนนี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ และสามารถต่อชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้ เราควรตระหนักว่า ควรปันส่วนเงินบริจาคนั้น ไปใช้ในทางใดบ้าง

เช่น บริจาคโดยตรงกับโรงพยาบาลเพื่อซื้ออุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์ สิ่งใดที่ขาดแคลน สามารถแจ้งความจำนงค์ขอบริจาคเข้าไปได้ ไม่ต้องรอให้พี่ตูนออกมาวิ่ง เพราะไม่ใช่แค่ 11 โรงพยาบาลที่มีปัญหา แต่ทุกโรงพยาบาล ทั่วประเทศก็มีปัญหา หรือหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยต่าง ๆ เช่นหน่วยงานดับเพลิง บางครั้งก็ขาดแคลนอุปกรณ์ตัดถ่าง หรืออุปกรณ์ป้องกันของเจ้าหน้าที่ ซึ่งเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน มีความจำเป็นอย่างมาก และมีผลต่อชีวิตคนจำนวนมาก เหล่านี้ก็ต้องการ ได้รับการบริจาคเช่นกัน

หากคนไทยยังยึดติดกับมายาคติว่า อยากหล่อสวยต้องบริจาคถวายพวงมาลัยดอกไม้กับพระ อยากฉลาดต้องถวายหนังสือ หรือบริจาคสร้างห้องสมุดหรือโรงเรียน อยากมีสุขภาพแข็งแรงต้องถวายสังฆทานยา อยากรวยต้องบริจาคเงินเยอะ ๆ เช่นนี้การทำบุญนั้นก็ทำเพื่อบำรุงกิเลสส่วนตัวทั้งสิ้น แต่หากการให้ เป็นไปเพื่อให้แล้ว เราไม่ต้องคิดว่า ทำบุญหรือให้ไปแล้ว ฉันจะได้อะไร แต่คิดเพียงว่า ให้เพื่อละ เพื่อสละ เพื่อได้ให้ เท่านี้ก็เพียงพอ นี่จึงจะเป็นกุศลที่แท้จริง เหมือนกับที่ ตูน ได้เริ่ม ก้าว เริ่มให้ โดยไม่หวังผลเพื่อตนเอง แต่หวังเพื่อได้ให้ ให้ในสิ่งที่ยังขาดแคลน เพื่อผู้อื่นได้ประโยชน์สูงสุด และสิ่งเหล่านี้จะวนกลับมาสู่สังคม และตอบแทนความเสียสละของ ตูน ในอนาคตอย่างแน่นอน นี่จึงเป็นไปเพื่อการกุศล และเป็นบุญอย่างแท้จริง

– ติดตามความเคลื่อนไหว ระยะทางที่วิ่งได้ ยอดเงินบริจาคทั้งหมด และช่องทางการบริจาคได้จากเว็บไซต์หลักของโครงการ ก้าวคนละก้าว ที่ kaokonlakao.com 

Image credit: mthai– “ถ้าทุกคนช่วยกันทำดีในส่วนเล็ก ๆ ที่แต่ละคนทำได้มันจะสมทบกลายเป็นพลังที่ยิ่งใหญ่” –

อาทิวราห์ คงมาลัย / ตูน บอดี้สแลม


และหากคุณชอบใน Content ที่ทาง CEO Blog ได้นำเสนอ ในเร็ว ๆ นี้ ทาง CEO Blog ของเรานั้น กำลังจะมีโปรเจค CEO Premium Content ซึ่งเป็น Content ด้านการค้าปลีกออนไลน์ แบบพรีเมี่ยม ที่หาอ่านไม่ได้บน Blog ปกติของ CEO Blog โดยจะเปิดรับสมัครสมาชิกพรีเมี่ยมในเร็ว ๆ นี้

หากคุณไม่อยากพลาด Content ระดับ Premium สามารถลงทะเบียนเพื่อรับแจ้งข่าวสารได้ที่นี่ก่อนใครเลยครับ รับรองได้เลยว่ามันเป็น Content ระดับพรีเมี่ยมในราคาที่คุ้มสุด ๆ อย่างแน่นอน >>> ลงทะเบียนรับข่าวสารที่นี่ก่อนใครceo premium content

Resources: