Jeff มีคุณตาที่มีดีกรีเป็นถึงผู้อำนวยการพลังงานปรมาณู
Lawrence Preston Gise พ่อของ Jacklyn มีตำแหน่งเป็นถึง ผู้อำนวยการฝ่ายภูมิภาคของคณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูสหรัฐอเมริกา (U.S. Atomic Energy Commission) มีส่วนสำคัญให้ Jeff มีความสนใจในเทคโนโลยีต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในคอมพิวเตอร์ รวมถึงคุณตายังให้ Jeff ได้ฝึกหัดทำงานทุกอย่างด้วยตนเองด้วย
วัยเด็กของอัจฉริยะ Jeffrey
Jeff ในวัย 5 ขวบ ได้ดูการถ่ายทอดการลงจอดบนดวงจันทร์ของยานอวกาศ Apollo 11 ซึ่ง Jeff ชื่นชอบมาก และตัดสินใจเลยว่า ต้องเป็นนักบินอวกาศให้ได้ หลังจากนั้น เด็กชาย Jeffrey ก็กลายเป็นหนอนหนังสือ ที่อ่านทุกอย่างที่ขวางหน้า จนพ่อกับแม่ของ Jeff อดเป็นห่วงไม่ได้กลัวว่าจะบ้าแต่ตำรา จึงต้องพาไปเล่นอเมริกันฟุตบอล ต่อมา Jacklyn ได้พา Jeff ไปเข้าเรียนในโปรแกรมของเด็กที่มีพรสวรรค์ และตอนอายุ 10 ขวบ Jeff เพิ่งจะรู้ความจริงว่า Miguel ไม่ใช่พ่อแท้ ๆ ของเขา
งานแรกของ Jeff เริ่มที่บริษัทสตาร์ทอัพด้านการสื่อสาร แต่ไม่นานก็ย้ายเข้าทำงานกับบริษัทต่าง ๆ ใน Wall Street เช่น Fitel, Banker Trust และงานสุดท้ายที่ D. E. Shaw & Co (เป็นบริษัทเฮจฟันด์) ในตำแหน่งรองประธานอาวุโสของบริษัท ในขณะที่ Jeff มีอายุเพียง 28 ปีเท่านั้น ต่อมาในปี 1993 Jeff ได้แต่งงานกับ Mackenzie S. Tuttle แฟนสาวที่รู้จักกันในที่ทำงานนี้เอง
วิสัยทัศน์ที่กว้างไกลของ Jeff Bezos
ไม่ใช่ว่า Jeff มีตาทิพย์หรือมีพลังพิเศษ แต่ด้วยการที่ทำงานด้านการเงิน ที่ต้องรับรู้ข้อมูลข่าวสารใหม่ ๆ ตลอดเวลา ทำให้ Jeff ได้ข้อมูลมาว่า ธุรกิจอินเทอร์เน็ตมีอัตราการเติบโตสูงถึง 2,300 % ต่อปี เขานำเรื่องนี้ไปคุยกับหัวหน้าของเขา (เจ้าของบริษัท D. E. Shaw) เพื่อจะหาแนวร่วมในการทำธุรกิจ แต่เจ้านายของเขาไม่เห็นด้วย และคิดว่าธุรกิจบนอินเทอร์เน็ตเสี่ยงเกินไปและไม่มั่นคง แถมยังไม่มีกฎหมายรองรับในขณะนั้นอีกด้วย
เลือกของที่ขายยากที่สุด
Jeff มีความคิดว่าอยากจะทำเว็บไซต์อีคอมเมิร์ซ ที่ขายของทุกอย่าง และผู้คนที่ต้องการสินค้าต้องนึกถึงเว็บไซต์ของเขาเป็นอันดับแรก แต่ในตอนเริ่มต้น Jeff ทำการลิสต์รายชื่อสินค้าที่คิดว่าน่าจะเติบโตเร็วที่สุด มา 20 รายชื่อ และสุดท้ายคิดว่า หนังสือนี่แหละเหมาะที่สุด (อาจจะมาจากการที่เป็นคนชอบอ่านหนังสือมาตั้งแต่เด็กก็เป็นได้) ซึ่งพอเอาเรื่องนี้ไปปรึกษาหัวหน้า ก็ยิ่งได้รับกำลังใจอย่างล้นหลามเลยว่า “นายมีงานที่ดี ๆ ทำอยู่แล้วนะ ทั้งรายได้และเงินโบนัส คิดดี ๆ นะเจฟฟ์” Jeff จึงตัดสินใจยื่นใบลาออก และเดินหน้าทำตามความฝันของเขา ซึ่งแม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ยังไม่เห็นด้วยกับการลาออกและไอเดียธุรกิจดอทคอมของเขา เพราะในขณะนั้นยังไม่เคยมีใครเคยเห็นเว็บไซต์แบบที่ Jeff พูดว่าจะทำเลย และยิ่งไม่ต้องพูดถึงเว็บไซต์ขายหนังสือออนไลน์ ไม่มีใครเชื่อว่าหนังสือจะขายผ่านเว็บไซต์ได้
แต่ในความเป็นจริงคือ Jeff Bezos มีเงินมากพอที่จะไม่ต้องใช้โรงรถทำเป็นออฟฟิศก็ได้ และกว่าที่จะผลักดันจนเปิดตัวเว็บไซต์ Amazon ได้นั้น เขาต้องไปกู้ยืมเงินนับล้านดอลล่าร์จากญาติ ๆ และธนาคาร เอาสินทรัพย์ที่มีไปจำนองไว้ เพื่อนำเงินมาลงทุน และจ้างทีมงานระดับหัวกะทิ โดยที่ตัว Jeff เองก็ลงมือเขียนโปรแกรมเว็บไซต์ร่วมกับทีมงานด้วย และทุ่มเทเวลาให้กับเว็บไซต์ไปมากมาย กว่าจะเปิดตัวเว็บไซต์ได้ทั้ง Jeff และ Mackenzie ก็แทบจะกินนอนกันในโรงรถเลยทีเดียว
เปิดตัวเว็บไซต์ Amazon.com
16 กรกฎาคม 1995 Jeff Bezos ได้เปิดตัวเว็บไซต์ Amazon.com และเคลมตัวเองว่าเป็นร้านหนังสือออนไลน์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก เพราะอะไร? เพราะ Jeff ติดต่อกับร้านขายส่งหนังสือหรือสำนักพิมพ์โดยตรง แรกเริ่มก็เฉพาะในอเมริกาก่อน ทำให้ Jeff สามารถขายหนังสือได้ทุกเล่มที่มี โดยไม่ต้องสต็อกหนังสือแม้แต่เล่มเดียว เมื่อมีคำสั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ Jeff จะส่งออเดอร์นั้นไปยังร้านขายหนังสือหรือสำนักพิมพ์ทันที
Jeff Bezos ได้พบกับสองหนุ่มนักศึกษา คือ Larry Page และ Sergey Brin ผู้ก่อตั้ง Google ในปี 1998 ซึ่งในขณะนั้นโปรเจ็ค Google ที่ก่อตั้งโดยนักศึกษาสองคน ที่บอกว่าจะทำ เครื่องมือการค้นหาเว็บไซต์ (Search Engine) ที่ดีที่สุดในโลก ในขณะที่ Yahoo ครองโลกอยู่ คงต้องเป็นเรื่องที่บ้ามาก ๆ แต่จะด้วยความอัจฉริยะ หรือมองเห็นอนาคตก็แล้วแต่ Jeff ลงทุนใน Google ไป 250,000 เหรียญสหรัฐฯ แลกกับหุ้นจำนวน 3.3 ล้านหุ้น และการลงทุนในวันนั้นเอง ส่งผลให้เงิน 250,000 เหรียญสหรัฐฯ กลายเป็น 29,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในวันนี้
ในปี 1998 เช่นกัน Jeff Bezos เล็งเห็นโอกาสมากขึ้น จึงตั้งใจจะเพิ่มหมวดสินค้าใน Amazon และปรับเปลี่ยนโลโก้ของเว็บไซต์ โดยมีลูกศรลากจาก A ไปที่ตัว Z มีความหมายว่า คุณสามารถหาซื้อสินค้าที่มีได้ตั้งแต่ A ถึง Z เลยทีเดียว
ทุกการลงทุนมีความเสี่ยง
ไม่ใช่ว่าการลงทุนของ Jeff Bezos จะทำกำไรได้ทั้งหมด และกฎ 80/20 ทำงานของมันอย่างเคร่งครัดเสมอ ในขณะที่ Jeff ใส่เงินลงทุนไปใน Google เพียง 250,000 เหรียญแล้วได้กำไรมหาศาล แต่กับ Junglee.com เว็บไซต์เปรียบเทียบราคาสินค้าในอินเดีย Jeff ลงทุนไปมากถึง 170 ล้านดอลล่าร์สหรัฐฯ กลับเจ๊งยับไม่เหลือชิ้นดี ทั้ง ๆ ที่ช่วงแรก Junglee เป้นเว็บไซต์ฟอร์มดีที่เติบโตเร็วมากคล้ายกับ Amazon เลยทีเดียว การลงทุนครั้งนี้ของ Jeff เหมือนกับเผาเงินทิ้ง 170 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ไปในพริบตา